นางฟ้าราคี ตอนที่4 สายลับจับโจร


ตอนที่ 4  สายลับจับโจร

    ยาหยีเดินนำหน้าบริกรมาถึงลานจอดรถใต้อาคาร เวลาประมาณห้าทุ่มเศษ ถ้าอยู่ที่คอนโดเธอคงจะเข้านอนและหลับสนิทไปนานแล้ว แต่เพราะห่วงเพื่อนสาวคนสนิทไม่อยากจะปล่อยให้มาเพียงลำพัง จึงยอมมาเป็นเพื่อน ทั้งที่ไม่ชอบสถานที่แบบนี้เลยสักนิดเดียว ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเรียวอย่างแปลกใจ เสียงรองเท้าส้นสูงหยุดดังกึกตรงหน้ารถคู่ใจของเพื่อนรัก เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ ความหวาดระแวงบางอย่างทำให้เธอรีบหันกลับไปมองคนที่เดินตามมา

    ยาหยีต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนตะโกนออกมาในความมืดจากด้านหลังจนเธอต้องเหลียวมองและยิ่งเห็นหน้าตาและรูปร่างของเขา เธอก็ยิ่งตกใจ ชวนให้คิดถึงอะไรๆต่อมิอะไรของเขาเมื่อหลายวันก่อนโลกมันช่างกลมจริงๆ                            
“นายกำลังจะทำอะไรเธอ”    
                
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ”     
                
แต่เขาไม่ได้สนใจในคำทักทายอย่างแปลกใจของยาหยี เขามองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ บริกรหนุ่มมีสีหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนจะรีบพยายามปรับให้เป็นปกติ    
                        
“อะไรกันครับคุณ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย นี่คุณเมาหรือเปล่า ถ้าเมาแล้วก็กลับบ้านไปนอนเสียเถอะ”                         
“จะเมาหรือไม่เมาก็ช่าง แต่ที่สำคัญตาไม่ฝาดแน่ที่เห็นนายกำลังจะทำอะไรบางอย่าง”                             
บริกรหนุ่มเสียวสันหลังวาบที่ถูกจับผิด ให้ตายเมื่อกี้ เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนเดินตามมา หมอนี้โผล่มาตอนไหน เขารีบถอยห่างจากหญิงสาวทันที พาตัวไปยืนข้างรถคันหนึ่งพร้อมซุกบางสิ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างรีบร้อนแต่ไม่พ้นสายตาสองคู่ที่พุ่งเป้ามาที่เขาอย่างจับพิรุธ            
“ทำอะไรผมไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาไหวไหล่ไม่ยี่หระ    
    
“ถ้าอย่างนั้นอะไรที่นายกำลังซุกกลับเข้าไปในกระเป๋า”
        
คนวางแผนร้ายยังคงตีหน้าซื่อทำไขสือราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
        
“คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อย” เขายิ้มหยัน นึกโมโหอยู่ในใจที่ถูกขัดจังหวะจนเสียแผน                    
“ถ้าแน่ใจว่าไม่มีอะไรก็เอาออกมาดูหน่อย ว่าไอ้ที่นายยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่”                 
ยาหยีเองก็จ้องคนที่ถูกกล่าวหาตาไม่กระพริบ        
        
“ไหนคุณบอกว่ารถของเพื่อนฉันขวางทางรถคันอื่นอยู่ แต่ทำไมฉันไม่เห็นว่ามันจะขวางทางรถคันไหนอยู่เลย” สายตาของหญิงสาวมองบริกรหนุ่มอย่างจับพิรุธเช่นกัน                    
    
“ก็มันขวางอยู่จริง ๆ นี่ครับคุณผู้หญิงกว่าคุณจะเดินออกมาจากร้าน รถคันนั้นคงหาทางออกไปได้แล้ว” เขาเถียงไปข้างๆคูๆ            
“ถ้ารถคันนั้นหาทางออกไปได้ง่ายๆ แล้วคุณไปตามเพื่อนฉันให้มาถอยรถทำไมกัน บอกมานะคุณคิดจะทำอะไรกับฉันแบบที่เขาพูดหรือเปล่า” ยาหยีมองไปที่ปันบุรี
                        
“ทำอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลย อย่ามาหาเรื่องผมหน่อยเลย ขอตัวก่อนละกันผมจะรีบไปทำงาน” เขาพยายามจะเลี่ยงหาทางออกไปแม้จะรู้สึกเจ็บใจที่งานง่ายๆกลับทำไม่สำเร็จ    
                
“ถ้านายคิดจะเดินหนีไปโดยไม่บอกความจริงมาล่ะก็ พรุ่งนี้นายก็เตรียมตัวไปทำงานที่อื่นได้เลย คุณศรัญเจ้าของผับแห่งนี้คงไม่เอานายไว้แน่”        
“คุณเป็นใครถึงกล้ามาขู่ผม อย่าบอกนะว่าคุณเป็นพ่อของคุณศรัญเจ้านายผม”                              
คนเลวโดยกมลสันดานหัวเราะเย้ยหยันจนเห็นไรฟัน  เพราะเห็นเป็นเรื่องตลก ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะบังคับให้เจ้านายไล่เขาออกได้ เพราะเขาเป็นบาร์เทนเดอร์มือหนึ่งของผับดังแห่งนี้  ปันบุรีกระชากคอเสื้อของบริกรหนุ่มปากกล้าและยกสูงขึ้น                         
“ฉันไม่ใช่พ่อของนายศรัญเจ้าของผับนี้หรอก แต่รับรองได้ว่านายศรัญกลัวฉันยิ่งกว่าพ่อของเขาเสียอีก” คนหน้านิ่งแต่นัยน์ตาเย็นราวกับน้ำแข็งกล่าว    

“คุณเป็นใครกันแน่”  บริกรหนุ่มที่เคยปากกล้ารู้สึกประหลาดใจลูกค้าทั่วไปไม่น่าจะกล้าขู่เขาแบบนี้ การหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาจบแค่ชั้น มัธยมจากต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ที่นี่ทำรายได้ให้เขาเกือบสามหมื่นบาทต่อเดือน แน่ล่ะใครจะยอมโง่ลาออกหรือถูกไล่ออก ถ้าเขาไปหางานใหม่ด้วยคุณสมบัติเพียงเท่านี้คงไม่พ้นต้องขายแรงงานแลกค่าจ้างขั้นต่ำ    
            
“นายเลือกเอาละกัน ว่าจะบอกมาดี ๆ แล้วมีงานทำต่อหรือพรุ่งนี้นายจะกลายเป็นคนตกงาน นายคิดจะทำอะไรผู้หญิงคนนี้ หรือว่าถ้าคิดไม่ออกจะให้โทรตามนายศรัญมาที่นี่”     
                    
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์นายศรัญ บริกรหนุ่มใจฝ่อเบอร์ที่หน้าจอเบอร์เจ้านายเขาจริงๆ ปันบุรีกดโทรออก        
                        
“ดะ ดะ เดี๋ยวสิคุณ” แต่ปันบุรีไม่หยุดที่จะกดโทรศัพท์
        
“อย่านะครับ อย่าเพิ่งโทรผมบอกก็ได้”         
    
    เขากลัวจนลนลาน เพราะนายศรัญเคยเรียกพนักงานทั้งร้านมาสอบถามกรณีที่มีหญิงสาวหลายรายไปแจ้งความว่าถูกมอมเหล้าจากการมาเที่ยวที่นี่ นายศรัญคาดโทษพนักงานทั้งร้าน ใครรู้เห็นเขาจะไล่ออกและส่งตัวให้กับตำรวจ ที่ปันบุรีกล้าขู่แบบนี้เพราะเขารู้จักนายศรัญเป็นอย่างดีทีเดียว
        
“ถ้าอย่างนั้นรีบเล่ามาอย่าช้าด้วย” น้ำเสียงนิ่งแต่มือระชากคอเสื้อของคู่กรณีเอาไว้แน่นกว่าเดิมก่อนจะผลักออกไป บริกรหนุ่มกระชับคอเสื้อที่ยับเยินเพียงไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็หลุดออกจากปากจนหมดสิ้น    
            
“เลวมาก” เท้าของเธอไวเกินที่ปันบุรีจะขวางทันเมื่อท่อนขาเรียวกลมกลึงฟาดผ่าหมากไปที่บริกรหนุ่ม เขาหน้าซีดก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงจัด ร้องโอดโอยก่อนจะลงไปดิ้นทุรนทุราย จากนั้นหญิงสาวทำท่าจะกระโดดไปซ้ำต่อ
        
“หัวใจทำด้วยอะไร ถึงคิดจะทำลายชีวิตของผู้หญิงที่นายเพิ่งจะเห็นหน้าเป็นครั้งแรกและไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับนายได้ลงคอ” บริกรหนุ่มหลบสายตายาหยี        
                
“ฉันจะแจ้งความ” เธอขู่และตรงเข้าไปหาบริกรหนุ่มแต่ถูกลำแขนของปันบุรีมารั้งเอาไว้                             
“พอได้แล้วคุณ ตอนนี้เราไปดูเพื่อนของคุณกันดีกว่า”
        
เขาไม่ได้บอกว่าเขาให้นายว่านนทีตามประกบเพื่อนสาวของเธอเอาไว้แล้ว ด้วยเป็นห่วงเพื่อนรักที่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมาก ยาหยีจึงรีบกระชากแขนปันบุรีให้เดินตามอย่างลืมตัว     
                    
“ไปค่ะ …เร็วเข้าสิคุณ”  ปันบุรีมองดูมือเรียวที่ดึงเขาให้เดินตามเขาไม่ยิ้ม หน้ายังคงนิ่งแต่ขายาวก้าวตามเธอไปด้วยความสมัครใจ                     ++++++++++++++++++    
            
ภายในร้าน ยาหยีแทบกรีดร้องออกมาดัง ๆ เพื่อนรักของเธอหายไป โต๊ะสิบสองมีแต่แก้วเปล่าและอาหารที่ทานไปแล้ว คู่กรณีที่บริกรคนนั้นบอกเธอว่าเป็นคนจ้างให้วางยาพวกเธอก็หายไปด้วย    
            
“ไม่จริง ยัยแก้วหายไปแล้ว พวกมันๆ ต้องพาเพื่อนฉันไปแน่ๆ จะทำยังไงดีล่ะ”  
                            
ยาหยีพยายามประคองสติ เธอห่วงแก้วกรรณิกามากและกำลังสับสนว่าควรจะตามเพื่อนรักด้วยวิธีไหนเพื่อให้เจอตัวเร็วที่สุดก่อนจะสายไป ยาหยีรีบโทรเข้ามือถือแก้วกรรณิกา และพบว่ามีเสียงดังขึ้นมาอยู่ใต้โซฟา เป็นเพลงที่เธอจำได้ว่าแก้วกรรณิกาตั้งเป็นเสียงเรียกเข้า ยาหยีล้วงมือไปที่ใต้โซฟาและคลำเจอวัตถุบางอย่าง
                            
“โอ้! ไม่เพื่อนฉัน ทำไมซวยแบบนี้นะ”     
            
แก้วกรรณิกาทำโทรศัพท์ร่วงตอนทำกระเป๋าตกพื้นและเธอเก็บของไปไม่หมดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโทรศัพท์หาย                    
“ยัยแก้ว จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” ท่าทางยาหยีเครียดจัด คงเป็นห่วงเพื่อนสาวมาก                                 
“เพื่อนฉันคงตกอยู่ในอันตรายแน่ ๆ คิดดูสิถ้าถูกวางยา และไอ้ผู้ชายสี่ห้าคนนั้นก็หายไปด้วยอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเพื่อนฉันหายไปเพราะพวกมัน ไม่นะยัยแก้วฉันจะปล่อยให้เธอตกนรกไม่ได้” ยาหยีมองไปที่ประตูทางออกของร้านและก้าวฉับๆออกไปทันที                        
“เดี๋ยวสิคุณจะไปไหน” ปันบุรีรีบตามมาคว้าแขนเของเธอไว้     
    
“คุณจะไปไหน หยุดก่อนสิ”    
                    
“ถามได้ไง ก็ไปตามหาเพื่อนฉันสิ ก่อนที่มันจะเกิดอะไรขึ้น” ยาหยีสะบัดแขนและรีบเดินต่อ                         
    
“ไปตามที่ไหนตอนตีหนึ่งกว่า ๆ แบบนี้ คุณเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวมันอันตราย” ยาหยีชะงักเท้า ใช่สิ                        
“ถ้าอย่างนั้นคุณไปกับฉันก็ละกัน จะได้มีสองคนอันตรายจะได้ลดลง แล้วโรงพักที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน” ยาหยีเดินต่อไป                

    “ขับรถตรงไปจากร้านนี้ไม่เกินสามกิโลเมตร” เขาตอบและเดินตามเธอไปติดๆ                                    
“ดีเลยคุณนำทางนะคุณมีรถใช่ไหมฉันจะขับตามไปเอง”
        
“ก็ได้… เฮ้ย!...ไม่ใช่สิ จะได้ยังไงกัน ธุระก็ไม่ใช่ จู่ ๆ คุณก็มาทึกทักสั่งนั่นสั่งนี่ผม คุณเป็นอะไรกับผมเนี่ย แล้วทำไมผมต้องทำตามคำสั่งคุณด้วย คุณชื่ออะไรผมยังไม่รู้จักคุณเลย”    
                
    
“อย่าเรื่องเยอะไปหน่อยเลย ก็คุณเอ

งไม่ใช่เหรอที่เข้ามายุ่งเรื่องของฉัน จนตอนนี้ได้เรื่องเพราะเพื่อนฉันหายตัวไปแล้ว ถ้าฉันกลับมาที่โต๊ะเร็วกว่านี้ ยัยแก้วอาจจะยังอยู่ที่นี่ก็ได้ คุณมีส่วนผิด ”
                
“อ้าวคุณ!  ตกลงผมผิดที่มาช่วยคุณใช่ไหม” ปันบุรีจิ้มที่หน้าอกตัวเอง ยาหยีไหวไหล่                            
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าไอ้หมอนั่นคิดจะโปะยาสลบฉัน และมีคนจะวางยาเพื่อนฉันอีก ไม่แน่ที่จริงแล้วคุณกับหมอนั่นอาจวางแผนด้วยกันก็ได้ ฉันชักเริ่มแปลกใจขึ้นมาแล้ว” ดวงตากลมโตจ้องเขานิ่ง พยายามจับพิรุธ        

“นี่คุณสงสัยผมเหรอ”    
                
“ก็มันน่าแปลกไหมล่ะ ทำไมทุกอย่างมันดูบังเอิญจัง”    
    
“ผมรู้แล้วทำไมคนเดี๋ยวนี้ถึงไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น ก็เพราะมีคนอย่างคุณเยอะ ”    
                            
“เมื่อครู่มันอาจจะเป็นการถ่วงเวลาก็ได้ จริงสิฉันจำได้แล้วคุณกับผู้ชายอีกคนนั่งอยู่บนชั้นสองของร้าน” หญิงสาวเผลอตัวท้าวเอว และจิ้มหน้าอกเขา ปันบุรีปัดนิ้วเรียวออก
                            
“ทำบุญบูชาโทษไม่น่าช่วยเลย  ผมน่าจะปล่อยคุณไปตามยถากรรม ผู้หญิงอะไรเจอทีไร ก็มีแต่ผู้ชายจ้องจะงาบทุกที”             
    
ยาหยีอ้าปากค้าง ผู้ชายหน้านิ่งหล่อขั้นเทพคนนี้ ปากคมราวกับกรรไกรที่เธอใช้ในโรงพยาบาลไม่มีผิด    
                
“ผมรู้ว่าคุณตาโต ไม่ต้องจ้องผมจนตาถลนขนาดนั้นหรอก ถ้าคุณยังยืนทำตาพองเป็นปลาทองถูกน้ำร้อนลวกอยู่แบบนี้ต่อให้ถึงพรุ่งนี้ คุณก็คงไม่มีวันเจอเพื่อน”                              
เขาเหมือนภูเขาไฟที่ถูกฉาบไว้ด้วยน้ำแข็งไม่อยากจะเชื่อว่าคนหน้าตาเฉย ๆ มาดขรึมจะปากร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ                  
“เออ…เอ่อ...” ยาหยีกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่คนตัวสูงฉุดแขนเธอให้เดินตามเขาไป                            
“จะพาฉันไปไหนปล่อยแขนฉันนะ อย่ามาถือวิสาสะลากจูงฉัน”
    
“จะพาคุณไปส่งที่รถ บอกมาว่ารถคุณจอดอยู่ใกล้ ๆ กับรถเพื่อนคุณคันนั้นหรือเปล่า” เขาดึงมือเธอเดินลิ่วๆไม่สนใจว่าหญิงสาวจะขืนตัวประท้วง
        
“จะไปส่งทำไมฉันขอให้คุณขับรถนำทางฉันไปสถานีตำรวจเท่านั้น หรือไม่บอกฉันมาก็ได้ว่าสถานีตำรวจอยู่ที่ไหน”                    
“มันดึกขนาดนี้แล้วนะ คุณกลับบ้านซะเถอะแต่งตัวยั่วน้ำลายผู้ชายหื่น ๆ แบบนี้ ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งหรอก หรือว่าที่โกรธเนี่ยเพราะชอบ และผมไปทำให้คุณพลาดโอกาสทอง”        
        
“นี่มันจะมากไปแล้วนะคุณ คนมาเที่ยวผับจะให้ฉันนุ่งขาวห่มขาวมาเที่ยวหรือไง หรือจะให้ใส่ชุดราตรียาวลากพื้นมา ”                
“อ้อ ผมพอเข้าใจแล้วคงเก็บกดจากงานประจำที่ต้องสวมชุดขาวทุกวัน พอตกค่ำเลยต้องสะบัดชุดขาว มาใส่ชุดดำเว้าหน้าเว้าหลัง โชว์บน โชว์ล่างใช่ไหม กลางวันเป็นนางฟ้า พอตกลางคืนเลยอยากเป็นนาง….ยั่ว”        

“อย่ามาดูถูกฉันทั้งที่คุณไม่รู้จักฉันดีพอ และอย่ามาพูดกลบเกลื่อนเพราะฉันยังไม่หมดความสงสัยในตัวคุณ”
                
“แสดงว่าอยากให้เรารู้จักกันมากขึ้นล่ะสิ เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน แต่คืนนี้กลับบ้านได้แล้ว หมดเวลาของคุณแล้ว ส่วนเพื่อนคุณไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้คุณจะได้ข่าวเธออย่างแน่นอนผมรับปาก”    
            
“ฉันไม่เข้าใจ ตกลงคุณรู้ใช่ไหมว่ายัยแก้วหายไปไหน บอกมาสิ”
    
“ตอนนี้ไม่รู้ แต่เดี๋ยวคงรู้”เขาไหวไหล่    
            
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปแจ้งความ คุณนี่ยังไงนะพูดจากำกวม หรือเป็นการถ่วงเวลากันแน่”
                        
“ช่างคิดจังแม่คุณ ไปเขียนนิยายขายไป ผมจะบอกให้เอาบุญนะ ไม่ว่าตอนนี้คุณจะไปแจ้งความที่ไหน ก็ไม่มีตำรวจคนไหนเขารับแจ้งความคนหายไปไม่ถึงชั่วโมงหรอก”    
  ยาหยีนิ่งเงียบใช่สิเธอลืมความจริงข้อนี้เสียสนิท           
“แต่จะให้ฉันทิ้งเพื่อนและกลับไปนอนสบายฉันคงทำไม่ได้เหมือนกัน”    
“ถ้าคุณต้องทำตามที่ผมพูด ผมรับรองว่าพรุ่งนี้คุณจะได้ข่าวเธออย่างแน่นอน”                                
“ทำไมฉันต้องเชื่อคนที่เพิ่งจะเคยเห็นหน้าไม่กี่ครั้งอย่างคุณด้วย”        
“อย่าลืมสิคุณไม่ได้แค่เห็นหน้าผมอย่างเดียวนะ อย่างอื่นคุณก็จะได้เห็น ”ยาหยีหน้าร้อนผ่าว ๆคิ ดไกลไปถึงเรื่องวันนั้นที่โรงพยาบาล         
“ทุเรศพูดมาได้ไม่อายปากฉันไม่ได้อยากจะดูสักหน่อยคุณเปิดมันเอง”    

“คุณพูดเรื่องอะไร ผมหมายถึงนี่”เขาส่งนามบัตรให้เธอ    
    
“นามบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่