เรื่องนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2543
ฉันมีเพื่อนชายที่เป็นเพื่อนคนสำคัญคนนึง เรารู้จักกันตั้งแต่ม.4 เพราะเราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ฮีเป็นคนพูดน้อย(จะเรียกว่าไม่พูดเลยก็ว่าได้) แต่ฮีเป็นเด็กเรียนเก่งนะ และได้ยินมาว่าฮีนิสัยดี แต่....ฉันก็สงสัยอ่ะว่าทำไมไม่พูดวะ?? ซึ่งฉันเป็นเด็กที่พูดมาก-มากจนถึงมากที่สุด แมร่งพูดได้ทั้งวันไม่มีเมื่อยปาก...และด้วยความสงสัยเลยเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของฮี ไปชวนฮีคุยบ้าง ชวนฮีเดินกลับบ้านด้วยกันบ้าง แล้วพวกเราก็เมาท์มอยกันมาเรื่อยๆๆ(ส่วนมากฉันจะเป็นฝ่ายพูดซะมากกว่า90%) แล้วฉันก็ได้รู้ว่าที่จริงแล้วฮีพูดได้!!! แถมพูดชัดซะด้วย แมร่มมมก็ปกติดีนี่หว่า... คิดว่าพูดไม่ชัดเลยไม่กล้าพูด - -" และฮีเป็นคนที่มีน้ำใจและนิสัยดีอย่างที่เค้าว่าจริงๆ
สิ่งที่คอนเฟิร์มว่าฮีเป็นคนแบบนั้นจริงๆ มันมีที่มา....เหตุการณ์ที่ฉันจำได้คือ ฉันเคยบอกฮีว่าทำการบ้านเลขวันนี้ไม่ได้ โทรมาบอกคำตอบหน่อยนะ...พอฉันกลับถึงบ้าน ฉันก็โยนกระเป๋าและออกไปเล่นทันที โดยที่ลืมไปเลยว่าเดี๋ยวฮีจะโทรมาบอกคำตอบการบ้านเลข และเป็นอย่างที่บอกไว้จริงๆด้วย มืดๆพอฉันเข้าบ้านไปยายก็บอกทันทีว่าฮีโทรมา(โทรมาทำไมวะ ช่างเหอะ...หิวอ่ะกินข้าวดีกว่า) วันรุ่งขึ้นก็ไปถามฮีว่าโทรมาทำไม?? ฮีก็ตอบมาแบบหน้านิ่งๆว่า "คำตอบการบ้านเลขไง..." (Ship หาย แระ ฉันลืมทำการบ้าน!!!!) เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันได้รู้ถึงน้ำใจของฮีเลย
เหตุการณ์ต่อมา ฉันบอกกับฮีว่า "วันนี้จะไปซื้อของเดินกลับบ้านด้วยกันนะ" แต่พอตกเย็นเพื่อนสาวในแก๊งค์ชวนกินก๊วยเตี๋ยวเรือหลังโรงเรียน ฉันก็ไปสิคะเลยลืมไปเลยว่านัดกับฮีเอาไว้ กินอิ่มจนพุงกางก็เดินกลับบ้าน ขณะกำลังเดินไปป้ายรถเมล์ ก็เห็นฮียืนอยู่หน้าโรงเรียน เลยวิ่งเริงร่าเข้าไปหา...ถามว่า "ทำไรอยู่??ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก??" คำตอบที่ได้มา...ทำเอาเงิบเลยอ่ะ ฉันลืมอีกแล้ว และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ได้รู้ว่าฮีเป็นคนดีจริงๆ
ฉันประทับใจน้ำใจของฮีเลยเอาไปเมาท์ให้เพื่อนๆในห้องฟัง เพื่อนๆต่างพากันไปพูดคุยกับฮี จนพวกเราทุกคนสนิทกับฮีมากขึ้น ทุกคนชอบฮีเพราะฮีเป็นคนดีมีน้ำใจกับเพื่อนทุกคน แต่ฮีมาบอกทีหลังว่าฉันทำลายความเงียบสงบในชีวิตเค้า(แรงส์....แต่ฉันรู้ฮีพูดไปงั้นแหละ)
เวลาผ่านไป...พวกเราก็สนิทกันมากขึ้น(จริงๆแล้วเหมือนฮีจะพยายามตีตัวออกห่างจากฉันมากกว่า) จนวันนึงพวกเราทั้งห้องกำลังเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ฉันก็มัวแต่เดินเมาท์มอยอยู่กับเพื่อนสาวนางนึง ปากก็เมาท์ตลอด ตาก็ไม่ได้มองทางข้างหน้า "ปลั่ก!!" (เสียงอะไรวะ) พอฉันมองลงไปที่พื้น Ship หาย แระ!!!!...เหยียบกองทรายเปียกไปเต็มเท้าเลย หันไปมองนังเพื่อนสาว นางรีบตีตัวออกห่างทันที นางทำท่าทำทางว่าไม่รู้จักฉัน หันไปหาเพื่อนคนไหน ทุกคนก็ตีตัวออกห่างและทำท่าว่า"เมิ่งอย่ามาทักกุนะ กุไม่รู้จักเมิ่ง" (สัส!!! รักกุกันทุกคนเลยนะ) ฉันเลยดึงเท้าที่จมลงไปในทรายออกมาเอง และก็เป็นอย่างที่คิด แมร่ง...ทรายดูดรองเท้าฉันไป เอาออกมาได้แต่เท้าที่ใส่ถุงเท้าขาวเปื้อนฝุ่นดำๆเท่านั้น เพื่อนๆที่ยืนดูก็ยืนหัวเราะชอบใจกันแต่ไม่มีใครมาช่วยฉันซักคน และและแล้วฮีก็เดินมาจากไหนก็ไม่รู้ มาหยิบรองเท้าออกจากกองทรายให้ และพาฉันไปที่ตึกใกล้ๆ ฮีเอารองเท้าฉันล้างน้ำที่อ่างน้ำข้างตึกและให้ฉันยืนเหยียบเท้าฮีไปเพื่อไม่ให้เท้าเปื้อนดิน เพื่อนๆยืนอึ้ง.....แต่ไม่มีใครกล้าแซวนะ บอกแล้ว...ฮีเค้าขลัง ของเค้าแรง ไม่มีใครกล้าหรอก...
หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนกันเรื่อยมา คอยช่วยเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆที่เราพอทำให้กันได้จนเรียนจบม.ปลาย พอเรียบจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเรียนต่างมหาวิทยาลัย แต่เราก็ได้เจอกันบ้างเวลาเพื่อนๆนัดเจอกินข้าวกัน นานๆทีปีนึงจะได้เจอกันครั้งสองครั้ง เราคุยกันน้อยลง...แต่ฮีก็ยังเป็นเพื่อนชายที่ฉันไว้ใจเหมือนเดิม
หลังจากที่เรียนจบ...ช่วงที่ต่างคนต่างทำงานแล้ว เราได้กลับมาเมาท์มอยกันอีกครั้งและเหมือนเดิมคือฉันจะเป็นฝ่ายเมาท์คนเดียว90%)
และเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่เป็นบททดสอบที่ทำให้กล้าพูดได้เต็มปากว่าฮีคือเพื่อนคนสำคัญก็เกิดขึ้น ฉันบอกกับฮีว่า จะทำธุรกิจเลยชวนฮีมาลงทุนด้วย ฮีให้เงินมาอย่างง่ายดายและไม่ถามอะไรฉันสักคำ และในวันที่ฉันล้ม ทำธุรกิจผิดพลาด ฉันมืดแปดด้าน และที่สำคัญฉันต้องหาเงินไปคืนฮีตามที่รับปากไว้ แต่ฉันไม่มี!!! ฉันตัดสินใจบอกความผิดพลาดนี้ให้ฮีฟังเพื่อจะได้ขอยืดเวลาคืนเงินออกไป ฮีกลับบอกว่า"เธอไม่จำเป็นต้องคืนนะ เพราะมันคือเงินที่เราให้เอาไปลงทุนทำธุรกิจ วันนี้ธุรกิจเจ๊งเราก็ต้องรับผิดชอบเพราะถือว่าเราก็เป็นหุ้นส่วน จะให้เธอรับผิดชอบคนเดียวมันไม่ถูก ทุกการลงทุนมันมีความเสี่ยง ไม่ต้องคิดมาก" ฉันได้ยินแค่นั้น ฉันร้องไห้ไม่หยุด ฮีไม่มีสงสัยอะไรในตัวฉันเลย แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะคืนเงินให้ฮีให้หมด ตอนนี้ก็คืนมาได้ครึ่งนึงแล้ว...และฮีก็บอกว่า พอแล้วไม่ต้องคืนแล้ว แต่ฉันตั้งใจแล้วนิ่ ฮีห้ามยังไงก็ไม่สำเร็จหรอก
หลังจากเกิดเรื่องนั้น ฉันก็สนิทกับฮีมากขึ้น คุยกันมากขึ้น(แน่นอนว่าส่วนมากฉันจะเป็นฝ่ายเมาท์อยู่90%เหมือนเดิม) และฮีก็ยังไว้ใจฉันเหมือนเดิม หลายๆเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของฮี ฉันมักจะได้รับรู้เป็นคนแรกๆเสมอ อย่างฮีจะไปดูตัว ไปซื้อของขวัญให้แฟน แต่งงาน มีลูก ป๊าไม่สบาย บล่าๆๆ...ยิ่งทำให้ฉันดีใจและเข้าใจฮีมากขึ้น จนวันนี้ฮีมีครอบครัวที่น่ารัก ลูกชายที่น่ารัก ฉันก็ยังรักครอบครัวและลูกชายของฮีเหมือนพวกเค้าเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันเหมือนกัน ฉันรู้สึกยินดีและดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับฮี ซึ่งเพื่อนหลายคนไม่ค่อยรู้ว่าเราสนิทกันและดูไม่ออกเพราะนิสัยมันต่างขั้วกันเกินไป
ที่เราเป็นเพื่อนกันมา10กว่าปี ฮีทำให้ฉันได้รู้ว่า.....
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องมีนิสัยเหมือนกัน
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศเดียวกัน
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องคุยกันเยอะ
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องเจอกันบ่อย
ขอแค่เชื่อใจกันและเรามั่นใจว่าเราต่างจะไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ต่อให้ไม่ได้เจอกันไม่ได้คุยกัน ยังไงความเป็นเพื่อนก็ไม่ขาดหาย
คิดถึงเพื่อนที่รักทุกคน
ห้อง6/8
เพื่อนชายในความทรงจำ
ฉันมีเพื่อนชายที่เป็นเพื่อนคนสำคัญคนนึง เรารู้จักกันตั้งแต่ม.4 เพราะเราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ฮีเป็นคนพูดน้อย(จะเรียกว่าไม่พูดเลยก็ว่าได้) แต่ฮีเป็นเด็กเรียนเก่งนะ และได้ยินมาว่าฮีนิสัยดี แต่....ฉันก็สงสัยอ่ะว่าทำไมไม่พูดวะ?? ซึ่งฉันเป็นเด็กที่พูดมาก-มากจนถึงมากที่สุด แมร่งพูดได้ทั้งวันไม่มีเมื่อยปาก...และด้วยความสงสัยเลยเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของฮี ไปชวนฮีคุยบ้าง ชวนฮีเดินกลับบ้านด้วยกันบ้าง แล้วพวกเราก็เมาท์มอยกันมาเรื่อยๆๆ(ส่วนมากฉันจะเป็นฝ่ายพูดซะมากกว่า90%) แล้วฉันก็ได้รู้ว่าที่จริงแล้วฮีพูดได้!!! แถมพูดชัดซะด้วย แมร่มมมก็ปกติดีนี่หว่า... คิดว่าพูดไม่ชัดเลยไม่กล้าพูด - -" และฮีเป็นคนที่มีน้ำใจและนิสัยดีอย่างที่เค้าว่าจริงๆ
สิ่งที่คอนเฟิร์มว่าฮีเป็นคนแบบนั้นจริงๆ มันมีที่มา....เหตุการณ์ที่ฉันจำได้คือ ฉันเคยบอกฮีว่าทำการบ้านเลขวันนี้ไม่ได้ โทรมาบอกคำตอบหน่อยนะ...พอฉันกลับถึงบ้าน ฉันก็โยนกระเป๋าและออกไปเล่นทันที โดยที่ลืมไปเลยว่าเดี๋ยวฮีจะโทรมาบอกคำตอบการบ้านเลข และเป็นอย่างที่บอกไว้จริงๆด้วย มืดๆพอฉันเข้าบ้านไปยายก็บอกทันทีว่าฮีโทรมา(โทรมาทำไมวะ ช่างเหอะ...หิวอ่ะกินข้าวดีกว่า) วันรุ่งขึ้นก็ไปถามฮีว่าโทรมาทำไม?? ฮีก็ตอบมาแบบหน้านิ่งๆว่า "คำตอบการบ้านเลขไง..." (Ship หาย แระ ฉันลืมทำการบ้าน!!!!) เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันได้รู้ถึงน้ำใจของฮีเลย
เหตุการณ์ต่อมา ฉันบอกกับฮีว่า "วันนี้จะไปซื้อของเดินกลับบ้านด้วยกันนะ" แต่พอตกเย็นเพื่อนสาวในแก๊งค์ชวนกินก๊วยเตี๋ยวเรือหลังโรงเรียน ฉันก็ไปสิคะเลยลืมไปเลยว่านัดกับฮีเอาไว้ กินอิ่มจนพุงกางก็เดินกลับบ้าน ขณะกำลังเดินไปป้ายรถเมล์ ก็เห็นฮียืนอยู่หน้าโรงเรียน เลยวิ่งเริงร่าเข้าไปหา...ถามว่า "ทำไรอยู่??ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก??" คำตอบที่ได้มา...ทำเอาเงิบเลยอ่ะ ฉันลืมอีกแล้ว และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ได้รู้ว่าฮีเป็นคนดีจริงๆ
ฉันประทับใจน้ำใจของฮีเลยเอาไปเมาท์ให้เพื่อนๆในห้องฟัง เพื่อนๆต่างพากันไปพูดคุยกับฮี จนพวกเราทุกคนสนิทกับฮีมากขึ้น ทุกคนชอบฮีเพราะฮีเป็นคนดีมีน้ำใจกับเพื่อนทุกคน แต่ฮีมาบอกทีหลังว่าฉันทำลายความเงียบสงบในชีวิตเค้า(แรงส์....แต่ฉันรู้ฮีพูดไปงั้นแหละ)
เวลาผ่านไป...พวกเราก็สนิทกันมากขึ้น(จริงๆแล้วเหมือนฮีจะพยายามตีตัวออกห่างจากฉันมากกว่า) จนวันนึงพวกเราทั้งห้องกำลังเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ฉันก็มัวแต่เดินเมาท์มอยอยู่กับเพื่อนสาวนางนึง ปากก็เมาท์ตลอด ตาก็ไม่ได้มองทางข้างหน้า "ปลั่ก!!" (เสียงอะไรวะ) พอฉันมองลงไปที่พื้น Ship หาย แระ!!!!...เหยียบกองทรายเปียกไปเต็มเท้าเลย หันไปมองนังเพื่อนสาว นางรีบตีตัวออกห่างทันที นางทำท่าทำทางว่าไม่รู้จักฉัน หันไปหาเพื่อนคนไหน ทุกคนก็ตีตัวออกห่างและทำท่าว่า"เมิ่งอย่ามาทักกุนะ กุไม่รู้จักเมิ่ง" (สัส!!! รักกุกันทุกคนเลยนะ) ฉันเลยดึงเท้าที่จมลงไปในทรายออกมาเอง และก็เป็นอย่างที่คิด แมร่ง...ทรายดูดรองเท้าฉันไป เอาออกมาได้แต่เท้าที่ใส่ถุงเท้าขาวเปื้อนฝุ่นดำๆเท่านั้น เพื่อนๆที่ยืนดูก็ยืนหัวเราะชอบใจกันแต่ไม่มีใครมาช่วยฉันซักคน และและแล้วฮีก็เดินมาจากไหนก็ไม่รู้ มาหยิบรองเท้าออกจากกองทรายให้ และพาฉันไปที่ตึกใกล้ๆ ฮีเอารองเท้าฉันล้างน้ำที่อ่างน้ำข้างตึกและให้ฉันยืนเหยียบเท้าฮีไปเพื่อไม่ให้เท้าเปื้อนดิน เพื่อนๆยืนอึ้ง.....แต่ไม่มีใครกล้าแซวนะ บอกแล้ว...ฮีเค้าขลัง ของเค้าแรง ไม่มีใครกล้าหรอก...
หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนกันเรื่อยมา คอยช่วยเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆที่เราพอทำให้กันได้จนเรียนจบม.ปลาย พอเรียบจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเรียนต่างมหาวิทยาลัย แต่เราก็ได้เจอกันบ้างเวลาเพื่อนๆนัดเจอกินข้าวกัน นานๆทีปีนึงจะได้เจอกันครั้งสองครั้ง เราคุยกันน้อยลง...แต่ฮีก็ยังเป็นเพื่อนชายที่ฉันไว้ใจเหมือนเดิม
หลังจากที่เรียนจบ...ช่วงที่ต่างคนต่างทำงานแล้ว เราได้กลับมาเมาท์มอยกันอีกครั้งและเหมือนเดิมคือฉันจะเป็นฝ่ายเมาท์คนเดียว90%)
และเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่เป็นบททดสอบที่ทำให้กล้าพูดได้เต็มปากว่าฮีคือเพื่อนคนสำคัญก็เกิดขึ้น ฉันบอกกับฮีว่า จะทำธุรกิจเลยชวนฮีมาลงทุนด้วย ฮีให้เงินมาอย่างง่ายดายและไม่ถามอะไรฉันสักคำ และในวันที่ฉันล้ม ทำธุรกิจผิดพลาด ฉันมืดแปดด้าน และที่สำคัญฉันต้องหาเงินไปคืนฮีตามที่รับปากไว้ แต่ฉันไม่มี!!! ฉันตัดสินใจบอกความผิดพลาดนี้ให้ฮีฟังเพื่อจะได้ขอยืดเวลาคืนเงินออกไป ฮีกลับบอกว่า"เธอไม่จำเป็นต้องคืนนะ เพราะมันคือเงินที่เราให้เอาไปลงทุนทำธุรกิจ วันนี้ธุรกิจเจ๊งเราก็ต้องรับผิดชอบเพราะถือว่าเราก็เป็นหุ้นส่วน จะให้เธอรับผิดชอบคนเดียวมันไม่ถูก ทุกการลงทุนมันมีความเสี่ยง ไม่ต้องคิดมาก" ฉันได้ยินแค่นั้น ฉันร้องไห้ไม่หยุด ฮีไม่มีสงสัยอะไรในตัวฉันเลย แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะคืนเงินให้ฮีให้หมด ตอนนี้ก็คืนมาได้ครึ่งนึงแล้ว...และฮีก็บอกว่า พอแล้วไม่ต้องคืนแล้ว แต่ฉันตั้งใจแล้วนิ่ ฮีห้ามยังไงก็ไม่สำเร็จหรอก
หลังจากเกิดเรื่องนั้น ฉันก็สนิทกับฮีมากขึ้น คุยกันมากขึ้น(แน่นอนว่าส่วนมากฉันจะเป็นฝ่ายเมาท์อยู่90%เหมือนเดิม) และฮีก็ยังไว้ใจฉันเหมือนเดิม หลายๆเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของฮี ฉันมักจะได้รับรู้เป็นคนแรกๆเสมอ อย่างฮีจะไปดูตัว ไปซื้อของขวัญให้แฟน แต่งงาน มีลูก ป๊าไม่สบาย บล่าๆๆ...ยิ่งทำให้ฉันดีใจและเข้าใจฮีมากขึ้น จนวันนี้ฮีมีครอบครัวที่น่ารัก ลูกชายที่น่ารัก ฉันก็ยังรักครอบครัวและลูกชายของฮีเหมือนพวกเค้าเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันเหมือนกัน ฉันรู้สึกยินดีและดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับฮี ซึ่งเพื่อนหลายคนไม่ค่อยรู้ว่าเราสนิทกันและดูไม่ออกเพราะนิสัยมันต่างขั้วกันเกินไป
ที่เราเป็นเพื่อนกันมา10กว่าปี ฮีทำให้ฉันได้รู้ว่า.....
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องมีนิสัยเหมือนกัน
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศเดียวกัน
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องคุยกันเยอะ
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง
"เพื่อน"ไม่จำเป็นต้องเจอกันบ่อย
ขอแค่เชื่อใจกันและเรามั่นใจว่าเราต่างจะไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ต่อให้ไม่ได้เจอกันไม่ได้คุยกัน ยังไงความเป็นเพื่อนก็ไม่ขาดหาย
คิดถึงเพื่อนที่รักทุกคน
ห้อง6/8