เครียดกับชีวิต.. (ผิดไหมที่เลือกแบบนี้..)

หนูรู้สึกเครียดมากค่ะ แล้วก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาชีวิต ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างไรดี ทางเลือก ทางออก สิ่งที่จะเกิด อนาคตที่กำหนดไม่ได้ ไม่รู้ว่าทางออกที่เลือกหาจะดีไม่มียังไง "ปวดหัว" กับสิ่งที่พอเจอมาตลอดชีวิตมากค่ะ....

ค่อนข้างจะยาวนะค่ะ หนูจะพยายามเล่าอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มต้น ทุกๆ อย่างค่ะ

เริ่มตั้งแต่สมัยเด็กๆ หนูโตในครอบครัวที่พอกับแม่อย่าร้างกัน แม่ไปมีครอบครัวใหม่ พ่อของหนู ติดคุก ในคดียาเสพติด ส่วนตัวหนูตอนนั้น
ก็ได้ "ยาย" เป็นคนเลี้ยงดู พอโตมาถึงวันเรียนก็ไปเรียนที่โรงเรียนประจำ จนจบ ม.ต้น

พ.ศ.2549 แล้วเลือกเรียน สายอาชีวะ ของวิทยาลัยเทคนิคใน จ.แพร่ พอเปิดเทอม ตอนปวช.1 ก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง ชื่อ "นิล" เราสองคนสนิทสนมกับดี และเร็วมากกก จนเพื่อนๆ ในชั้นคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกันมาก่อน แล้วย้ายมาเรียนที่เดียวกัน (ก่อนมาเรียน เทคนิค หนูมีคนที่คบอยู่ก่อนแล้วค่ะ) นิลค่อยดูแลหนู เทกแคร์ทุกอย่าง โทรคุยเพื่อน เพื่อนที่ดี คอยให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษา ช่วยเรื่องตังค์เวลาหนูไม่พอใช้ หนูก็รู้ว่านิลชอบหนู และหนูก็ชอบนิลอยู่ไม่น้อย แต่ติดที่หนูมีคนที่คบอยู่แล้ว นิลเขาถึงเลือกที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของหนู อีกอย่างเพราะจริงๆ หนูก็ให้เขาได้แค่เท่านั้นจริงๆ..

ผ่านไป.. หนูเลิกกันกับคนแรก แต่นิลเพิ่งได้คบกับผู้หญิงอีกคนนึง แล้วหนูก็มีโอกาสได้รู้จักกับผู้ชายอีกคนแล้วก็คบกัน ต่างคนก็ต่างมีคนที่กำลังเริ่มคบหา ซึ่งระหว่างนั้นนิลก็ยังคงปฎิบัติในฐานะเพื่อนที่ดี เหมือนเดิม ทุกๆอย่าง แสนดีกับหนูตลอด จนนิลเลิกกันกับคนที่คบอยู่ นานพอที่หนูก็เลิกกันกับคนที่กำลังคบเช่นกัน แต่นิลก็ยังไม่พูดความในใจกับหนู จนหนูมีคนที่เข้ามาคบหาอีกคนนึง ซึ่งนิลเองก็รู้ และก็ยังคงคอยดูแล และปฎิบัติในฐานะเพื่อนที่แสนดีกับหนูตลอดมา ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จะทุกข์ จะสุข จะเสียใจร้องไห้ จะพอเจอปัญหา หนูก็ได้นิลคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา จนหนูเลิกกับคนที่คบอยู่ นิลถึงยอมพูดความในใจกับหนูแล้วเราก็คบกัน (แต่ลึกๆหนูไม่อยากเป็นแฟน เพราะหนูกลัวว่าถ้าเลิกกันเหมือนคนที่เคยคบ หนูจะเสียเพื่อนที่ดีอย่างนิลไป แต่เพราะรักษาน้ำใจถึงตอบรีบไป แต่ยังคงปฎิบัติในฐานะเพื่อนเหมือนเคย ไม่มีอะไรเกินเลย) นิลสอนให้หนู อยู่คนเดียว ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง แนะนำให้หนูหางานพิเศษทำ คอยรับ-ส่งตลอดปิดเทอม โดนเขาก็เช่าหอพักอยู่ โดยบอกหนูว่าติดเรียนซัมเมอร์ นิลเป็นผู้ชายที่แสนดีตลอดเวลาค่ะ เรื่องเหมือนจะออกมาดูดี แต่นิลเริ่มดูออก เริ่มคิดว่าทำไมคบกันเป็นแฟน แต่ทุกๆอย่างที่หนูทำไม่ใช่แบบแฟน แล้วมีข้อเปรียบเทียบว่าทำไม ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักถึงให้และทำกับพวกเขาแบบแฟน แต่สำหรับเค้า ทำได้แค่เพื่อนเท่านั้นเอง เรื่องนี้ทำให้เราทะเลาะกันบ่อยมาก จนวันนึงพอเรียนจบ นิลก็หายไปจากชีวิตหนู สร้างคำถาม ข้อข้องใจ ติดค้างอยู่ในใจมากมาย แล้วเราก็ไม่ได้เจอกัยอีกเลย ติดต่อไม่ได้ เหมือนหนีหายไปเฉยๆ ติดต่อไม่ได้เลย หนูเสียนิลไป เพราะความกลัวและคิดไปเองของหนู

พ.ศ. 2551 พอหนูเรียนจบ ปวช. เลยตัดสินใจมา่ช่วย "น้าผู้ชาย" ญาติแท้ๆ ทำงาน เปิดร้านขายของ ที่จ.สิงห์บุรี วางแผนว่าจะหาเงินส่งตัวเองเรียน โดนไม่ให้เดือดร้อนยาย เพราะฐานะทางบ้านหนู ก็ไม่ได้ร่ำรวยเท่าไหร่ น้าให้หนูไปช่วยงานร้านอาหารของเพื่อนน้า แล้วหนูก็ได้รู้จักสนิทสนมกับ "อัด" ลูกเจ้าของร้าน แต่ก็ไม่ได้คบกัน ยังอยู่ในฐานะ นายจ้างกับลูกน้อง.. แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นคือ น้าสะใภ้ ไม่ชอบหนูอย่างมากๆ พยายามพูดจาว่าร้าย นินทาลับหลัง ว่าหนูเสียๆหายๆ ทั้งที่หนูก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดี ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่อะไรเลย จนถึงที่สุด หนูจึงพูดกับน้าผู้ชายและน้าสะใภ้ ว่าหนูจะย้ายออก ไปอยู่คนเดียว จะไม่อยู่เป็นภาระของน้าๆแล้ว และน้าผู้ชายก็พูดว่า "อยากไปก็ไป" ซึ่งเป็นคำพูดจากปากน้าผู้ชายเอง ตอนนั้นหนูไม่มีที่พึ่งอื่นแล้วนอกจากอัด หนูจึงขอให้อัดหาห้องพักให้หนู แล้วก็หนูแยกมาอยู่คนเดียว แต่ก็ยังคงไปทำงานที่ร้านของ "อัด" เหมือนเดิม

เมื่อเรื่องหนูออกมาอยู่คนเดียว เข้าหูญาติพี่น้องที่ จ.แพร่ ฝ่ายน้าผู้ชาย คงกลัวว่าจะโดนด่า ว่าทำไมไม่ดูแลหลานดีๆ ปล่อยให้ไปอยู่คนเดียวได้อย่างไร ประกอบกับถ้าจะบอกว่า "น้าสะใภ้ไม่ชอบหนู" ก็จะเป็นการไม่ดีต่อเมีย จึงสร้างเรื่องบอกกับพวกญาติว่า "หนูหนีตามผู้ชายไปเอง"ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงเลย เดือดร้อนถึงตัวของอัด ที่กลายเป็นคนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่น้าผู้ชายสร้างขึ้น ทางญาติที่ จ.แพร่ จึงโบ้ยให้อัด มาพูดคุยว่าจะเอายังไง จะรับผิดชอบยังไง ซึ่งอัดเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยแต่แรก ทั้งยังเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเท่านั้น แต่ก็โชคดี ที่แม่ของอัด รักและเอ็นดูหนูเป็นทุนอยู่แล้ว พวกเขาจึงเดินทางไป จ.แพร่ เพื่อพูดคุยว่าจะเอาหนูมาอยู่ด้วย แต่เรื่องหมั้น เรื่องแต่ง จะมาคุยอีกครั้งนึง

ปีแรก ระหว่างที่หนูอยู่กับครอบครัว "อัด" หนูสมัครเรียน ม.ราม อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ก็เริ่มสังเกตุว่าอัดกับแม่(มีสองคนแม่ลูก) ไม่เคยเข้าหาญาติคนไหน ค่อนข้างเห็นแก่ตัวด้วยซ้ำ ตัวอัดก็ไม่มีคนเป็นผู้นำพอ ชีวิตถูกจัดแจงทุกอย่างโดยแม่ บางครั้งหนูพยายามจะติดต่อกับญาติพี่น้องก็พูดห้ามและตำหนิติเตียน เหมือนพยายามให้หนูตัดขาดจากญาติพี่น้องของหนู อีกอย่างคือ หนูมาอยู่ในฐานะภรรยา แต่จ่ายเงินเดือนหนูเหมือนลูกจ้าง ทรัพย์สิน เงินทอง ของในบ้านทุกอย่าง ไม่มีสิทธิ์ และการตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับแม่ ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับแม่ทุกอย่าง และแม่เค้าจะสั่งเสมอว่า ห้ามมีลูก ห้ามท้อง ถึงขั้น ซื้อยาคุมให้หนูกิน ซื้อถุงยางอนามัยให้ลูกชาย และความคิดที่จะออกจากบ้านนั้นก็เริ่มมีในใจ แต่ด้วยหนี้บุญคุณ ที่ช่วยเหลือ และที่เสียสละ ยอมช่วยหนู กู้ชื่อเสียงหนู ตอนที่น้าผู้ชายสร้างเรื่องขึ้นมานั้นหนูจึงตัดสินใจยังไม่ไปไหน

ปีที่2 ญาติที่ จ.แพร่ เริ่มถามหาการหมั้น การแต่ง ว่าเมื่อไหร่จะมา แต่อัดกับแม่ก็ยังไม่ไป แล้วเรื่องบั่นทอนจิตใจหนูก็เกิดขึ้นอีกคือ อัดจะห้ามหนูทุกอย่าง ห้ามไปไหน ห้ามทำอะไร เหมือนบงการชีวิตอยู่ทุกอย่างบวกกับความคิดจะแยกตัวออกไปยังมีในหัว แต่หนูก็ยอม อยู่ต่อเพราะ "หนี้บุญคุณ"  และช่วงนึงหนูป่วยหนัก จนเกิดภาวะมีลูกยาก และไปหาหมอ ตรวจโรค ตรวจเลือด พออัดรู้ว่าหนูปลอดโรค ปลอดเอดส์ อัดถึงยอมมีอะไีรกับหนู แบบไม่ป้องกัน หนูเคืองมากค่ะ เพราะไม่คิดว่าอัดมีใจ จะรังเกียจ หนูขนาดนี้เลย

ปีที่3 ร้านอาหารของครอบครัวอัด เริ่มประสบปัญหาขาดทุน แม่อัดเองก็ป่วย หนูจึงต้องกลายเป็นคนดูแลทุกอย่างในร้าน เป็นคนคิด ตัดสินใจ ซื้อของ จับจ่าย ลงทุน เดินเรื่อง กู้เงิน เลือกคนงาน แต่ซึ่งอัดเอง ได้แต่เออ ออ ตามหนู โดยไม่คิด หรือพยายามทำอะไรช่วยเลย และยังคงให้เงินเดือนหนูในฐานะลูกจ้างเช่นเดิม ซึ่งหนูก็กลายเป็นกำลังหลักของครอบครัวอัดไปตั้งแต่นั้น ตลอดเวลา ญาติพี่น้อง ที่ จ.แพร่ ก็ทวงเรื่องไปขอ ไปหมั้น ไปแต่ง แต่ก็ถูกผลัดไปเหมือนเคย หนูจึงเริ่มคิดว่า ถ้าหนูทำให้ร้านอาหารของครอบครัวอัด มีสถาวะทางการเงินดีขึ้น ไม่ขาดทุน หนูจะถือว่าหมดหนี้บุณคุณ และขอแยกตัวออกไป น่าจะดีกว่า

ปีที่4 ร้านอาหารของอัดเริ่มเป็นไปในด้านที่ดี ครั้งหนึ่งอัด ยืมเงินเก็บทั้งชีวิตของหนูทั้งหมดไปเพิ่มทุน และร้านก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ แม่อัดก็หายป่วย และให้ความไว้ใจในตัวหนู ในการดูแลร้านทุกอย่าง รับผิดชอบการเงินทุกอย่าง ซึ่งอัดเอง ก็มีใจอิจฉา ถึงขั้นมีคำพูดขึ้นว่า "ทำไมถึงไว้ใจคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง.." จุดนี้ทำให้หนูน้อยใจมากขึ้น ว่าอยู่กันมา 4 ปั ยังเป็นคนอื่นในสายตาอัดและแม่ และยังคงให้
เงินเดือนในฐานะลูกจ้างเหมือนเดิม ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สิน สร้อยคอ ทอง ของขวัญ ไม่เคยได้รับ เจ็บเป็นป่วยไข้หนูเดินทางไปหาหมอเอง นอนโรงบาลคนเดียวก็มี พอทวงถามเรื่องไปหมั้น ไปแต่ง ก็ถูกผลัดอีกเช่นเดิม จนญาิติพี่น้องที่ จ.แพร่ หมดใจสั่งให้เลิกกับอัด และกลับมาอยู่บ้าน เวลาถูกถามจากชาวบ้าน(บ้านนอก) ว่าไหนหลานเขย ไหนสามีหลาน ไหนทำไมไม่มีงานแต่ง ยายและญาติๆจะตอบไปว่า ไม่มี เลิกแล้ว เพราะญาติๆหมดใจ ที่จะรอแล้ว. แต่ด้วยหนี้บุญคุณ ร้านยังไม่ดีเท่าที่หนูตั้งใจ หนูยังคงอยู่ต่อ และหายโอกาสเหมาะๆ พูดว่าจะแยกตัวออกไปในซักวัน

ปัจจุบัน ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา หนูยังคงคิดถึง "นิล" ไม่เคยลืม อยากเจอ อยากคุย อยากรู้ว่าเป็นยังไง ชีวิตสุขสบายไหม ซึ่งหนู
พยายามตามหาจากเพื่อนๆ ขอเบอร์ จนหนูได้รู้ว่า นิล ไปเป็นทหารอยู่ภาคใต้ เราำได้คุยกัน หนูรู้สึกสบายใจ และหนูก็เริ่มหวนหา เริ่มเสียดายวันเวลาเก่าๆ ว่าทำไม คนดีๆอย่าง นิล หนูถึงไม่เลือก

ตัดกลับมาเรื่อง "ร้านอาหารของอัด" ตอนหลังแม่อัดตัดสินใจ ซื้อที่ดินในราคาหลักล้าน เพื่อเปิดร้านใหม่ ซึ่งมันบ่งบอกว่าสิ่งที่หนูทำมัน "เป็นผล" ครอบครัวของอัดฐานะทางการเงินดีขึ้นมากและกำลังจะลงทุมเปิดร้านใหม่ หนูจึงตัดสินใจ บอกครอบครัวอัดว่าไปอยู่ กทม. ไปติวหนังสือ เรียนพิเศษ เพราะสอบ ม.ราม ไม่ค่อยผ่าน และแล้วหนูก็ออกมา หนูได้เจอแม่แท้ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบกว่าปี แต่สิ่งที่หนูดีใจที่สุดคือหนูได้เจอ "นิล" นิลปลดทหารแล้ว มาทำงานอยู่ กทม. เป็นหนุ่มออฟฟิด นิลไม่มีใคร ไม่มีแฟน ไม่มีคนที่คบ เราจึงมีโอกาสได้คุยกัน เจอกันมาขึ้น ได้ช่วยเหลือกัน ได้แชร์ความคิด ปรึกษากัน ให้กำลังใจกัน ในตอนนี้หนูไม่มีงานประจำทำ เพราะหนูต้องติวหนังสือ เงินเก็บที่พอมีก็เริ่มหมด ซึ่งตอนนี้นิลก็ออกทุน  ให้หนูทำธุรกิจเล็กๆ ขายของ เราได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น และย้ายมาอยู่หอเดียวกัน (คนละห้อง) ความรู้สึกเก่าๆมันย้อนเข้ามา หนูรู้เพิ่งรู้ตัวว่าที่จริง หนูรักนิลมาก นิลเองก็รักและรอหนูมาตลอด นิลเองก็พยายามตามหาหนู ขอเบอร์ติดต่อจากญาติๆ ตลอดมา แต่ไม่มีใครให้ จนได้มาพบกัน นิลยังคงแสนดีเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ปัญหาเริ่มเกิด หนูยังไม่ได้ตัดขาดกับอัดจริงๆจังๆ เพราะเงินที่อัดยืมไปหมุนครั้งนั้นหนูยังไม่ได้คืน สำหรับหนูเงินจำนวนนั้นถือว่ามากมายเพราะเก็บมาทั้งชีวิต นิลเองก็รู้ ก็เข้าใจดีเรื่องอัด และยอมรับได้ ส่วนอัดพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะให้หนูกลับไปอยู่กับเขาให้ได้ พยายามโทรหาหนู แม่หนู ยายหนู ญาติ เพื่อนฝูง บอกว่าจะไปขอไปหมั้น ให้เร็วที่สุด จัดแจงวิธีการต่างๆ เตรียมการหมั้น การแต่ง แบบว่าจะมัดมือชก  แต่หนูตัดใจไม่อยากกลับไปแล้ว เพราะหนูทำทุกอย่าง เพื่อต้องการแยกออกมานานแล้ว หนูไม่เสียดายความสุข ความสบายบนกองเงินกองทองของอัด เพราะใจหนูอยู่กับนิล ผู้ชายที่แสนดี ที่ยอมรับในทุกๆสิ่งที่เกิดกับชีวิตหนู ไม่เคยรังเกียจหนู และรอหนูมาตลอดเวลา ครั้งนี้หนูจะไม่มีวันเสียนิลไปอีกแล้ว หนูจึงคุยกับญาติๆ ที่ปฏิเสธอัด โดนยกเรื่อง หมดใจไม่ยอมมาขอ มาหมั้น มาแต่ง ผลัดมาหลายปี ถ้าเกิดอัดโทรไปคุย ให้พูดไปว่า ให้หนูตัดสินใจคนเดียว หนูจำเป็นต้องซื้อเวลา เพราะแม่อัดสัญญาว่าจะคืนเงินที่ยืมให้ในเดือนนี้ ถ้าได้คืนหนูจะตัดตัดขาด แล้วไปเริ่มชีวิตใหม่กลับนิล ซึ่งญาติๆ ก็เห็นดีเห็นงาม

มาถึงตอนนี้ นิลรู้เรื่องอัดกำลังตามตัวหนู วันนี้อัดมาหาหนูที่ห้อง แบบสายฟ้าแลป พอดีมีน้องชายคนละแม่ที่เป็นเกย์มาอยู่ห้องกับหนู เลยได้คนเป็นไม้กันหมา พรุ่งนี้หนูจะหาข้ออ้างไปอยู่ที่อื่นซักพัก

คำถาม

#### หนูผิดไหม ที่หนูทำแบบนี้ การกระทำของหนู เลวร้ายไหมค่ะ

#### การกระทำของ "อัด" ที่อยู่กันมา 4 ปี ไม่ ไปหมั้น ไปแต่ง เพราะเหตุผลอะไร?

#### แถม ถ้าครอบครัวอัดไม่คืนเงินหนู ขอวิธีที่ละม่อม ที่สุด ที่จะเอาเงินคืนได้บ้าง ควรคุยแบบไหน  หนูเสียดายนะค่ะ เงินเก็บทั้งชีวิตของหนูเลย แล้วตอนนี้หนูก็ไม้มีรายได้อะไร เงินเก็บก็จะหมด ทำงานประจำไม่ได้เพราะติดติว ติดเรียน ขอคำแนะนำจากพี่ๆ หน่อยนะค่ะ

สุดท้าย ขอบคุณที่อ่านเรื่องยาวๆ ของชีวิตหนูนะค่ะ

****เพิ่มเติ่ม แก้คำผิด

ขอโทษที่โพสต์ผิดห้องนะค่ะ  มือใหม่หัดโพสต์ค่ะ T^T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่