ความเดิมจากตอนที่แล้ว....
เป็นคุณแม่ท้อง 5 เดือนต้องมาตกงาน แต่การออกครั้งนี้ เขียนใบลาออกอย่างถูกต้อง และยังเขียนมีการเซ็นต์เอกสารว่าทางบริษัทเก่าจะยินดีจ่ายค่าชดเชยอีก 1 เดือน ซึ่งเหตุผลที่เขียนในใบลาออกนั้น เขียนลงไปว่า "ประกอบกิจการส่วนตัว" ซึ่งทางฝ่ายบุคคลเองก็บอกว่าจะได้แจ้งกับประกันสังคมได้แบบสวยหรู
และเหมือนฟ้าประทาน มีบริษัทหนึ่ง (ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทเก่า) ซึ่งผู้บริหารเป็นผู้หญิง รับคนท้องคนนี้เข้าทำงาน โดยให้เริ่มงานทันที คุณแม่ท้องคนนี้สำนึกในพระคุณของผู้บริหารสาวท่านนี้เป็นอันมาก และได้เริ่มงานเมื่อ วันจันทร์ที่ 14 ต.ค. 56 ที่ผ่านมา คุณแม่ท้องคนนี้ตั้งใจทำงานเพราะสำนึกในพระคุณ และจะยอมตายถวายหัวในความกรุณาที่มีต่อเราแม่ลูก ในยามที่เราไม่มีใคร จนเมื่อวันเสาร์ที่ 19 ต.ค. 56 เวลา 11.45 น. ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทเรียก คุณแม่ท้อง คนนี้ไปคุยในห้องประชุมเล็ก ซึ่งผู้บริหารสาวไม่อยู่ตั้งแต่วันศกร์ที่ 18 ต.ค. 56 และเหตุการณ์ที่ทำให้ช๊อกก็เกิดขึ้น ผู้จัดการฝ่ายบุคคลแจ้งว่า ทำการเช็คประวัติไปที่เก่าแล้ว แลละได้ข่าวมาไม่ค่อยดีนัก เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัท (ใหม่) ทางบริษัท(ใหม่) ขอยุติการว่าจ้างโดยให้ คุณแม่ท้องคนนี้ กลับบ้านได้เลย เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ , ข่าว และผู้ให้ข่าว ผู้จัดการฝ่ายบุคคล แจ้งเพียงแค่ว่า ขอเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งคุณแม่ท้องคนนี้ก็แจ้งกลับไปว่า มันไม่ยุติธรรมที่เราจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และข่าวที่ได้มาเป็นเช่นไร และทำไมผู้จัดการฝ่ายบุคคล จึงฟังความข้างเดียว ซึ่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่โต้แย้ง เราจึงจะขอคุยกับผู้บริหารที่รับเราเข้ามา ซึ่งทางผู้จัดการฝ่ายบุคคลแจ้งว่า เรื่องนี้เขาจะคุยกับทางผู้บริหารสาวเอง และเขาเชื่อว่าเขาสามารถโน้มน้ามให้ผู้บริหารสาวเห็นด้วยกับการตัดสินของเขาในครั้งนี้ และยังขอให้เราไม่ต้องบอกลาเพื่อนร่วมงานหรือใครๆในออฟฟิศ ในเดินออกไปเงียบๆช่วงพักเที่ยงแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย ยิ่งสร้างความงุนงงให้กับเราเป็นอย่างมาก
นั่งรถแท๊กซี่กลับมา ด้วยน้ำตานองหน้า และเงินที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงพัน ตอนนั้นความรู้สึกอยากตายเพื่อหนีปัญหา แต่ก็นึกถึงลูกชายคนโตวัย 14 ปีที่อยู่กับลูกชายคนที่ 2 วัย 1 ขวบที่รออยู่ที่บ้าน บวกกับได้กำลังใจจากคุณ ลุง ที่ขับรถแท๊กซี่ เมื่อกลับเข้าบ้านก็โทรหาผู้บริหารสาวทันที รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการรบกวนเพราะผู้บริหารสาว พาลูกสาวตัวน้อยและครอบครัวไปทำบุญใหญ่ที่บ้านเกิด ผู้บริหารสาวรับสายเราและแจ้งเราว่ายังไม่สะดวกคุยเพราะอยู่ต่างจังหวัด
คุณแม่ท้องคนนี้ จึงอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใน pantip ห้องสีลม ค่ะว่า
1. พรุ่งนี้ จันทร์ที่ 21 ต.ค. 56 คุณแม่ท้องคนนี้ว่าจะเข้าไปแจ้งกับผู้บริหารสาวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเองที่บริษัท หรือ ใช้วิธีโทรไปดีค่ะ เพราะว่าไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทแล้ว
2.ต่อจากนี้ คุณแม่ท้องคนนี้ ควรทำอย่างไรกับชีวิตดี จะมีบริษัทไหนรับคนท้อง 5 เดือนเข้าทำงานไหม
รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ pantip ห้องสีลมอีกครั้งค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดนแบบนี้ควรทำอย่างไรดี
เป็นคุณแม่ท้อง 5 เดือนต้องมาตกงาน แต่การออกครั้งนี้ เขียนใบลาออกอย่างถูกต้อง และยังเขียนมีการเซ็นต์เอกสารว่าทางบริษัทเก่าจะยินดีจ่ายค่าชดเชยอีก 1 เดือน ซึ่งเหตุผลที่เขียนในใบลาออกนั้น เขียนลงไปว่า "ประกอบกิจการส่วนตัว" ซึ่งทางฝ่ายบุคคลเองก็บอกว่าจะได้แจ้งกับประกันสังคมได้แบบสวยหรู
และเหมือนฟ้าประทาน มีบริษัทหนึ่ง (ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทเก่า) ซึ่งผู้บริหารเป็นผู้หญิง รับคนท้องคนนี้เข้าทำงาน โดยให้เริ่มงานทันที คุณแม่ท้องคนนี้สำนึกในพระคุณของผู้บริหารสาวท่านนี้เป็นอันมาก และได้เริ่มงานเมื่อ วันจันทร์ที่ 14 ต.ค. 56 ที่ผ่านมา คุณแม่ท้องคนนี้ตั้งใจทำงานเพราะสำนึกในพระคุณ และจะยอมตายถวายหัวในความกรุณาที่มีต่อเราแม่ลูก ในยามที่เราไม่มีใคร จนเมื่อวันเสาร์ที่ 19 ต.ค. 56 เวลา 11.45 น. ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทเรียก คุณแม่ท้อง คนนี้ไปคุยในห้องประชุมเล็ก ซึ่งผู้บริหารสาวไม่อยู่ตั้งแต่วันศกร์ที่ 18 ต.ค. 56 และเหตุการณ์ที่ทำให้ช๊อกก็เกิดขึ้น ผู้จัดการฝ่ายบุคคลแจ้งว่า ทำการเช็คประวัติไปที่เก่าแล้ว แลละได้ข่าวมาไม่ค่อยดีนัก เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัท (ใหม่) ทางบริษัท(ใหม่) ขอยุติการว่าจ้างโดยให้ คุณแม่ท้องคนนี้ กลับบ้านได้เลย เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ , ข่าว และผู้ให้ข่าว ผู้จัดการฝ่ายบุคคล แจ้งเพียงแค่ว่า ขอเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งคุณแม่ท้องคนนี้ก็แจ้งกลับไปว่า มันไม่ยุติธรรมที่เราจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และข่าวที่ได้มาเป็นเช่นไร และทำไมผู้จัดการฝ่ายบุคคล จึงฟังความข้างเดียว ซึ่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่โต้แย้ง เราจึงจะขอคุยกับผู้บริหารที่รับเราเข้ามา ซึ่งทางผู้จัดการฝ่ายบุคคลแจ้งว่า เรื่องนี้เขาจะคุยกับทางผู้บริหารสาวเอง และเขาเชื่อว่าเขาสามารถโน้มน้ามให้ผู้บริหารสาวเห็นด้วยกับการตัดสินของเขาในครั้งนี้ และยังขอให้เราไม่ต้องบอกลาเพื่อนร่วมงานหรือใครๆในออฟฟิศ ในเดินออกไปเงียบๆช่วงพักเที่ยงแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย ยิ่งสร้างความงุนงงให้กับเราเป็นอย่างมาก
นั่งรถแท๊กซี่กลับมา ด้วยน้ำตานองหน้า และเงินที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงพัน ตอนนั้นความรู้สึกอยากตายเพื่อหนีปัญหา แต่ก็นึกถึงลูกชายคนโตวัย 14 ปีที่อยู่กับลูกชายคนที่ 2 วัย 1 ขวบที่รออยู่ที่บ้าน บวกกับได้กำลังใจจากคุณ ลุง ที่ขับรถแท๊กซี่ เมื่อกลับเข้าบ้านก็โทรหาผู้บริหารสาวทันที รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการรบกวนเพราะผู้บริหารสาว พาลูกสาวตัวน้อยและครอบครัวไปทำบุญใหญ่ที่บ้านเกิด ผู้บริหารสาวรับสายเราและแจ้งเราว่ายังไม่สะดวกคุยเพราะอยู่ต่างจังหวัด
คุณแม่ท้องคนนี้ จึงอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใน pantip ห้องสีลม ค่ะว่า
1. พรุ่งนี้ จันทร์ที่ 21 ต.ค. 56 คุณแม่ท้องคนนี้ว่าจะเข้าไปแจ้งกับผู้บริหารสาวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเองที่บริษัท หรือ ใช้วิธีโทรไปดีค่ะ เพราะว่าไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทแล้ว
2.ต่อจากนี้ คุณแม่ท้องคนนี้ ควรทำอย่างไรกับชีวิตดี จะมีบริษัทไหนรับคนท้อง 5 เดือนเข้าทำงานไหม
รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ pantip ห้องสีลมอีกครั้งค่ะ ขอบคุณค่ะ