“กรณ์” ค้านขึ้นภาษี VAT ชี้ผลักภาระให้ประชาชน รีดเงินคนจนชดเชยการจัดเก็บรายได้ของรัฐที่หายไปจากการลดภาษีนิติบุคคล ลั่นยุติจำนำข้าว-ชดเชยโดยตรงให้ชาวนา ลดภาระรายจ่ายรัฐ...
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Korn Chatikavanij กรณีกระทรวงการคลังมีแนวคิดปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 10% และการออกใบอนุญาตให้นิติบุคคลปล่อยสินเชื่อรายย่อย เพื่อแก้ปัญหาเงินนอกระบบ โดยระบุว่า แนวคิดในการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดจากการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีหายไปประมาณ 200,000 ล้านบาท ในขณะที่คนรวยและต่างชาติซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่เล่นหุ้นมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตำหนิว่าการปรับลดภาษีนิติบุคคลเป็นการลดภาระรายจ่ายของคนรวยในการแบ่งปันให้กับคนยากจน
เมื่อรายได้จากการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลหายไป รัฐจึงต้องหาช่องทางเพิ่มรายได้จากทางอื่น โดยทุก 1% จากภาษีมูลค่าเพิ่ม เท่ากับรายได้เกือบ 60,000 ล้านบาท หากปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 ล้านบาท ชดเชยรายได้ที่หายไปจากการลดอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล เท่ากับรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลไม่ได้ลดลง แต่ทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มมากขึ้น เพราะการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% เป็นการเก็บภาษีจากประชาชนทุกคน
นายกรณ์ ระบุด้วยว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี คือการลดภาระค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง ยกเลิกการจำนำข้าวและชดเชยโดยตรงให้ชาวนา ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินภาษีไปได้ปีละกว่า 200,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องปรับขึ้นภาษี ซึ่งเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน.
ตัดตอนจากไทยรัฐ
คลังเตรียมเสนอขึ้นแวตเป็น 10 % เพื่อชดเชยการลดภาษีให้นิติบุคคล 2 แสนล้านบาท
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Korn Chatikavanij กรณีกระทรวงการคลังมีแนวคิดปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 10% และการออกใบอนุญาตให้นิติบุคคลปล่อยสินเชื่อรายย่อย เพื่อแก้ปัญหาเงินนอกระบบ โดยระบุว่า แนวคิดในการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดจากการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีหายไปประมาณ 200,000 ล้านบาท ในขณะที่คนรวยและต่างชาติซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่เล่นหุ้นมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตำหนิว่าการปรับลดภาษีนิติบุคคลเป็นการลดภาระรายจ่ายของคนรวยในการแบ่งปันให้กับคนยากจน
เมื่อรายได้จากการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลหายไป รัฐจึงต้องหาช่องทางเพิ่มรายได้จากทางอื่น โดยทุก 1% จากภาษีมูลค่าเพิ่ม เท่ากับรายได้เกือบ 60,000 ล้านบาท หากปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 ล้านบาท ชดเชยรายได้ที่หายไปจากการลดอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล เท่ากับรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลไม่ได้ลดลง แต่ทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มมากขึ้น เพราะการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% เป็นการเก็บภาษีจากประชาชนทุกคน
นายกรณ์ ระบุด้วยว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี คือการลดภาระค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง ยกเลิกการจำนำข้าวและชดเชยโดยตรงให้ชาวนา ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินภาษีไปได้ปีละกว่า 200,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องปรับขึ้นภาษี ซึ่งเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน.
ตัดตอนจากไทยรัฐ