จขกท ทำงานเซลล์นะคะ เริ่มมีเบื่องานเพราะงานมีปัญหา (ฝ่ายผลิต) ไม่สามารถขายสินค้าได้มาระยะหนึ่งแล้ว กลับมาเริ่มทำ R&D ใหม่ พอดีมีบริษัทรีครูทติดต่อมาว่ามี บ.หนึ่ง งานใกล้กัน แต่ตำแหน่งสูงขึ้นเป็น ผจก.สนใจไหม
ก็เลยไปลองสัมภาษณ์ ตอนนี้ผ่าน 2 รอบไปแล้ว เค้าตอบกลับมาว่าสนใจรับเราเข้าทำงาน
แต่ตอนที่สัมภาษณ์รอบ 2 กับผู้บริหาร พบว่างานหนักมาก จ-ศ 8.30 น. - 21.00 น. บวกเสาร์อาทิตย์ ยังมีการต้องเข้ามาทำงานเพิ่ม เนื่องจากงานขยายตัว เราควรต้องมาด้วยเพื่อให้ผู้ที่ทำด้านปฏิบัติการมีขวัญ กำลังใจ จนกว่าจะเซ็ทระบบได้ ซึ่งอาจจะประมาณ 3 เดือนที่ต้องเป็นแบบนี้ ฟังแล้วอึ้งเลย ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้
เลยคิดว่าจะไม่ไปดีไหม เพราะกลายว่าเดินทางไกลขึ้น ค่าใช้จ่ายทุกอย่างแพงขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แน่นอน และเค้าบอกว่าสามทุ่มก็ไม่แน่ว่าจะเสร็จ อยู่ที่จขกท จะจัดระบบ วางงานให้แต่ละคนได้เร็วแค่ไหนด้วย แต่อบรมระบบเรา เค้าว่าเรามีเวลา 4 วันที่จะเรียนทั้งหมด
รายได้เฉลี่ยต่อวันลดลงจาก 20 วัน ได้ วันละ 2000 ในงานปัจจุบัน ที่เข้างานเลิกงานตรงเวลา
กลายเป็น เงินเดือนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ประมาณ 5000 แต่เวลางานคือ 7 วัน x 13 ชม ในงานใหม่ (เพิ่มขึ้น 20 ชม ต่อสัปดาห์)
พอแจ้งเจ้านายปัจจุบันไป เจ้านายปัจจุบันบอกว่าไม่ต้องไป ได้ไหม
ถ้าอยู่ด้วยกัน จากนี้ไป 1 ปี แบบสู้ด้วยกัน (แก้ปัญหางานผลิตกันก่อน) ครบ 1 ปี เค้าจะเพิ่มให้เรา 1 เท่า ตอนนี้รับ 35K + 5000 commission ก็คงรับเหลือ 35 K ไปก่อนจนกว่าจะกลับมาขายได้สินค้าได้อีกครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี เค้าว่า เดือนกันยายนปีหน้า เราจะได้ 70000 เลย
อยากถามเพื่อน ๆ ว่าถ้าเป็นเพื่อน ๆ จะทำยังไงคะ
เราจะยอมเสียเงิน 45000 บาทกับงานใหม่ มารับ 35000 (5000 บางเดือนที่พอขายได้) แล้วรอครบ 1 ปี เพื่อให้ได้ 70000 ในปีหน้า ในทำนองอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีไหม มันดูยังอีกไกลไหมคะ เพราะเจ้านายไม่ได้ทำสัญญาอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร เราก็กลัวยาว ๆ 1 ปีเลยว่าจะให้จริงไหม
หรือจะ เดินหน้าไปที่ใหม่เลย ทั้ง ๆ ที่งานหนัก แต่มันจะเป็นก้าวที่ดีสำหรับเราที่จะเติบโตต่อไป โดยได้ทำงานท้าทาย (แต่เหนื่อย เงินไม่คุ้ม แล้วคิดหางานใหม่หลังจากมีประสบการณ์บริหารทีม 4-5 คนจากงานใหม่ก่อน)
แต่การเติบโตที่บริษัทใหม่ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นจริงจัง อาจจะหลังจากทำ บ.ใหม่สักระยะแล้วออก เพราะทางผู้บริหารบริษัทใหม่ไม่มีการให้โอกาสเติบโตเพิ่มเติมแก่เราจาก ตน. CS MNG ไปเป็นอะไรเพิ่มเติมได้ นอกจากจะไปเป็นเซลล์และกินคอมเอา ซึ่งเท่ากับเราต้องเรียนรู้งานใหม่ ไม่สามารถต่อยอดได้
ข้อมูลที่ฟังทะ
เพิ่มเติม
- บริษัทใหม่ ไม่มีโบนัสให้เราปีนี้แน่ บริษัทปัจจุบันน่าจะมี 1 เดือน ซึ่งอีกไม่นานก็ปีใหม่แล้ว
- บริษัทใหม่บอกว่าขึ้นเงินเดือนก็อาจจะไม่มีเหมือนกัน เพราะขยายกิจการ มีการลงทุนเพิ่ม (งงมาก งานขยายจากการเจริญเติบโตดี งายเยอะ ไม่ให้ค่าเหนื่อยบ้างเลย)
- บริษัทปัจจุบันเป็นธุรกิจครอบครัว เจ้านายดีมาก ค่อนข้างเอาใจ และง้อลูกน้อง แต่พอมีปัญหามาสักระยะแบบนี้เราก็กังวลว่าจะเคว้งเหมือนกัน (อายุ 33 ปี โสด เหมือนเราจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลบุพการีค่ะ ไม่อยากจะอยู่จนวินาทีสุดท้ายที่รายได้จะตกเหลือ 0)
- แต่เจ้านายบอกไม่กลัวเจ๊ง เค้ามีทุนและดูแลเราได้ - ประมาณเราเป็นมือขวาเค้า ถ้ายังไงเค้าก็มีงาน มีธุรกิจใหม่ให้เราดู - แต่เราก็ไม่ได้จะมั่นใจมากมายอ่ะค่ะ คือกลัวความไม่แน่นอนสุด ๆเลยตอนนี้
- บริษัทใหม่เจ้านายดูใจดี แต่ดูไม่ง้อเนื่องจากบอกเราตรง ๆ ทั้งเรื่องงานหนัก 13 ชม / วัน , ทำงาน 7 วัน/สัปดาห์, ไม่มีโบนัส, ไม่มีการก้าวหน้า , เราต้องยอมรับว่าทำงานหนักแลกกับพวกสวัสดิการพวกประกันสุขภาพกลุ่ม ที่บริษัทปัจจุบันไม่มี (แต่เราก็มีประกันสุขภาพของตัวเองแล้วนะคะ)
เล่ามาซะยาว ใครมีความคิดเห็นในทางบวกยังไง ช่วยแนะนำกันมาหน่อยนะคะ
ขอบุณล่วงหน้าค่ะ
เวลาสมัครงานแล้วต่อรองเงินเดือนที่ใหม่ เพื่อเอามาต่อที่เก่า (ขอเพิ่ม) มันจะน่าเกลียดไหมคะ
ก็เลยไปลองสัมภาษณ์ ตอนนี้ผ่าน 2 รอบไปแล้ว เค้าตอบกลับมาว่าสนใจรับเราเข้าทำงาน
แต่ตอนที่สัมภาษณ์รอบ 2 กับผู้บริหาร พบว่างานหนักมาก จ-ศ 8.30 น. - 21.00 น. บวกเสาร์อาทิตย์ ยังมีการต้องเข้ามาทำงานเพิ่ม เนื่องจากงานขยายตัว เราควรต้องมาด้วยเพื่อให้ผู้ที่ทำด้านปฏิบัติการมีขวัญ กำลังใจ จนกว่าจะเซ็ทระบบได้ ซึ่งอาจจะประมาณ 3 เดือนที่ต้องเป็นแบบนี้ ฟังแล้วอึ้งเลย ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้
เลยคิดว่าจะไม่ไปดีไหม เพราะกลายว่าเดินทางไกลขึ้น ค่าใช้จ่ายทุกอย่างแพงขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แน่นอน และเค้าบอกว่าสามทุ่มก็ไม่แน่ว่าจะเสร็จ อยู่ที่จขกท จะจัดระบบ วางงานให้แต่ละคนได้เร็วแค่ไหนด้วย แต่อบรมระบบเรา เค้าว่าเรามีเวลา 4 วันที่จะเรียนทั้งหมด
รายได้เฉลี่ยต่อวันลดลงจาก 20 วัน ได้ วันละ 2000 ในงานปัจจุบัน ที่เข้างานเลิกงานตรงเวลา
กลายเป็น เงินเดือนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ประมาณ 5000 แต่เวลางานคือ 7 วัน x 13 ชม ในงานใหม่ (เพิ่มขึ้น 20 ชม ต่อสัปดาห์)
พอแจ้งเจ้านายปัจจุบันไป เจ้านายปัจจุบันบอกว่าไม่ต้องไป ได้ไหม
ถ้าอยู่ด้วยกัน จากนี้ไป 1 ปี แบบสู้ด้วยกัน (แก้ปัญหางานผลิตกันก่อน) ครบ 1 ปี เค้าจะเพิ่มให้เรา 1 เท่า ตอนนี้รับ 35K + 5000 commission ก็คงรับเหลือ 35 K ไปก่อนจนกว่าจะกลับมาขายได้สินค้าได้อีกครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี เค้าว่า เดือนกันยายนปีหน้า เราจะได้ 70000 เลย
อยากถามเพื่อน ๆ ว่าถ้าเป็นเพื่อน ๆ จะทำยังไงคะ
เราจะยอมเสียเงิน 45000 บาทกับงานใหม่ มารับ 35000 (5000 บางเดือนที่พอขายได้) แล้วรอครบ 1 ปี เพื่อให้ได้ 70000 ในปีหน้า ในทำนองอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีไหม มันดูยังอีกไกลไหมคะ เพราะเจ้านายไม่ได้ทำสัญญาอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร เราก็กลัวยาว ๆ 1 ปีเลยว่าจะให้จริงไหม
หรือจะ เดินหน้าไปที่ใหม่เลย ทั้ง ๆ ที่งานหนัก แต่มันจะเป็นก้าวที่ดีสำหรับเราที่จะเติบโตต่อไป โดยได้ทำงานท้าทาย (แต่เหนื่อย เงินไม่คุ้ม แล้วคิดหางานใหม่หลังจากมีประสบการณ์บริหารทีม 4-5 คนจากงานใหม่ก่อน)
แต่การเติบโตที่บริษัทใหม่ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นจริงจัง อาจจะหลังจากทำ บ.ใหม่สักระยะแล้วออก เพราะทางผู้บริหารบริษัทใหม่ไม่มีการให้โอกาสเติบโตเพิ่มเติมแก่เราจาก ตน. CS MNG ไปเป็นอะไรเพิ่มเติมได้ นอกจากจะไปเป็นเซลล์และกินคอมเอา ซึ่งเท่ากับเราต้องเรียนรู้งานใหม่ ไม่สามารถต่อยอดได้
ข้อมูลที่ฟังทะ
- บริษัทใหม่ ไม่มีโบนัสให้เราปีนี้แน่ บริษัทปัจจุบันน่าจะมี 1 เดือน ซึ่งอีกไม่นานก็ปีใหม่แล้ว
- บริษัทใหม่บอกว่าขึ้นเงินเดือนก็อาจจะไม่มีเหมือนกัน เพราะขยายกิจการ มีการลงทุนเพิ่ม (งงมาก งานขยายจากการเจริญเติบโตดี งายเยอะ ไม่ให้ค่าเหนื่อยบ้างเลย)
- บริษัทปัจจุบันเป็นธุรกิจครอบครัว เจ้านายดีมาก ค่อนข้างเอาใจ และง้อลูกน้อง แต่พอมีปัญหามาสักระยะแบบนี้เราก็กังวลว่าจะเคว้งเหมือนกัน (อายุ 33 ปี โสด เหมือนเราจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลบุพการีค่ะ ไม่อยากจะอยู่จนวินาทีสุดท้ายที่รายได้จะตกเหลือ 0)
- แต่เจ้านายบอกไม่กลัวเจ๊ง เค้ามีทุนและดูแลเราได้ - ประมาณเราเป็นมือขวาเค้า ถ้ายังไงเค้าก็มีงาน มีธุรกิจใหม่ให้เราดู - แต่เราก็ไม่ได้จะมั่นใจมากมายอ่ะค่ะ คือกลัวความไม่แน่นอนสุด ๆเลยตอนนี้
- บริษัทใหม่เจ้านายดูใจดี แต่ดูไม่ง้อเนื่องจากบอกเราตรง ๆ ทั้งเรื่องงานหนัก 13 ชม / วัน , ทำงาน 7 วัน/สัปดาห์, ไม่มีโบนัส, ไม่มีการก้าวหน้า , เราต้องยอมรับว่าทำงานหนักแลกกับพวกสวัสดิการพวกประกันสุขภาพกลุ่ม ที่บริษัทปัจจุบันไม่มี (แต่เราก็มีประกันสุขภาพของตัวเองแล้วนะคะ)
เล่ามาซะยาว ใครมีความคิดเห็นในทางบวกยังไง ช่วยแนะนำกันมาหน่อยนะคะ
ขอบุณล่วงหน้าค่ะ