นางฟ้าราคี ตอนที่ 1 นางฟ้าราคี โสเภณีไฮโซ


ตอนที่ 1  นางฟ้าราคี โสเภณีไฮโซ
    บนถนนที่ทอดตัวยาวเรียบหาดในช่วงกลางดึกของคืนวันศุกร์สุดท้ายของปี 2554 รถเบนซ์สุดหรูสีดำมันปลาบแล่นด้วยความเร็วช้าๆ คนขับคือลูกชายเจ้าของบริษัทอาหารทะเลแช่แข็งชื่อดังซึ่งกินส่วนแบ่งตลาดเกินแปดสิบเปอร์เซ็น ดวงตาคู่คมสีดำสนิทมองไปที่คนข้างๆ พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาแรงๆ
                                
    “นี่ไอ้ว่าน กลับกันเถอะมันฝืนความรู้สึกของฉันว่ะที่จะมาทำอะไรแบบนี้” เขาไหวไหล่ไล่ลมหายใจร้อนๆออกทางปลายจมูก เสียงหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีของคนนั่งข้างๆ ที่กำลังสอดส่ายสายตาหาเหยื่อหันมาตอบว่า    “นี่ไอ้คุณปันไม่ลองแล้วจะรู้เหรอฉันเคยได้ของดีแถวๆนี้ด้วยนะ เป็นนักศึกษา ใหม่ๆ สดๆ ซิงๆ หลงมาจากไหนก็ไม่รู้ คงจะมาหาค่าหน่วยกิตไปลงทะเบียน”  คนพูดท่าทางดูจะช่ำชองในเรื่องที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนา
        
    “นายนี่มันจริงๆ เมื่อไหร่จะเลิกเสียที อันที่จริงถ้าเลิกไม่ได้ก็หาให้มันมีระดับกว่านี้น่าจะดีกว่าเยอะ ดีไม่ดีมารุ่มร่ามแถวนี้อาจจะถูกจับเอาก็ได้”    

    ปันบุรีส่ายหน้าอย่างระอา เขาไม่คิดมาก่อนว่าเพื่อนรักที่โตมาด้วยกันแต่แยกย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศพักใหญ่เมื่อกลับมาเจอกันอีกจะทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพายให้เขาบ่นได้ทุกวันในระยะสามเดือนที่โคจรมาพบกันอีกครั้ง    
“ใครว่ารู้ไหมว่าพวกน้องนางระดับดารา ระดับวีไอพีทั้งหลายตามตู้กระจกน่ะผ่านอะไรมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่ไอ้แบบข้างทางนี่แหละดี บางทีอาจจะมีไก่สาวหลงรังมาหาลำไพ่พิเศษก็ได้นะ” ว่านนทีเฝ้าซุ่มดูอยู่หลายวันแล้วเพื่อนคงมองว่าเขาหื่นแต่ยังไงก็บอกใครไม่ได้นี่คืองานของเขา เฮ้อ! ปันบุรีถอนใจยาว
    
“หื่นได้โล่ห์”    
                        
เพื่อนรักหันมายิ้มทะเล้น
                    
“ครับๆ พ่อคนดี แต่คืนนี้ขอสักคืนเอ่อ…มันหื่นจริงๆว่ะ อย่าใจร้ายกันนักเลย ถ้าป๊าไม่ยึดกุญแจรถฉัน ฉันก็ไม่บังคับแกให้ออกมาที่นี่ด้วยหรอก”         
“ไอ้ทุเรศ พูดมาได้ไม่อายปาก ไม่คิดเลยว่าหายไปเรียนเมืองนอกเมืองนาเสียหลายปี กลับมาแล้วจะกลายเป็นไอ้หื่นแบบนี้ไปได้ ตกลงนายไปเรียนอะไรมากันแน่”  ว่านนทีไม่เคยตอบว่าปัจจุบันตนเองทำงานอะไรจนวันหลังปันนบุรีไม่คิดจะถาม                    
“แหม....ไอ้เพื่อนรักทำเป็นปากดี แล้วเอ็งล่ะจบอะไรมา ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาหลายปีเหมือนกัน เห็นก็กลับมาทำงานในกงสีอยู่ดี” ปันบุรีก็คันปากอยากอธิบาย แต่บางเรื่องไม่สามารถพูดออกมาได้เช่นกัน    
        
ปันบุรี กับว่านนทีเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแต่อุปนิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ซึ่งหลายคนมักจะสงสัยว่าทั้งคู่มาคบหากันได้อย่างไร อีกคนดีอย่างกับพ่อพระ สุขุม เยือกเย็น จนบางครั้งออกจะเย็นชา ส่วนอีกคนใจร้อน โวยวาย อารมณ์ร้ายอย่างกับซาตานกลับชาติมาเกิด ว่านนทีนั้นมีนิสัยตกเย็นต้องกินเหล้า พอเมาต้องเคล้านารี แต่ไม่คิดมีใครเป็นตัวเป็นตน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโรคเบื่อง่าย หากมีแฟนและตนทำตัวแบบนี้เห็นทีจะลำบาก แต่ด้วยยังหนุ่มแน่นด้วยวัยย่างสามสิบ สำหรับผู้ชายถือไม่ได้มากมายเกินไปนัก อีกทั้งฐานะทางบ้านมีอันจะกิน จึงทำตัวตามสบายตามประสาชายโสดโฉดนิดๆ ในขณะที่ปันบุรีมีหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายกว่า แต่เขากลับทำตัวเย็นชาใส่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่มาให้ความสนใจกับเขา ถึงแม้ความหล่อจะเข้าตาสาวน้อยสาวใหญ่ แต่ความเย็นชาก็เป็นเกาะป้องกันไม่ให้สาวๆหน้าไหนกล้าเข้าใกล้เขามากนัก                                                 ++++++++++++++++++             
รถมินิคูเปอร์ คันเล็ก ๆ แต่ราคาไม่เล็กจอดอยู่เรียบหาด ภายในกำลังมีเรื่องร้อนระอุที่กำลังเถียงกัน    
                    
“ไม่ คราวนี้ยาหยีจะไม่เชื่อพี่ชลอีกแล้ว เราจบกัน”    น้ำเสียงหวานแต่เด็ดขาด น้ำตาไหลพรากหญิงสาวรีบเช็ดมันเพราะคิดว่ามันไม่ควรมาเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนนี้อีก หลายครั้งหลายหนที่เธอจับได้ หลายครั้งหลายหนที่ให้อภัย แต่เขาก็ทำอีก ตอนนี้ยังเป็นแค่แฟนที่ไม่มีพันธะอะไรผูกพันกัน  แต่หากวันหนึ่งวันใดที่เธอตกเป็นของเขาเธอจะยอมรับได้หรือที่มีแฟนติดยา    

                        
“ยาหยี พี่ชลขอโทษ พี่ชลจะเลิก สาบานก็ได้” ชลสิทธิ์รีบดึงมือแฟนสาวคนสวย หน้าหมวย หุ่นเซ็กซี่อย่างยาหยียอดดวงใจของเขาเอาไว้        
“ไม่ นี่มันเป็นสัญญาลมปากครั้งที่สิบเก้าแล้วมั้ง หากยาหยีนับไม่พลาด”  ยาหยีสะบัดมือออก
                        
“กี่ครั้งที่ยาหยีจับได้ว่า พี่ชลยังไม่เลิกมัน ทั้งยาไอซ์  ยาบ้า กัญชา” ยาหยีไม่เคยข้องแวะกับสารเสพติดใดๆมาก่อน เธอเพิ่งจะรู้จักเรื่องพวกนี้ก็ต่อเมื่อแฟนหนุ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเมื่อหลายเดือนก่อน  เขามักยืมเงินเธอเสมอ ทั้งที่ชลสิทธิ์เองก็ทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งเงินเดือนหลายหมื่นบาททีเดียว  เธอเริ่มสงสัยและหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตบวกกับสังเกตพฤติกรรมทำให้จับได้  ทีแรกชลสิทธิ์ไม่ยอมรับ จนกระทั่งจำนนต่อหลักฐานที่หญิงสาวค้นจนเจอ
                        
“ยาหยีคนดี คราวนี้พี่ชลสัญญาว่าจะเลิก” เขาทำตาละห้อย ใบหน้าที่เคยขาว บัดนี้ขาวซีดกว่าเดิม ส่วนหนึ่งเพราะฤทธิ์ยาไอซ์ที่บางกลุ่มมีความเชื่อว่าเสพยาชนิดนี้จะทำให้ผิวพรรณดี อีกส่วนหนึ่งซีดเพราะกลัวแฟนสาวคนสวยตรงหน้า                                    
“แต่ตอนนี้เลิกกับยาหยีก่อนเถอะ นี่มันอะไรค่ะ บอกมาสิ” ยาหยีเอื้อมมือไปที่น้ำหอมปรับอากาศอันเล็กสีหวานที่สังเกตให้ดีจะเห็นรอยถูกแงะถูกงัด จากนั้นถอดหน้ากากมันออกมา ยาเม็ดเล็กๆถูกห่ออย่างมิดชิดซ่อนอยู่ในนั้น     
ชลสิทธิ์หน้าเสีย  ยาหยีมีความสามารถด้านการค้นหายาเป็นอย่างมากไม่ว่าเขาเอาไปซ่อนที่ไหนเธอก็จะหาจนเจอ                
“อันนี้มันของเก่า ตอนนี้ไม่มีแล้วเชื่อใจสิยาหยีที่รัก” น้ำเสียงแคร์สุดๆ    “ยาหยีว่ามันยังไม่หมดแค่นี้หรอกพี่ชล” หญิงสาวล้วงมือไปที่อัลบั้มใส่ซีดีแล้วเปิดมันออกดูทีละแผ่น มีฟรอยด์สีเงินที่ดูเหมือนจะมาจากซองก้นบุหรี่ซ่อนอยู่ฟรอยด์สีเงินชนิดนี้มีความพิเศษมันจะถูกทำให้บางมากๆ มันถือเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ใช้ในการเสพยาไม่มีไม่ได้ โดยการนำฟรอยด์มาทำเป็นรูปเรือจากนั้นเอายาวางลงไปและใช้ไฟแช็กที่ทำขึ้นพิเศษให้มีไฟในระดับต่ำหรือเรียกว่าไฟลอยลนไปเรื่อยๆ จนควันสีขาวลอยขึ้นมาผู้เสพจะดูดควันนั้นด้วยหลอดซึ่งจะมีกลิ่นวนิลา ช็อกโกแลต และปัจจุบันพัฒนามีกลิ่นชาเขียวซึ่งคาดว่าในอนาคตอาจจะพัฒนากลิ่นอื่น ๆ เพิ่มขึ้นไปอีกหากยังปราบปรามกันได้ไม่หมด                                
“อันนี้ก็ของเก่าพี่ยังไม่ได้ทิ้ง ยาหยีเชื่อใจพี่สิ” ชลสิทธิ์ไม่กล้าสบตาเธอ มันเป็นอาการหนึ่งของผู้เสพยาชอบหลบตาคน                
“ไม่ค่ะ” ยาหยีกวาดตามองและไปหยุดที่ตุ๊กตาติดกระจกรูปปีศาจน้อยน่ารักตัวสีแดงมีเขา เธอกระชากมันลงมาและพลิกหาความผิดปกติ ดูเหมือนเขาจะเย็บใหม่ได้ไม่เนียน
                    
“ไม่เนียนเลยค่ะ”    
                    
ชลสิทธิ์หน้าซีดรีบแย่งตุ๊กตาจากมือหญิงสาวแต่เธอไวกว่าเขา ยาหยีหยิบมีดคัตเตอร์เล็กๆที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าถือกรีดฉับไปที่ตุ๊กตาและแหวกท้องมันออกเป็นสองซีก โพลีเอ็สเตอร์ที่ยัดอยู่หล่นกระจุยกระจาย            
“นี่อะไรพี่ชล มันคงไม่ใช่แป้งฝุ่นมั้ง นี่มันไอซ์ชัดๆ ตั้งหลายจี” เธอรู้แม้กระทั่งหน่วยที่ใช้เรียกมันซึ่งหากไม่ใช่คนในวงการด้วยกันยากที่จะรู้        
“ยาหยีพี่ๆๆ” ชลสิทธิ์ เริ่มติดอ่าง
                
“ถึงว่าเงินเดือนตั้งหลายหมื่นยังต้องมายืมเงินยาหยี” ดวงตากลมโตของยาหยีจ้องเอาเรื่อง    
                    
“พี่ยืมไปให้เพื่อน ไม่ได้เอาไปซื้อยาจริงๆ” ชลสิทธิ์อ้าง    
    
“สาบานไหม  วัดไหนดีล่ะ” ยาหยีจ้องหน้าเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อหากทำได้ ชลสิทธิ์รีบหลบสายตา                         
“เอ่อๆๆๆ หากพี่ไม่รู้ว่ายาหยี มีอาชีพเป็นพยาบาลพี่คงคิดว่าเธอเป็นตำรวจสาวปลอมตัวมา”    
                    
“ไม่ต้องมาพูดดีหรอกค่ะ ยาหยีเคยขอให้พี่ชลไปรับการบำบัด แต่พี่ก็ไม่ยอม ต่อจากนี้พี่ชลจะไปตายที่ไหนก็ช่าง ยาหยีจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีก” ร่างระหงเปิดประตูลงจากรถทันที    
                    
“เดี๋ยวสิ ยาหยีจะไปไหน”      
                
ยาหยีปาดน้ำตากระแทกประตูอย่างแรงและวิ่งหนีไป
            
“ยาหยี อย่าวิ่งไปมันเปลี่ยวนะ แถวนั้นมันไม่ใช่ที่ของเธอหรอก” ถึงชลสิทธิ์จะติดยา แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะชักชวนให้เธอหลงผิดไปยุ่งกับมัน เขารักเธอมากรักเสียจนยอมหักห้ามใจไม่แตะต้องเธอจนกว่าตัวเขาจะเลิกมันได้สำเร็จ แต่จนแล้วจนเล่าเขาก็ยังเอาชนะใจตัวเองไม่ได้  เป็นเวลาเดียวกับที่สายตรวจขับรถมาจอดข้างรถของชลสิทธิ์พอดี เหมือนกับได้กลิ่นพิเศษ สัญชาตญาณของความเป็นตำรวจ
        
“มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ” ตำรวจรูปร่างสันทัดผู้ผ่านประสบการณ์จับผู้เสพผู้ค้ายามาอย่างโชกโชนเอ่ยถาม                    
“มากับแฟนครับ” ชลสิทธิ์อ้ำอึ้ง รู้สึกใจสั่นกลัวทั้งตำรวจห่วงทั้งยาหยีที่วิ่งหนีไปอย่างไม่รู้ทิศ                        
“แล้วไหนล่ะครับแฟนคุณ” ตำรวจถามและจับน้ำเสียงผิดปกติของเขาได้ ไม่เท่านั้นยังมองลึกเข้าไปในรถ                    
“มีอะไรให้ช่วยไหม”    
                    
ตำรวจหนุ่มใหญ่เอ่ยถามพลางลอบสังเกตพฤติกรรม        
“เอ่อ..ไม่ ไม่ครับ ไม่มีจริงๆ” เขาปฏิเสธทันควัน    
        
“ถ้าอย่างนั้นขอค้นรถหน่อยได้ไหมครับ” เป็นการขอความร่วมมือแกมบังคับ                                
ในขณะที่คนหางานปล่อยให้ชลสิทธิ์กำลังงานเข้า เธอก็วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต บอกกับตัวเองว่าจะไม่ทนอีกแล้วหากมีแฟนดีๆไม่ได้สู้ไม่มีเสียดีกว่า    ริมชายทะเลชื่อดังอันเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการแห่งหนึ่งเป็นที่รู้กันของนักเที่ยวยามราตรีว่าจะมีกลุ่มหญิงสาวมาแอบแฝงขายบริการโดยทำทีเป็นยืนรอรถหรือนั่งเล่นอยู่ในละแวกนั้น การแต่งกายบางคนก็แสดงออกถึงอาชีพอย่างเด่นชัด  แต่บางนางก็ทำตัวเป็นปกติหากไม่ใช่ในหมู่ผู้ชายที่เคยซื้อบริการหรือพวกที่รู้กันแทบจะไม่สงสัย หากว่ามีหญิงสาวนางใดไปยืนในละแวกนั้นยามวิกาลก็คงไม่พ้นที่จะมีรถยนต์แวะมาสอบถามราคา
                
“เฮ้ย ๆๆๆ ไอ้คุณเพื่อนปัน จอดเลยๆ เห็นไหมไก่หลงมาว่ะ สวยโคตรๆ ของขึ้นเลยเว้ยเฮ้ย” พูดไปแล้วน้ำลายของนายว่านก็แทบพาลจะหกออกมาในทันที ขณะที่ปันบุรียังไม่ได้มองไปที่เป้าหมาย
                
“ไม่เอาล่ะ กลับเถอะ” คนรูปหล่อหน้าคม พยายามห้ามปรามเพื่อน เพราะอายหากต้องไปฟังเพื่อนต่อลองราคากับสาวขายบริการ    
    
“ไม่ได้ว่ะ คนนี้สวยหยาดฟ้ามาดิน เซ็กซี่สุด ๆ เอ็งลองมองดูสิไอ้คุณปัน นั่นไง งามไหม” ว่านนทีชี้ไปที่เป้าหมายที่กำลังเดินเร็วๆและเช็ดน้ำตายังกับโกรธใครมา แต่ปันบุรียังมองหน้าเธอได้ไม่ชัดนัก    
            
“นี่หล่อนมาจากค่ายไหนเนี่ยไม่เคยเห็นหน้า แต่งตัวอย่างกับคุณหนูไฮโซ สวย เริ่ด เชิด แบบนี้ก็แย่งแขกฉันหมดสิยะ”             
หญิงสาวหลายคนแต่งตัวแสบทรวงด้วยเสื้อผ้าสีสด รองเท้าสูงปรี๊ดมีตั้งแต่วัยประมาณยี่สิบต้นๆ จนไปถึงสามสิบปลายๆ เหยียดปากใส่ จิกตามองมาที่ยาหยีอย่างเอาเรื่องเมื่อเธอเดินผ่านหน้า     
            
“พูดอะไรกันเนี่ย” ยาหยีมองด้วยความสงสัยสาวๆเหล่านั้นแต่งตัวเหมือนแม่ค้าขายเนื้อสด แต่ไม่ใช่คนในพื้นที่จึงไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า ได้แต่รีบเดินผ่านไปเงียบๆ กะว่าจะหารถขึ้นเพื่อเข้าไปที่ตัวเมืองและนั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ                                
“ถอยรถสิ นะๆ ขอร้องเพื่อนร้ากๆๆๆ  ช่วยที คืนนี้ฉันไม่ได้แม่นางฟ้าราคีคนนี้ ฉันคงขาดใจตายแน่ๆเลยว่ะ” ว่านขอร้องแกมบังคับให้ปันบุรีถอยรถไปหาสาวสวยที่หมายตา ปันบุรีถอนหายใจแรงมาก
            
“เฮ้ย! ครั้งนี้ครั้งเดียวไอ้ว่านที่ฉันจะยอมตามใจนายในเรื่องแบบนี้ วันหลังคิดจะเที่ยวอย่าเอาฉันมาเกี่ยวด้วยอีก”    
            
“ครับ ๆๆ ไอ้คุณเพื่อน”     
                
“ไม่รู้จะหื่นอะไรนักหนา”    
                    
“นี่ นังชะนี นังโสเภณีไฮโซ แกหลงมาจากไหนยะหล่อน  คิดจะมาแย่งลูกค้าพวกผีขนุน ผีมะขามอย่างพวกฉ้านๆๆๆ อุ๊ยตายแล้วย้ายกันมาจากสวน...ยังมีคู่แข่งอีก” กะเทยนางหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นและจิกตามาที่ยาหยีอย่างเอาเรื่อง                            
ยาหยีเหลียวหน้ามองหลังและถอนใจเธอรู้แล้วว่าแถวนี้จะต้องเป็นแหล่งค้าขายเนื้อสดอย่างแน่นอน เมื่อมองไปฝั่งตรงข้ามก็มีหญิงสาวแต่งชุดนักศึกษา แต่หน้าตาเหมือนเรียนศึกษาผู้ใหญ่ ข้างๆ ก็มีหญิงสาววัยรุ่นนุ่งสั้นแต่งตัวสีสันฉูดฉาด และมองข้างหน้ากลุ่มกะเทยร่างใหญ่ขายบริการกำลังดักหน้าเธอเอาไว้    
                        
“งานเข้าแล้วยาหยี เสร็จแน่”  สาวน้อยรีบถอยหลังอย่างระวังภัย การแต่งตัวเหมือนคุณหนูลูกผู้ดี หน้าตาไฮโซดูมีสกุลรุนชาติ ยิ่งสร้างความหมั่นไส้ให้กับใครหลายๆคนในบริเวณนี้ จากนั้นกลุ่มกะเทยร่างใหญ่ก็กรีดกรายเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอ
                            
“พวกเราตบ” กะเทยจ่าฝูงผู้ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในกะเทยขายบริการด้วยกันสั่งการขึ้น    
                
“อย่างนี้ต้องจัดให้นัก”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่