ปลัดคลังเอาใจรัฐบาล เด้ง ‘สุภา’ พ้นปิดบัญชีจำนำข้าว

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในรายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยเเลนด์” ทางเอฟเอ็ม 97
เมกะเฮิรตซ์ ถึงกรณีจะมีคำสั่งย้าย น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง พ้นตำแหน่งประธานคณะกรรมการดูแลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยยอมรับว่าตนคุยกับน.ส.สุภาก่อนหน้านี้ และได้บอกไปว่าจะขอดูงานปิดบัญชีเอง เหตุผลที่ตนดึงเรื่องนี้มาดูแลเอง เนื่องจากตนเป็นบอร์ดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตั้งแต่ปี 2548 มีความเข้าใจเรื่องนี้ดี อีกทั้ง หลายฝ่ายพูดกันเยอะ และเข้าใจแตกต่างกัน ตนจึงอยากให้ประชาชนเข้าใจนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพราะประโยชน์เรื่องนี้ต้องตกอยู่กับเกษตรกรไม่ใช่คนอื่น ตนจึงอยากไปดูเอง ขอเรียนว่าตนเป็นนักบัญชี
ปัดการเมืองสั่งเขี่ย“สุภา”พ้นปิดบัญชี
ส่วนที่หลายฝ่ายแนะให้รัฐบาลยุติโครงการจำนำข้าวฤดูกาลที่ 3 เนื่องจากเสียงบประมาณมากนั้น นายรังสรรค์กล่าวว่า ตัวเลขไม่ตรงกันตน จึงอยากไปดูเอง การปิดบัญชีนั้นไม่จำเป็นต้องขายข้าวให้หมดสต๊อกก่อน เพราะข้าวสามารถลงบัญชีไว้ได้และปิดบัญชีได้ทุกปี แต่อย่าตีขาดทุนทันที ส่วนความแตกต่างการตีมูลค่าสินค่าคงเหลือนั้น ต้องเอาบัญชีมาดู หากไม่เชื่อกัน ก็นำคนกลางมาประเมินตามราคาตลาดและค่าเสื่อมสภาพ ส่วนกระแสข่าวว่าเหตุที่ย้ายน.ส.สุภา เพราะน.ส.สุภาทะเลาะกับฝ่ายการเมืองนั้น เรื่องนี้ควรไปถามน.ส.สุภา ยืนยันตนอยากปิดบัญชีเอง ย้ำว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้สั่ง
สำหรับการโยกย้ายน.ส.สุภาพ้นตำแหน่งประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวล่าสุด ถือเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดกระทรวงการคลัง สั่งย้ายน.ส.สุภาพ้นตำแหน่งดังกล่าวไปแล้ว หลังออกมาประเมินโครงการจำนำข้าวปี 2554/2555 อย่างตรงไปตรงมาระบุขาดทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังไม่พอใจออกคำสั่งสับเปลี่ยนภารกิจรองปลัดกระทรวงการคลังใหม่ โดยให้น.ส.สุภา ไปดูแลงานของสำนักปลัดกระทรวงการคลังและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แทนนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวง ที่จะมาดูแลงานของกรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่น.ส.สุภาเคยกำกับดูแลมาก่อน รวมถึงการเป็นประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวระบุรัฐบาลสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้นายรังสรรค์เข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าวแทนน.ส.สุภา โดยเป็นไปตามตำแหน่ง

“ยรรยง”ฟุ้งคืนเงินธกส.2แสนล.
ด้านนายยรรย พวงราช รมช.พาณิชย์เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะคืนเงินให้ธกส.อีก 30,000 ล้านบาท ในช่วงเวลา 3 เดือนที่เหลือจนถึงสิ้นปีนี้ หากรวมกับที่ส่งคืนไปแล้วก่อนหน้านี้ จะสามารถคืนเงินให้ธกส.ได้เกือบ 2 แสนล้านบาทแล้ว สำหรับสต๊อกข้าวปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 10 ล้านตัน ซึ่งได้แบ่งข้าวสำรองไว้เพื่อความมั่นคงทางอาหาร การส่งออก และไว้แจกจ่ายให้ประชาชนในประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติ รวมถึงช่วยเหลือประเทศที่ 3 ประมาณ2-3 ล้านตันด้วย

ตั้งฉายาหมอวรงค์“เฒ่าเลี้ยงแกะ”
นายยรรยงยังตอบโต้นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุตัวเลขของกรมการค้าต่างประเทศที่แจ้งว่า ขณะนี้มีรายได้จากการขายข้าวเพียง 1.2 แสนล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง คงคิดเอาเอง ยืนยันกระทรวงพาณิชย์คืนเงินให้ธกส.แล้ว 1.69 ล้านบาท โดยขายข้าวในโครงการจำนำของรัฐบาลนี้รวมเป็นเงิน 1.29 แสนล้านบาท อีกทั้ง ยังขายข้าวที่เป็นข้าวค้างสต็อกตั้งแต่สมัยนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 จนถึงวันที่ 7 ตุลาคม รวมเป็นเงิน 3.94 หมื่นล้านบาทด้วย ดังนั้น ขอตั้งฉายาให้นพ.วรงค์ว่าเป็น “เฒ่าเลี้ยงแกะ” เพราะชอบให้ข้อมูลเท็จเรื่องการซื้อขายข้าวของรัฐบาล การทำจีทูจีกับจีน และกรณีข้าวมีสารปนเปื้อนด้วย

“มาร์ค”เย้ยข่าวมั่วขายข้าวให้จีน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการจำนำข้าวเนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับงบประมาณของประเทศมหาศาล ส่วนการขายข้าวให้รัฐบาลจีนปีละ 1 ล้านตัน 5 ปีนั้น ฟังนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นการลงนามเอ็มโอยู แต่การลงนามช่วงที่นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมานั้น เป็นการซื้อข้าวจากเอกชน ไม่ใช่เป็นซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี และยังบอกว่าที่พูดกันนี้ ดีกว่าเอ็มโอยูเสียอีก ชัดเจนว่าข่าวใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีแถลงไป ไม่มีอะไรรองรับได้เลย เป็นเรื่องที่น่าห่วง โดยเฉพาะการให้ข่าวทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การค้าขาย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแบบนี้

ปชป.ย้ำจำนำข้าวปาหี่ครบวงจร
มีความเห็นจากนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงปัญหาโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า หลังม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเปิดเผยตัวเลขขาดทุนโครงการดังกล่าว 4.25 แสนล้านบาท แต่คนในรัฐบาลกลับไม่ตอบโต้ด้วยข้อมูล หรือหลักฐานราชการ แต่กลับดิสเครดิตโดยกล่าวหาว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไม่ได้เรียนจบบัญชีจึงไม่เข้าใจ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ระบุขาดทุนไม่เกิน 1 แสนล้านต่อปี และยืนยันมีการซื้อขายข้าวให้จีนเพิ่ม โดยลงนามในเอ็มโอยูอีกหลายฉบับ ส่วนที่นายกฯระบุจีนซื้อข้าวจีทูจีปีละ 1 ล้านตัน 5 ปีนั้น เป็นความช่วยเหลือให้ไทยขายข้าวได้เพิ่มไม่ใช่การลงนามเอ็มโอยู เท่ากับเป็นการจินตนาการเออออไปเอง ไม่มีการตอบรับใดๆจากรัฐบาลจีนเลย

ส่วนการระบายข้าว และส่งเงินคืบให้ธ.ก.ส.ไปแล้ว 168,000 บาท ก็ไม่ตรงกับตัวเลขของกรมการค้าต่างประเทศเองที่ระบุมีการคืนเงิน ธ.ก.ส.เพียง 128,000 บาท แสดงว่ากระทรวงพาณิชย์พยายามปั้นตัวเลขเท็จ เพราะกรอบมติคณะรัฐมนตรีระบุและการปิดบัญชีเดือนธันวาคม 2556 นี้จะต้องขาดทุนไม่ให้เกิน 5 แสนล้านบาท เป็นการโกหกแบบครบวงจร ทั้งระบายข้าว คืนเงิน ตัวเลขสต๊อค มั่วทั้งโครงการ เป็นการทำลายประเทศและวงการค้าข้าว

ออกแผ่นพับชูไทยเข้มแข็งสู้กู้2ล้านๆ
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์จัดทำเอกสารแผ่นพับ รายละเอียดโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล เปรียบเทียบกับแผนการใช้เงิน 2 ล้านล้านบาทในโครงการไทยเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะเริ่มเผยแพร่วันที่ 19 ตุลาคม บนเวทีผ่าความจริง เขตทวีวัฒนา รวมทั้งการจัดนิทรรศการไทยเข้มแข็งของพรรคควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์โครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งของการใช้งบประมาณของรัฐบาล ที่บอกความจริงไม่หมด ขณะที่การกู้เงินของพรรคประชาธิปัตย์สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ลงทุนโปร่งใสตรวจสอบได้ และอยู่ในระบบงบประมาณ ขณะที่การกู้เงินของรัฐบาลเป็นการกู้แบบหนี้บาน ที่มุ่งพัฒนาแค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่มีการพัฒนาเรื่องศักยภาพประเทศในด้านอื่น

credit  : http://www.naewna.com/politic/73447
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่