ในที่สุดผลสอบก็ออกเสียที ซึ่งผลสอบจะออก 13 วันหลังสอบ และสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ resuls.ielts.org
เรื่องเล่าในวันสอบอยู่ที่นี่ค่ะ
http://www.aboutaussie.com/index.php/blog/item/15-ielts-test-day
หลังจากทำใจนิดหนึ่งก่อนก็รีบเข้าไปดูผลเสียที ตอนแรกก็แอบบ่น เน็ต 4G นี่ช้ายิ่งกว่าเต่า เข้าไม่ได้สักที หมุนอยู่นั่นแหละ พยายามเข้าเว็บอยู่หลายทีในที่สุดก็เข้าได้ และพบกับผลตัวเบ้อเริ่ม Server Busy !!!
หลังจากพยายามหลายชั่วโมงก็ยังเข้าไม่ได้จึงถอดใจ กลับมาเช็คใหม่วันรุ่งขึ้น ผลสอบในเว็บเป็น Provisional result ดูได้ภาย 24 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ
และแล้ว ก็ได้รู้เสียที...... 6.5 !!!
ไม่ได้ผิดหวังมากมาย แต่ทำไมไม่ฟลุ้คมั่วถูกบ้างน๊อ
Listening 7
Reading 6.5
Writing 5.5
Speaking 6.5
เอาล่ะ ไหนๆก็จะต้องสอบใหม่ มาลองวิเคราะห์ดูดีกว่าว่าเราพลาดตรงไหนบ้าง
Listening
จริงๆแล้วคาดหวังได้มากกว่านี้เพราะคิดว่าฟังได้เกือบทั้งหมด มีไม่แน่ใจคำตอบ 2 ข้อ ไม่แน่ใจตัวสะกด 1 ข้อ และตอบไม่ได้ 3 ข้อสุดท้าย ที่ตอบไม่ได้เพราะมัวไปคิดถึงข้อที่ไม่แน่ใจ นึกได้อีกที อ้าว จบแล้ว บทสนทนาคล้ายๆกับซีดีที่ได้มาพร้อมหนังสือเตรียมสอบเลย ทำให้รู้สึกคุ้นเคยไม่ค่อยกังวลมาก การอ่านคำถามก่อนเริ่มฟังช่วยได้มากทีเดียว อย่างน้อยทำให้เราพอเดาเรื่องราวได้ เมื่อฟังบทสนทนา จะรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ควรตอบคำถามข้อไหนแล้ว จากคะแนนที่ได้คิดว่ามีหลายข้อที่สะกดผิดทำให้เสียคะแนนไป เช่น strategy ที่เขียนบ่อยๆ แต่ในห้องสอบกลับไม่แน่ใจว่าสะกดอย่างไร ตัว r ควรอยู่ตรงไหนซะงั้น ที่แน่ๆ Scotland ผิดแน่นอนเพราะเขียนเป็น Scottland ไปอย่างงงงวย
Reading
มีทั้งหมด 3 เรื่องให้อ่าน ไล่จากง่ายไปยาก จะมีคำแนะนำเรื่องเวลาที่ควรใช้ในแต่ละข้อ ดังนั้นจะต้องพยายามตอบคำถามทั้งหมดให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดจึงจะทำข้อสอบทั้งหมดได้ทัน ในส่วนของการอ่าน คาดว่าผิดเยอะในข้อสุดท้ายซึ่งเป็นการจับคู่หัวข้อกับแต่ละย่อหน้าให้ตรงกัน สาเหตุที่ทำไม่ค่อยได้เพราะว่าลนกับเวลาที่ใกล้หมดเต็มที อ่านแต่ละย่อหน้าได้เข้าใจ แต่ไม่สามารถจับคู่กับหัวข้อได้ ไม่รู้ว่าคีย์เวิร์ดในหัวข้อ จะไปตรงกับเรื่องราวในย่อหน้าไหน ยิ่งลนก็ยิ่งหาอะไรไม่เจอ เดาไปเยอะเหมือนกัน
Writing
ส่วนนี้เป็นส่วนที่กังวลมาตั้งแต่แรก เพราะไม่ถนัดในการเขียนเอาเสียเลย ยิ่งห่างหายจากการเขียนบทความภาษาอังกฤษไปเสียนานยิ่งเขียนไม่ค่อยออก หัวข้อแรก 150 คำ ได้อธิบายแผนผังขั้นตอนการสอบใบขับขี่ เขียนได้ธรรมดามากเกินไป ออกแนวภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน คำศัพท์และคำเชื่อมต่อที่ใช้ไม่หลากหลายและไม่แสดงให้เห็นถึงการใช้ภาษาในระดับสูง
หัวข้อหลัง 250 คำ ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการเปรียบเทียบประเทศต่างๆจาก Economic progress และคิดว่ามีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่ควรใช้เป็นตัวชี้วัดในการเปรียบเทียบ ข้อนี้หินมาก เพราะไม่มีความรู้ทางด้านเศรษฐกิจเลย ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี คิดเป็นภาษาไทยก็ยังไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดีเลย หลังจากเกริ่นนำไป 1 ย่อหน้า เข้าเนื้อหาเขียนไปได้ 1 ย่อหน้าก็ถึงทางตัน เลยลบทิ้งแล้วตั้งต้นเขียนใหม่ แต่ด้วยนึกอะไรไม่ออกเลย นึกอะไรได้ก็เขียนๆลงไปทันที สุดท้ายรู้ได้เลยว่าเนื้อเรื่องไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าไหร่ เมื่อไม่รู้จะเขียนอะไร คำศัพท์และคำเชื่อมประโยคที่ใช้ก็เลยไม่ค่อยหวือหวา คะแนนออกมาได้แค่ 5.5 ถือว่าได้น้อยกว่าที่แอบหวัง(ฟลุ๊ค) แต่ก็ยอมรับเลยว่าทำได้ไม่ดีจริงๆ
Speaking
จริงๆการพูดคาดหวังจะได้ 7 หรือ 7.5 เลยด้วยซ้ำตอนก่อนสอบ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆแม้จะพูดซะน้ำไหลไฟดับจนคนสัมภาษณ์ต้องตัดบททิ้งหลายที เมื่อมาวิเคราะห์ตัวเองแล้วพบว่าตอบไม่ตรงกับคำถาม อย่างคำถามแรกให้อธิบายบ้านที่เคยเห็นแล้วรู้สึกชอบ กลับอธิบายไปนิดเดียวแล้วบอกว่ามันเป็นบ้านในฝันฉันเลย แต่ฉันอยากได้นู่นนี่นี่นั่นเพิ่มมาด้วย ร่ายซะยาวเลย นอกเรื่องไปเสียแล้วโดยไม่รู้ตัว
คำถามต่อมาถามว่าชอบดูรายการทีวีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รายการอะไร เผอิญไม่ชอบดูรายการประเภทนี้ เลยตอบไปว่าฉันดูแต่ข่าวกับซีรี่ย์สืบสวนสอบสวน พอเค้าถามว่ามีบุคคลในประวัติศาสตร์คนไหนที่ประทับใจและอยากค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ดันไปตอบถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วบอกว่าอยากรู้ว่าในรอบ 4-5 ปีมานี้เขาทำอะไรบ้าง
ต่อมาถามว่าตอนอยู่ ม.ต้นชอบร้องเพลงไหม ร้องเพลงแนวไหนบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย ดันตอบว่าฉันไม่ร้องเพลงเพราะร้องแล้วไม่เป็นเพลงเลยไม่ร้อง ยังดีที่พอตอบเรื่องนักร้องคนโปรดได้ ทีแรกก็มึนไปเลยเพราะไม่รู้จะตอบว่าใครดี เกือบตอบไปแล้วว่าพี่เบิร์ด
คำถามสุดท้ายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การมีสวนสาธารณะกลางกรุงดีอย่างไร
ในส่วนนี้ได้คะแนน 6.5 รู้เลยว่าคำศัพท์ที่ใช้นั้นธรรมดาเกินไป และยิ่งพูดมาก ยิ่งแสดงให้ถึงการใช้คำผิดๆมากขึ้น แทนที่จะช่วยกลับอาจจะทำให้เสียคะแนนก็ได้
จากการสอบครั้งนี้คิดว่าในข้อสอบในแต่ละทักษะจะมีพัฒนาการจากง่ายไปสู่ยาก ข้อแรกๆจะง่ายหน่อย แต่จะเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ข้อหลังๆจึงใช้เวลามากกว่าข้อแรกๆ และคิดว่าการฟังและการอ่านจะง่ายกว่าการเขียนและการพูด เพราะการฟังและการอ่านต้องการความเข้าใจว่าผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการสื่ออะไร เราแค่คิดตาม แต่การเขียนและการพูดนั้น เราจะต้องใช้ความรู้ที่มีมาช่วยด้วยไม่เพียงแต่ความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ แต่เป็นความรู้รอบตัว ถ้าเรารู้ในเรื่องๆหนึ่งดี เราจะพูดหรือเขียนได้ดีกว่าให้พูดหรือเขียนในเรื่องที่เราไม่ค่อยรู้
จากนี้ไปจะต้องเริ่มต้นฝึกฝนกันใหม่แล้วด้วยการแก้จุดด้อยทั้งหลายให้ได้และฝึกฝนให้มากขึ้นกว่าเดิม
วิเคราะห์ผลสอบไอเอล
เรื่องเล่าในวันสอบอยู่ที่นี่ค่ะ http://www.aboutaussie.com/index.php/blog/item/15-ielts-test-day
หลังจากทำใจนิดหนึ่งก่อนก็รีบเข้าไปดูผลเสียที ตอนแรกก็แอบบ่น เน็ต 4G นี่ช้ายิ่งกว่าเต่า เข้าไม่ได้สักที หมุนอยู่นั่นแหละ พยายามเข้าเว็บอยู่หลายทีในที่สุดก็เข้าได้ และพบกับผลตัวเบ้อเริ่ม Server Busy !!!
หลังจากพยายามหลายชั่วโมงก็ยังเข้าไม่ได้จึงถอดใจ กลับมาเช็คใหม่วันรุ่งขึ้น ผลสอบในเว็บเป็น Provisional result ดูได้ภาย 24 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ
และแล้ว ก็ได้รู้เสียที...... 6.5 !!!
ไม่ได้ผิดหวังมากมาย แต่ทำไมไม่ฟลุ้คมั่วถูกบ้างน๊อ
Listening 7
Reading 6.5
Writing 5.5
Speaking 6.5
เอาล่ะ ไหนๆก็จะต้องสอบใหม่ มาลองวิเคราะห์ดูดีกว่าว่าเราพลาดตรงไหนบ้าง
Listening
จริงๆแล้วคาดหวังได้มากกว่านี้เพราะคิดว่าฟังได้เกือบทั้งหมด มีไม่แน่ใจคำตอบ 2 ข้อ ไม่แน่ใจตัวสะกด 1 ข้อ และตอบไม่ได้ 3 ข้อสุดท้าย ที่ตอบไม่ได้เพราะมัวไปคิดถึงข้อที่ไม่แน่ใจ นึกได้อีกที อ้าว จบแล้ว บทสนทนาคล้ายๆกับซีดีที่ได้มาพร้อมหนังสือเตรียมสอบเลย ทำให้รู้สึกคุ้นเคยไม่ค่อยกังวลมาก การอ่านคำถามก่อนเริ่มฟังช่วยได้มากทีเดียว อย่างน้อยทำให้เราพอเดาเรื่องราวได้ เมื่อฟังบทสนทนา จะรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ควรตอบคำถามข้อไหนแล้ว จากคะแนนที่ได้คิดว่ามีหลายข้อที่สะกดผิดทำให้เสียคะแนนไป เช่น strategy ที่เขียนบ่อยๆ แต่ในห้องสอบกลับไม่แน่ใจว่าสะกดอย่างไร ตัว r ควรอยู่ตรงไหนซะงั้น ที่แน่ๆ Scotland ผิดแน่นอนเพราะเขียนเป็น Scottland ไปอย่างงงงวย
Reading
มีทั้งหมด 3 เรื่องให้อ่าน ไล่จากง่ายไปยาก จะมีคำแนะนำเรื่องเวลาที่ควรใช้ในแต่ละข้อ ดังนั้นจะต้องพยายามตอบคำถามทั้งหมดให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดจึงจะทำข้อสอบทั้งหมดได้ทัน ในส่วนของการอ่าน คาดว่าผิดเยอะในข้อสุดท้ายซึ่งเป็นการจับคู่หัวข้อกับแต่ละย่อหน้าให้ตรงกัน สาเหตุที่ทำไม่ค่อยได้เพราะว่าลนกับเวลาที่ใกล้หมดเต็มที อ่านแต่ละย่อหน้าได้เข้าใจ แต่ไม่สามารถจับคู่กับหัวข้อได้ ไม่รู้ว่าคีย์เวิร์ดในหัวข้อ จะไปตรงกับเรื่องราวในย่อหน้าไหน ยิ่งลนก็ยิ่งหาอะไรไม่เจอ เดาไปเยอะเหมือนกัน
Writing
ส่วนนี้เป็นส่วนที่กังวลมาตั้งแต่แรก เพราะไม่ถนัดในการเขียนเอาเสียเลย ยิ่งห่างหายจากการเขียนบทความภาษาอังกฤษไปเสียนานยิ่งเขียนไม่ค่อยออก หัวข้อแรก 150 คำ ได้อธิบายแผนผังขั้นตอนการสอบใบขับขี่ เขียนได้ธรรมดามากเกินไป ออกแนวภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน คำศัพท์และคำเชื่อมต่อที่ใช้ไม่หลากหลายและไม่แสดงให้เห็นถึงการใช้ภาษาในระดับสูง
หัวข้อหลัง 250 คำ ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการเปรียบเทียบประเทศต่างๆจาก Economic progress และคิดว่ามีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่ควรใช้เป็นตัวชี้วัดในการเปรียบเทียบ ข้อนี้หินมาก เพราะไม่มีความรู้ทางด้านเศรษฐกิจเลย ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี คิดเป็นภาษาไทยก็ยังไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดีเลย หลังจากเกริ่นนำไป 1 ย่อหน้า เข้าเนื้อหาเขียนไปได้ 1 ย่อหน้าก็ถึงทางตัน เลยลบทิ้งแล้วตั้งต้นเขียนใหม่ แต่ด้วยนึกอะไรไม่ออกเลย นึกอะไรได้ก็เขียนๆลงไปทันที สุดท้ายรู้ได้เลยว่าเนื้อเรื่องไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าไหร่ เมื่อไม่รู้จะเขียนอะไร คำศัพท์และคำเชื่อมประโยคที่ใช้ก็เลยไม่ค่อยหวือหวา คะแนนออกมาได้แค่ 5.5 ถือว่าได้น้อยกว่าที่แอบหวัง(ฟลุ๊ค) แต่ก็ยอมรับเลยว่าทำได้ไม่ดีจริงๆ
Speaking
จริงๆการพูดคาดหวังจะได้ 7 หรือ 7.5 เลยด้วยซ้ำตอนก่อนสอบ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆแม้จะพูดซะน้ำไหลไฟดับจนคนสัมภาษณ์ต้องตัดบททิ้งหลายที เมื่อมาวิเคราะห์ตัวเองแล้วพบว่าตอบไม่ตรงกับคำถาม อย่างคำถามแรกให้อธิบายบ้านที่เคยเห็นแล้วรู้สึกชอบ กลับอธิบายไปนิดเดียวแล้วบอกว่ามันเป็นบ้านในฝันฉันเลย แต่ฉันอยากได้นู่นนี่นี่นั่นเพิ่มมาด้วย ร่ายซะยาวเลย นอกเรื่องไปเสียแล้วโดยไม่รู้ตัว
คำถามต่อมาถามว่าชอบดูรายการทีวีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รายการอะไร เผอิญไม่ชอบดูรายการประเภทนี้ เลยตอบไปว่าฉันดูแต่ข่าวกับซีรี่ย์สืบสวนสอบสวน พอเค้าถามว่ามีบุคคลในประวัติศาสตร์คนไหนที่ประทับใจและอยากค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ดันไปตอบถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วบอกว่าอยากรู้ว่าในรอบ 4-5 ปีมานี้เขาทำอะไรบ้าง
ต่อมาถามว่าตอนอยู่ ม.ต้นชอบร้องเพลงไหม ร้องเพลงแนวไหนบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย ดันตอบว่าฉันไม่ร้องเพลงเพราะร้องแล้วไม่เป็นเพลงเลยไม่ร้อง ยังดีที่พอตอบเรื่องนักร้องคนโปรดได้ ทีแรกก็มึนไปเลยเพราะไม่รู้จะตอบว่าใครดี เกือบตอบไปแล้วว่าพี่เบิร์ด
คำถามสุดท้ายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การมีสวนสาธารณะกลางกรุงดีอย่างไร
ในส่วนนี้ได้คะแนน 6.5 รู้เลยว่าคำศัพท์ที่ใช้นั้นธรรมดาเกินไป และยิ่งพูดมาก ยิ่งแสดงให้ถึงการใช้คำผิดๆมากขึ้น แทนที่จะช่วยกลับอาจจะทำให้เสียคะแนนก็ได้
จากการสอบครั้งนี้คิดว่าในข้อสอบในแต่ละทักษะจะมีพัฒนาการจากง่ายไปสู่ยาก ข้อแรกๆจะง่ายหน่อย แต่จะเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ข้อหลังๆจึงใช้เวลามากกว่าข้อแรกๆ และคิดว่าการฟังและการอ่านจะง่ายกว่าการเขียนและการพูด เพราะการฟังและการอ่านต้องการความเข้าใจว่าผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการสื่ออะไร เราแค่คิดตาม แต่การเขียนและการพูดนั้น เราจะต้องใช้ความรู้ที่มีมาช่วยด้วยไม่เพียงแต่ความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ แต่เป็นความรู้รอบตัว ถ้าเรารู้ในเรื่องๆหนึ่งดี เราจะพูดหรือเขียนได้ดีกว่าให้พูดหรือเขียนในเรื่องที่เราไม่ค่อยรู้
จากนี้ไปจะต้องเริ่มต้นฝึกฝนกันใหม่แล้วด้วยการแก้จุดด้อยทั้งหลายให้ได้และฝึกฝนให้มากขึ้นกว่าเดิม