บุพเพข้ามภพ ตอนที่1


ตอนที่ ๑

                                 ความรักเหมือนโรคา       บันดาลตาให้มืดมน
                         ไม่ยินและไม่ยล        อุปสรรคใดใด
                          ความรักเหมือนโคถึก         กำลังคึกผิขังไว้
                          ก็โลดจากคอกไป                บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
                          ถึงหากจะฉุดไว้                  ก็ดึงไปด้วยกำลัง
                          ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง                  บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย

                                                                                      (มัทนะพาธา ,
                                                                           พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)

กรุงรัตนโกสินทร์
    กรุงเทพมหานคร มหานครที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย หลายเชื้อชาติ หลายภาษายื้อแย่งแข่งขันกันจนบางครั้งลืมความเป็นอัตตาของตน จากอดีตกาลคืบคลานสู่ปัจจุบันและย่างก้าวไปสู่อนาคตกาลแต่ทว่า ‘ความรัก’ ยังเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีคำว่าล้าสมัย มนุษย์ทุกผู้ทุกนามยังโหยหาซึ่งความรัก เรียนรู้ที่จะรัก และอยากจะมีไว้ครอบครอง แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เป็นเจ้าของรักแท้

    เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุคลื่นดังของเมืองไทยคลื่นหนึ่งกำลังเปิดเพลงเพราะซึ้ง ๆ มันเป็นเพลงโปรดของวิลันดา แต่ในยามนี้เพลงไพเราะเพลงนี้มันช่างไปสะกิดโดนใจของหล่อนผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน แต่แฝงด้วยความสับสนปนความเศร้าจนสัมผัสได้ ขนตายาวงอนงามกลั้นน้ำตาอุ่น ๆ ตนเองไว้ไม่อยู่ ปล่อยให้มันค่อย ๆ ไหลอาบแก้มนวลอิ่มสีชมพู มันไม่ใช่การหลั่งน้ำตาครั้งแรกของหล่อน แต่มันมากกว่าสิบครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้นอีกในระยะ สองเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ ‘วิลันดา’ได้เลิกรากับ ‘ชัชวาล’
     อันที่จริงหล่อนและชัชวาล อดีตแฟนหนุ่มที่คบกันมาถึง สี่ปีเต็มไม่ควรจะมาลงเอยด้วยการเลิกราเช่นนี้เลย ทั้งที่คนทั้งคู่ได้มีการวางแผนงานแต่งงาน และดูทำเลสำหรับการสร้างเรือนหอไว้ก่อนหน้านี้ แต่โลกกลม ๆ ใบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่แน่นอน

     หลังจากที่ชัชวาลเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เขาก็ได้รับการทาบทามจากบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักดีให้ไปทำงานด้วยและดูเหมือนว่าเงินเดือนที่สูงลิ่วนั้นจะทำให้บรรดาเพื่อน ๆ ในรุ่นอดอิจฉาเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นนักเรียนทุนที่มีความสามารถมากคนหนึ่งเลยทีเดียว แถมยังจบด้วยคะแนนเกรดเฉลี่ยสูงลิ่วถึงสามจุดเก้าศูนย์ พ่วงท้ายด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ดังนั้นบริษัทน้อยใหญ่หลายแห่งจึงต้องการคนเก่งอย่างเขาไปทำงานด้วย แต่สุดท้ายเขาตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังที่ทาบทามมาเป็นรายแรก

       ที่นั่นเองเขาได้พบ ‘อรอิสรา ‘สาวน้อยหน้าใสรูปร่างบอบบางแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนอย่างร้ายกาจ ในที่สุดทั้งเขาและอรอิสรา ก็แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน วิลันดารู้มาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งทำงานอยู่ที่นั่น โดยที่ชัชวาลไม่ทราบมาก่อน เรื่องทั้งหมดจึงแดงขึ้นมา วิลันดาทุกข์ใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น หล่อนพยายามสลัดความคิดจากเรื่องราวทุกอย่างให้หมดไปจากหัว แล้วพลันนึกถึงสิ่งที่จะทำให้จิตใจสงบลงได้เหมือนกับมีบางอย่างมาดลใจ

     เสียงรถยนต์แจ๊ซ สีชมพูบานเย็นสวยสดใส แล่นออกมาด้วยความเร็วหนึ่งร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง มุ่งหน้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม สองข้างทางของถนนได้ชื่อว่าถนนผลไม้  ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามน่าชมเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อีกทั้งสวนผลไม้ออกดอกออกผลแซมกันทำให้ข้างทางดูสวยงามน่าชม อีกทั้งเสียงนกน้อย ๆ ที่บินผ่านขับขานกันอยู่ในสวน หมู่แมลงภู่ดูดชิมน้ำหวานและทำหน้าที่ผสมพันธุ์ให้กับช่อดอก แต่วิลันดาไม่มีกะจิตกะใจหรืออารมณ์ที่จะมาชมชอบหรือสนใจกับพวงลิ้นจี่สีแดงที่แซมอยู่เต็มต้น หรือส้มโอลูกโตจนกิ่งโย้น่าลิ้มลอง ณ เวลานี้

    “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยชัชวาล”         
     วิลันดาปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา ขณะมือจับพวงมาลัยและเร่งความเร็วรถเพื่อไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปกติแล้วหล่อนจะไม่เคยขับรถเร็วแบบนี้มาก่อน มันผิดวิสัยของหล่อน แต่บางอารมณ์โดยเฉพาะอารมณ์ของคนผิดหวังในความรักย่อมจะทำอะไรได้โดยไม่คาดคิด
    
     ราวสี่โมงเย็นวิลันดาจอดรถตรงหน้าโบสถ์ปรกโพธิ์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดาบริเวณโบสถ์จึงเงียบเหงาไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน ดูวังเวงจนแปลกใจ หรืออะไรบางอย่างอาจจะบังตาเอาไว้ มีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นในเวลานี้ หล่อนมาที่นี่เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนิลมณีที่ใครต่อใครมักพูดถึงเสมอ  วิลันดาอยากจะมากราบไหว้หลวงพ่อ เพื่อให้ท่านช่วยให้หล่อนมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกใบนี้  ครั้งนี้เป็นมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิตของหล่อนเลยทีเดียว การถูกคนรักหักหลัง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เจ็บปวดได้มากเท่านี้

    เจ้าของใบหน้านวลงาม ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนพริ้วสยาย พาร่างบอบบางเข้าไปในโบสถ์หลังเก่าที่ผ่านกาลเวลามาอย่างเนิ่นนาน แต่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีต โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีจนถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพธิ์ ไทร ไกร และกร่าง จึงถูกเรียกว่า โบสถ์ปรกโพธิ์ เจ้าของร่างบางค่อย ๆ บรรจงก้มลงกราบหลวงพ่อนิลมณีอย่างอ่อนน้อม หล่อนเงยหน้าขึ้นมามอง พระพักตร์อิ่มของหลวงพ่อนิลมณีที่ดูสงบนิ่งน่าเลื่อมใส และสามารถสะกดให้ใครคนหนึ่งที่น้ำตานองหน้ามาหาท่านและนั่งอยู่ตรงนี้ ค่อยๆคลายความรุ่มร้อนในใจลงได้บ้าง  น้ำเสียงเศร้าสร้อยเอื้อนเอ่ยออกจากริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ
    
“หลวงพ่อคะ ลูกทุกข์ใจเหลือเกิน ทำไมคนรักของลูกถึงทำกับลูกถึงเพียงนี้ ลูกทำผิดอะไรรึเจ้าคะ”  

    หล่อนยกมือเรียวงามพนมไหว้ ขณะที่น้ำตาร่วงพราวไหลลงอาบสองแก้มอิ่มอย่างไม่ขาดสาย                                

“ชาตินี้ลูกจะไม่ได้มีคู่ครองที่ดีเลยหรือเจ้าคะ ทำไมความรักถึงได้ทำให้ลูก
ทุกข์นัก”

หล่อนรำพึงรำพันไปตามความรู้สึกของหัวใจที่กำลังบอบช้ำ หวังระบายความเศร้าให้หลวงพ่อฟัง

         วิลันดามองไปยังพระพักตร์อิ่มขององค์หลวงพ่อนิลมณีด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างขอคำตอบ ความรู้สึกของวิลันดาไม่มีใครที่จะเข้าใจและรับฟังปัญหาของหล่อนได้ดีเท่ากับองค์พระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้าอีกแล้ว การไปเล่าให้คนรอบข้างฟังย่อมไม่ใช่การดี

    “คู่แท้ของลูกอยู่ที่ไหนกันคะ ลูกจะต้องพบกับความชอกช้ำแบบนี้ไปอีกกี่ครั้งกี่หน ทำไมลูกถึงไม่ได้เจอรักแท้เสียที เขาคนนั้นอยู่ที่ไหน หรือเขาคนนั้นยังไม่ได้เกิดมาในชาตินี้”  

หากเลือกได้แล้ว คงไม่มีใครอยากจะพบความรักกำมะลอ ทุกคนคงมุ่งหาหรือรอคอยแต่คนคนนั้น คนที่จะนำรักแท้มามอบให้ไม่ว่าเขาจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม ใบหน้าสวยเลิศล้ำนิ่งสงบจิตอธิษฐานด้วยความตั้งมั่น

    วิลันดาระบายความเจ็บช้ำน้ำใจที่หล่อนได้รับจากชายคนรัก ต่อพระพักตร์ขององค์หลวงพ่อนิลมณีไปเรื่อย ๆ ในใจคิดว่าเหมือนหลวงพ่อกำลังรับฟังคำบอกเล่าจากหัวใจที่กำลังปวดร้าวของหล่อนอยู่  บางครั้งการได้ระบายออกมาบ้าง ย่อมทำให้ใจที่กำลังระทมคลายความอัดอั้นเจ็บปวดลงได้จนหล่อนเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก
                                          ++++++++++++++++++    
กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
    ชายหนุ่มสูงสง่า ร่างกายกำยำสมกับเป็นทหารกล้า  เขาควบม้าคู่ใจเกิดเสียงดังกุบกับเมื่อเท้าของเจ้าม้าฝีเท้าดีกระแทกลงพื้นดิน เขาหยุดม้าเอาไว้ตรงหน้าโบสถ์ขนาดกลางซึ่งมีต้นโพธ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่างปลูกอยู่รอบ ๆ โบสถ์ดูร่มรื่นนัก  จากนั้นเขาก็ผูกเจ้าหมอกพายัพอาชาคู่ใจไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะเดินสำรวจรอบ ๆ โบสถ์ เพลานี้ใกล้พลบค่ำ มิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ พวกทหารอาสาที่เข้ามาฝึกซ้อมคงจักกลับไปที่พัก จักมีบ้างก็ทหารเฝ้ายามซึ่งอยู่ด้านนอกหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ค่ายนี้เดิมทีแล้วเป็นค่ายทหารเรือในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ  เจ้ามังระกษัตริย์พม่าให้เกณฑ์กองทัพเข้ามารุกรานอาณาจักรอยุธยา โดยแต่งตั้งให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพยกเข้าตีทางทิศใต้ ตีเมืองมะริด เมืองตะนาวศรี เรื่อยไปจนถึง ชุมพร ราชบุรี เพชรบุรี แล้วจึงยกทัพกลับไปตั้งกองทัพต่อเรืออยู่ที่ดงรังหนองขาว เมืองกาญจนบุรี พระเจ้าเอกทัศทรงทราบข่าว จึงโปรดให้เกณฑ์กองทัพออกต่อสู้ โดยกองทัพบกไปตั้งค่ายรับข้าศึกที่ตำบลตำหรุ เมืองราชบุรีแห่งหนึ่ง ให้กองทัพเรือยกมาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงครามแห่งหนึ่ง แลให้พระยารัตนาธิเบศยกมาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองธนบุรีอีกแห่งหนึ่ง ทัพมังมหานรธาก็ยกทัพเรือเข้ามาตีค่ายทหารเรือบางกุ้งจนแตกพ่าย แลยกเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ด้านหนึ่ง จนกรุงศรีอยุธยาแตก  

    ขุนไกรมองไปรอบ ๆ ค่ายร่องรอยของกาลเวลายังปรากฏให้เห็นค่ายที่ผ่านศึกหนักมา ทหารกล้ากี่นายที่ต้องสังเวยชีพให้กับสงคราม แลอีกมิช้าคงจะต้องมีเหตุการณ์นองเลือดอย่างในอดีตเกิดขึ้นอีก ขุนไกรได้ข่าวจากทหารสอดแนมมาว่า พระเจ้ามังระได้มีท้องตราสั่งแมงกี้มารหญ่า เจ้าเมืองทวายให้ คุมกำลังให้มาตรวจตราดูสถานการณ์ในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เพราะได้ล่วงรู้ข่าวเกี่ยวกับการผลัดแผ่นดินใหม่ เขาก้าวล่วงเข้าไปถึงโบสถ์ตามความตั้งใจที่จักมากราบหลวงพ่อโบสถ์น้อย  เขามองภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม คิดว่าหากล่วงก้าวไปในกาลอนาคต   บรรพชนรุ่นหลังจักได้เห็นความงามเยี่ยงนี้หรือไม่ หากสูญสิ้นไปคงน่าเสียดายนัก  เขายืนอยู่หน้าพระพักตร์หลวงพ่อโบสถ์น้อยอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทหารกล้าที่มาร่วมกันรับใช้ชาติในเพลานี้
                                        ++++++++++++++++++
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่