ท้วง สพฐ. ร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เหตุใดไม่มีวิชานาฏศิลป์

สพฐ. ร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ แต่ไม่มีวิชานาฏศิลป์

สพฐ.ออกมาชี้แจงว่า... จากปัญหาคุณภาพการศึกษาไทยตกต่ำ โดยส่วนหนึ่งพิจารณาจากคะแนนโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment : PISA) เป็นโครงการประเมินผลการศึกษาของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งเด็กไทยมีความสามารถด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อยู่ในอันดับ 50 จาก 65 ประเทศทั่วโลก

ทาง สพฐ.จึงมีความพยายามที่จะยกระดับให้เด็กไทยมีคะแนนใน 3 ด้านดีขึ้น เพื่อให้การศึกษาไทยพัฒนาขึ้นสู่อันดับที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยแต่เดิมมีกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ สพฐ.กำหนดให้เด็กไทยเรียนมี 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ดังนี้ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพละศึกษา ศิลปะ การงานอาซีพและเทคโนโลยีและภาษาต่างประเทศ

โดยในร่างหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานฉบับใหม่ ลดเหลือ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ ภาษาและวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและคณิตศาสตร์ การดำรงชีวิตและโลกของงาน ทักษะสื่อสารและการสื่อสาร สังคมและความเป็นมนุษย์ และอาเซียนภูมิภาคและโลก โดยระบุว่า วิชานาฏศิลป์ จัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มสังคมและความเป็นมนุษย์เหมือนวิชาศิลปะ แต่เมื่อดูในเนื้อหาหลักสูตรพบว่า ไม่มีวิชานาฏศิลป์ กลุ่มอาจารย์ทางด้านนาฏศิลป์ จากจุฬาฯ มศว และวิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศ จึงรวมกลุ่มกันและ ขอตั้งคำถามกับ สพฐ. ว่าเด็กอ่อนการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ทำไมจึงไม่ไปแก้ปัญหาให้ถูกจุด และมันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการตัดรายวิชานาฏศิลป์ออกจากหลักสูตรพื้นฐาน ซึ่งมีพื้นที่ตารางสอนในโรงเรียนเพียงแค่ 0.5 หน่วยกิตเท่านั้น

สรุป ... เหตุผลหลักก็คือเพื่อ  ยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานของต่างชาติ ... ผมว่าเป็นเรื่องดีครับที่จะทำเช่นนั้น  แต่ถามต่อว่า  คุณเกาถูกที่คันหรือไม่  แก้ปัญหาตรงจุดหรือเปล่า  หรือคุณจะเน้นผลงานของคุณให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนบนแผ่นหน้ากระดาษ  แต่ในหน้าประวัติศาสตร์เล่า  เราจะตอบคำถามลูกหลานอย่างไรว่า  "นาฏศิลป์ไทย  ดนตรีไทย มันเป็นยังไงหรือครับ/ค่ะ"  ผมจินตนาการถึงสถานการณ์นั้นแล้วรู้สึกคลื่นเหียน  เหมือนจะอาเจียน  ถึงกับมือไม้สั่นเลยทีเดียว  เพราะตลอดชีวิต  นาฏศิลป์-ดนตรีไทยคือเลือดเนื้อและลมหายใจของผม ไม่ใช่จะมาทำแสดงว่าตัวเองรักวัฒนธรรมไทยอะไรหรอกนะครับ  เพราะในรั้ววิทยาลัยนาฏศิลป์และการศึกษาต่อสายครูเอกนาฏศิลป์  ก็คงจะพิสูจน์อะไรได้บ้าง ... ผมขอเชิญบทประพันธ์ของคุณถนอม  อัครเศรณี ตอนหนึ่งมาแสดงไว้เป็นเครื่องเตือนใจให้ลองอ่านกันดูนะครับ  ว่า ณ ขณะนี้  ประเทศไทยเรา  มีหรือไม่มีสิ่งใดบ้าง
          "...เมืองใด ไม่มี ทหารหาญ  เมืองนั้น ไม่นาน เป็นข้า
เมืองใด ไร้จอมพารา เมืองนั้น ไม่ช้า อับจน
เมืองใด ไม่มี พาณิชย์เลิศ  เมืองนั้น ย่อมเกิด ขัดสน
เมืองใด ไร้ศิลป์ โสภณ  เมืองนั้น ไม่พ้น เสื่อมทราม
เมืองใด ไม่มี กวีแก้ว  เมืองนั้น ไม่แคล้ว คนหยาม
เมืองใด ไม่มี นารีงาม  เมืองนั้น หมดความ ภูมิใจ
เมืองใด ไม่มี ดนตรีเลิศ  เมืองนั้น ไม่เพริศ พิสมัย
เมืองใด ไร้ธรรม อำไพ  เมืองนั้น บรรลัย แน่นอน   "

วิชานาฏศิลป์สอนเรื่องวัฒนธรรมประจำชาติของเรา  รากเหง้า จิตวิญญาณความเป็นคนไทย  ถ้าเอาวิชานี้ออกไป  เยาวชนซึ่งขณะนี้ก็โดนสังคมทุนนิยมครอบงำอยู่แล้ว  เด็กๆ ก็จะพาลออกห่างวัฒนธรรมของตนเองไปเรื่อยๆ  มันมิใช่การ "บังคับ" แต่คิดมั้ยว่าเราต้อง "ปลูกฝัง"  เรามามองภาพใหญ่ๆ กันดีไหมว่าทำไมการศึกษาของเด็กไทยถึงด้อยกว่าที่ควรเป็น  ลองมองสภาพสังคมสิ  ลองมองสภาพบ้านเมืองสิ  ศีลธรรมในสังคมเสื่อมไหม   พวกผู้ใหญ่หัวใสไม่ใส่ใจบ้านเมือง "ประเทศเราจะเป็นไงก็ช่างฉันรวยเป็นพอ"  การตลาดนำการศึกษา  ปัญญาถูกแทนที่ด้วยอำนาจเงิน

........ หากเป็นเช่นนี้มิใช่เพียงเราจะไม่เหลือวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง  แต่เราจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย  เพราะหากขาดศีลธรรม  ศิลปะ  และปัญญาแล้ว  เราก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่