นางฟ้าราคี ตอนที่ 3



ตอนที่ 3     ยาปลุกเซ็ก
    
หลังจากคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ยาหยีได้พบหน้าชลสิทธิ์และเธอบอกเลิกเขา เมื่อรู้ว่าเขายังไม่ยอมออกมาจากวงจรอุบาทว์ ยาหยีจึงไม่รู้ว่าชลสิทธิ์ถูกตำรวจจับในคืนนั้น แต่เขาได้รับการปล่อยตัวออกมาเพราะมีอำนาจมืดเส้นใหญ่บางคนที่ใช้อำนาจและบารมีเข้ามาแทรกแซงในวงการตำรวจน้ำดี
    
โทรศัพท์ของยาหยีสั่นอย่างกับเจ้าเข้าเพราะปลายสายกระหน่ำโทรเกือบยี่สิบครั้ง
                        
“ทำไมไม่รับสายชลนะยาหยี”                 

ชลสิทธิ์ยังคงโทรหาหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง เขาไปหาหญิงสาวที่อพาร์ทเม้นต์เดิมก็พบว่ายาหยีย้ายออกไปแล้ว เมื่อสองวันก่อนเขาไปดักพบเธอที่โรงพยาบาลแต่ทว่าเธอกลับไม่ได้เข้าเวรมันยิ่งทำให้เขาร้อนใจหรือว่าเธอจะตัดใจจากเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่คำขู่อีกต่อไป                    
ยาหยีหยิบของกระจุกกระจิกออกมาจากลังสีน้ำตาลและปัดฝุ่นเพื่อที่จะจัดเรียงบนชั้นวางในห้องใหม่พยายามจะไม่สนใจกับเสียงสั่นไหวของโทรศัพท์    
                            
“ขอโทษนะพี่ชลแต่ยาหยีไม่อยากเจ็บซ้ำซากแบบที่ผ่านมาอีก ขอให้เราจบกันแค่เพียงเท่านี้ฉันเคยให้โอกาสคุณและคุณทำลายโอกาสนั้นเอง”     

จากนั้นยาหยีก็จัดห้องไปเรื่อยๆ เธอก็ตอบตัวเองไม่ถูกว่าเสียใจหรือดีใจที่เลิกกับชลสิทธิ์ ที่จริงเธอกับเขาไม่ได้เริ่มต้นกันด้วยความรักเธอสงสารและเห็นใจเขาต่างหาก    

                            
ประตูห้องของยาหยีถูกเคาะ หญิงสาววางมือจากตุ๊กตาเรซินรูปลูกแมวน้อยที่กำลังนอนกลิ้งบนม้วนบนไหมพรมของขวัญชิ้นล่าสุดของชลสิทธิ์ เธอลุกขึ้นยืนเดินไปเพื่อจะเปิดประตูแต่กลับปล่อยมือจากลูกบิดประตู และส่องตาแมวก่อนว่าคนข้างนอกเป็นใครเพราะยังกลัวว่าชลสิทธิ์จะตามมา เวลาเขางี่เง่าก็เอาแต่ใจไม่ต่างจากเด็กน้อย นั่นเป็นเพราะทางบ้านคงตามใจมาตั้งแต่เด็ก        

“เอ๊ะ ไม่เห็นมีใครนี่หรือว่าหูฟาด แต่เราได้ยินชัดเจนนี่นา ”            

หญิงสาวตีหน้านิ่วใครกันนะมาเคาะเล่น ๆ หรือว่าเป็นพวกเด็ก ยาหยีคิดแล้วถอยหลังจากประตูห้อง แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกคราวนี้ดังถี่ๆ ยาหยีรีบหันกลับมาที่ประตูอีกครั้งส่องตาแมวออกไปแต่ก็ไม่พบใครเช่นเคย        

“ใครกันมาเล่นแบบนี้จับได้ล่ะน่าดู” ยาหยีรีบเปิดประตูกะว่าจะต้องดูหน้าคนที่แกล้งให้ได้ แต่เมื่อประตูเปิดออกยาหยีก็พบเพียงความว่างเปล่า        

คนที่เคาะห้องหลบอยู่ที่หัวมุมหนึ่งข้างกำแพงสายตาคู่นั้นจ้องมาที่ร่างของยาหยี เมื่อเห็นว่ายาหยีมีท่าทีสงสัยจากนั้นเดินออกมาดูหน้าห้องและหันหลังกำลังจะเดินเข้าไปคนที่ซ่อนตัวก็โผล่พรวดกระโดดจู่โจมเข้าไปจับบั้นเอวแบบบางของยาหยีในทันที                            
  ว้าย!  ยาหยีตกใจ ด้วยความลืมตัวแต่เพราะเป็นคนมือไวยาหยีตีศอกกลับไปหาบุคคลผู้มาแอบจู่โจมจากทางด้านหลัง และกำลังจะกางเล็บเพื่อป้องกันตัว หากไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้น                     

“โอ๊ย!  เจ็บนะยัยบ้ายาหยี”                     

เสียงแหลมๆ ของคนตัวเล็กแต่สมส่วนร้องโวยวายขึ้น            

“ยัยแก้ว! ” ยาหยียั้งมือเอาไว้ทัน                     

“แล้วนี่เธอมาแกล้งเคาะห้องฉันทำไม ทำตัวเป็นพวกโรคจิต”    “ก็คิดถึงน่ะสิเลยแวะมาหาอยากมาดูที่อยู่ใหม่เธอด้วย วันนี้ไม่มีสอนก็เลยแวะมาหา เห็นเธอโทรไปบอกว่าย้ายที่อยู่ใหม่ก็เลยมาชวนฉลองห้องใหม่” แก้วกรรณิกา เป็นครูสอนเปียนโนที่สถาบันสอนดนตรีชื่อดังแห่งหนึ่งและรับทำงานพิเศษ
                                
“ก็ดีถ้าอย่างนั้นมานี่เลย” ยาหยีลากเพื่อนสาวเข้าห้องทันที    “ว่างนักใช่ไหม นั่น” ยาหยีชี้ไปที่ข้าวของกระจุกกระจิกมากมายที่กองอยู่ยังไม่ได้จัดเรียง                            

“ช่วยฉันจัดห้องหน่อยสิ” ยาหยียิ้มหวาน มองหน้าตัวช่วยชั้นดี แต่เพื่อนสาวกับสั่นหัวดิก                         

“ไม่เอาเด็ดขาดงานแบบนี้ไฮโซเขาไม่ทำกัน”                

แก้วกรรณิกาปฏิเสธ พลางหัวเราะร่วน  แต่ก็ลงมือช่วยยาหยี เธอเป็นลูกหลานคนในตระกูลผู้ดีเก่าซึ่งเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทยและคุณย่าทวดของเธอมีเชื้อสายสืบเนื่องมาจากราชนิกูลพระองค์หนึ่ง แต่แก้วกรรณิกามักจะทำตัวติดดินกับเพื่อนที่สนิท แต่ชีวิตอีกด้านในวงสังคมใครจะรู้จักเธอในนามเซเลบคนหนึ่งของเมืองไทยที่มีใจรักการดนตรีเธอรับสอนเปียโนให้กับทายาทเศรษฐีในราคาที่แพงระยับ เพราะมีดีกรีปริญญาโทด้านการดนตรีจากมหาวิทยาลัยดังระดับโลกการันตีความสามารถของเธออยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่