คนทั่วไปคงจะรู้จักคำว่า โบท็อกซ์ (Botox) กันดีในฐานะของยาฉีดลบรอยเหี่ยวย่น ให้ใบหน้าเต่งตึงสวยงาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โบท็อกซ์หรือที่มีชื่อเต็มๆ ว่า Botulinum toxin เป็นสารพิษที่สร้างโดยแบคทีเรีย Clostridium botulinum
จัดว่าเป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่มีพิษร้ายแรงที่สุด โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท
หากมนุษย์ได้รับโบท็อกซ์ที่ความเข้มข้นถึงระดับที่เป็นอันตราย ก็จะเป็นอัมพาตและขาดอากาศหายใจตาย
แต่โบท็อกซ์ที่ฉีดกันเพื่อเสริมความงามนั้นใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย
แค่พอที่จะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร
ตอนนี้ ทีมวิจัย นำโดย Helene Johannessen แห่ง Norwegian University of Science and Technology (NTNU)
พบว่าโบท็อกซ์ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ ใช้ต่อสู้กับโรคอ้วนได้
Helene Johannessen สังเกตว่าโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ ทำให้เส้นประสาทเป็นอัมพาตอยู่แล้ว
ในทีมวิจัย จึงคิดว่าหากฉีดโบท็อกซ์ เข้าไปที่
เส้นประสาท Vagus nerve ที่วิ่งมาเลี้ยงกระเพาะอาหาร
กล้ามเนื้อที่ลำไส้และกระเพาะก็จะเป็นอัมพาตบางส่วน
พอกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ก้อนอาหารก็จะไหลผ่านทางเดินอาหารช้าลง
เมื่อกระเพาะมีอาหารค้างอยู่เยอะ เส้นประสาท Vagus nerve ก็จะไม่ส่งสัญญาณไปกระตุ้นความหิว
ผลลัพธ์ก็คือเรากินอาหารได้น้อยลงและผอมลง
การทดลองในหนู ให้ผลตามที่นักวิจัยคาดการณ์ไว้
หนูที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์มีน้ำหนักลดลง 20-30% ของน้ำหนักตัว ภายในเวลา 5 สัปดาห์หลังจากการฉีด
ขณะนี้ทีมวิจัยกำลังทำเรื่อง เพื่อทำการ
ทดลองคลีนิกในมนุษย์
นักวิจัยคาดว่าโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปในมนุษย์จะมีฤทธิ์ค้างอยู่ได้ 3-6 เดือน
หากประสบผลสำเร็จ เทคนิคนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการรักษาผู้ป่วยโรคอ้วน
โดยเฉพาะในรายที่เข้าขั้นวิกฤติ จนต้องผ่าตัดบล็อคเส้นประสาท หรือ ผ่าตัดรัดกระเพาะอาหาร
ซึ่งยุ่งยากและเสี่ยงอันตรายมากกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อย่างไรก็ตาม อย่าไปหวังผลว่าจะหายอ้วนแน่ๆ
เพราะงานวิจัยก่อนหน้านี้ เคยทดลองแสดงให้เห็นว่า
แม้ผู้ป่วยโรคอ้วนที่ได้รับการ ฉีดโบท็อกซ์ เข้ากล้ามเนื้อหน้าท้อง จะรู้สึกอิ่มเร็วและนานขึ้น
แต่น้ำหนักตัวของผู้ป่วยโรคอ้วน ไม่ลดลงแตกต่างจากปกตินัก
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23063681
เดบิต
http://jusci.net/node/3144
http://www.sciencedaily.com/releases/2013/10/131004104958.htm
http://www.emaxhealth.com/1275/how-botox-might-fight-obesity
<<< งานวิจัย ฉีดโบท็อกซ์ เข้าเส้นประสาทกระเพาะอาหาร เพื่อลดความอ้วน >>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้ ทีมวิจัย นำโดย Helene Johannessen แห่ง Norwegian University of Science and Technology (NTNU)
พบว่าโบท็อกซ์ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ ใช้ต่อสู้กับโรคอ้วนได้
Helene Johannessen สังเกตว่าโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ ทำให้เส้นประสาทเป็นอัมพาตอยู่แล้ว
ในทีมวิจัย จึงคิดว่าหากฉีดโบท็อกซ์ เข้าไปที่เส้นประสาท Vagus nerve ที่วิ่งมาเลี้ยงกระเพาะอาหาร
กล้ามเนื้อที่ลำไส้และกระเพาะก็จะเป็นอัมพาตบางส่วน
พอกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ก้อนอาหารก็จะไหลผ่านทางเดินอาหารช้าลง
เมื่อกระเพาะมีอาหารค้างอยู่เยอะ เส้นประสาท Vagus nerve ก็จะไม่ส่งสัญญาณไปกระตุ้นความหิว
ผลลัพธ์ก็คือเรากินอาหารได้น้อยลงและผอมลง
การทดลองในหนู ให้ผลตามที่นักวิจัยคาดการณ์ไว้
หนูที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์มีน้ำหนักลดลง 20-30% ของน้ำหนักตัว ภายในเวลา 5 สัปดาห์หลังจากการฉีด
ขณะนี้ทีมวิจัยกำลังทำเรื่อง เพื่อทำการทดลองคลีนิกในมนุษย์
นักวิจัยคาดว่าโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปในมนุษย์จะมีฤทธิ์ค้างอยู่ได้ 3-6 เดือน
หากประสบผลสำเร็จ เทคนิคนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการรักษาผู้ป่วยโรคอ้วน
โดยเฉพาะในรายที่เข้าขั้นวิกฤติ จนต้องผ่าตัดบล็อคเส้นประสาท หรือ ผ่าตัดรัดกระเพาะอาหาร
ซึ่งยุ่งยากและเสี่ยงอันตรายมากกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดบิต http://jusci.net/node/3144
http://www.sciencedaily.com/releases/2013/10/131004104958.htm
http://www.emaxhealth.com/1275/how-botox-might-fight-obesity