ถามเพื่อเป็นความรู้ครับไม่ได้กวน ศาสนาอิสลามมีพวกเพศที่๓ หรือโสเภณีมั๊ยครับ

ผมเองเห็นว่าศาสนาอิสลามนั้นมีหลักการแนวคิดที่เข้ากับความต้องการของคนทางโลกได้ดี       จึงอยากจะทราบว่าในประเทศที่เป็นอิสลามนั้นมีโสเภณี   หรือ   พวกเพศที่๓   มั๊ยครับเช่นพวก   กระเทย   เกย์   ตุ๊ด   ทอม  ดี้   อะไรทำนองนี้อ่ะครับ    เพราะผมเองก็ไม่เคยเห็นว่าพื้นที่ใดในโลกใบนี้ปราศจาก   โสเภณีเลยนะครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
หลายคนคงทราบดีอยู่ แล้วว่าศาสนาอิสลามถือว่าพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นบาป และเนื่องจากกฎหมายของประเทศมุสลิมมีพื้นฐานมาจากกฎหมายศาสนา ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากฎหมายประเทศมุสลิมมักจะมีบทลงโทษสำหรับกลุ่มคนรักเพศ เดียวกัน ในเมื่อมีกฎหมายควบคุมแล้ว ถามว่ายังีพฤติกรรมดังกล่าวอยู่อีกหรือ คำตอบคือมีครับ พฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีมานานนม มีในทุกสังคม มีในทุกชนชั้น ดังนั้นเราจะมาดูว่ากฎหมายในแต่ละประเทศเขาว่าอย่างไร และในความเป็นจริงของสังคมมันเป็นอย่างไร



เซเนกัล (Senegal)

ว่ากันตามกฎหมาย: ติดคุก ๑ – ๕ ปี ปรับเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ – ๑.๕ ล้านฟรังค์ โทษขั้นสูงสุดจะถูกนำมาใช้ถ้าคู่ขาคนใดคนหนึ่งอายุต่ำกว่า ๒๑

ว่ากันตามความเป็นจริง: การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมหย่อนยานกว่าประเทศมุสลิมอื่น (การค้าประเวณีถูกกฎหมาย และเครื่องแต่งกายพื้นเมืองก็เผยเนื้อหนังมังสามากกว่า) ประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้ กลุ่ม GLBT*เคยร่วมกันตั้งองค์กรผู้รักเพศเดียวกันขึ้นมา แต่ต่อมาก็ถูกรัฐบาลปิดไป

*GLBT = Gay, Lesbian, Bisexual, and Transgender




ตูนีเซีย (Tunisia)

ว่ากันตามกฎหมาย: พฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีโทษจำคุกสามปี

ว่ากันตามความเป็นจริง: แม้จะถูกตำรวจและทางราชการตามรังควาญอยู่บ้าง แต่ก็มีชายขายเซ็กส์ (Male Sex Worker) อยู่ตามถนนในเมืองตูนิส ซึ่งเป็นเมืองหลวง มีตัวละครที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน*ปรากฏตัวในภาพยนตร์ภายในประเทศ เช่น เรื่อง Satin Rouge ในปี ๒๐๐๒ จนกลายเป็นหัวข้อถกเถียงไปทั่วประเทศ สามารถพบเจอเกย์ชาวฝรั่งเศสอยู่ทั่วไปในเมืองตูนิส และตามชายหาด

*ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ครับ เลยไม่รู้ว่าตัวละครในเรื่องเป็นGLBT อย่างไหน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า gay character ผมจึงแปลกลาง ๆ ว่า “ตัวละครที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน”




โมรอกโค (Morocco)

ว่ากันตามกฎหมาย: มีโทษจำคุกถึงสามปี และเสียค่าปรับ โทษฐาน “กระทำการลามกกับเพศเดียวกันและมีพฤติกรรมผิดธรรมชาติ”

ว่ากันตามความเป็นจริง: การดำเนินการต่อต้านเกย์เพิ่มมากขึ้นในช่วนสองสามปีที่ผ่านมา แต่ในเมืองใหญ่อย่าง Marrakech Tangier และ Essaouirah กลับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมในหมู่เกย์ (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส) และมีโสเภณีชายอยู่ทั่วไป มีรายงานว่ากษัตริย์องค์ปัจจุบัน โมฮัมเม็ดที่ ๖ (Mohammed VI) ถูกพบในบาร์เกย์ของสไตล์ยุโรปหลายแห่งก่อนได้รับราชสมบัติ

จตุรัสในเมืองมาราเคช...สวยดี




จอร์แดน (Jordan)

ว่ากันตามกฎหมาย: ไม่มีข้อห้ามพฤติกรรมรักเพศเดียวกันตามกฎหมาย แต่คนที่เป็น GLBT จะถูกลี้ภัย*ไปยังประเทศอื่น

ว่ากันตามความเป็นจริง: ใน บรรดาประเทศมุสลิม จอร์แดนถือว่าเป็นประเทศที่ใจกว้างกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกันมากที่สุด ประเทศหนึ่ง คาเฟ่และที่สถานที่ชุมนุมของชาวเกย์มีอยู่ทั่วไปในกรุงอัมมาน (Amman) ซึ่งเป็นเมืองหลวง


อียิปต์ (Egypt)

ว่ากันตามกฎหมาย: ในทางเทคนิครักเพศเดียวกันไม่ผิดกฎหมาย แต่กลับถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุดในข้อหาลุ่มหลงในโลกียวิสัย ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Hosni Mubarak รัฐบาลก็เริ่มดำเนินการต่อต้านเกย์ การจับกุมครั้งใหญ่เรียกว่า “Cairo 52”* เกิดขึ้นบนเรือจัดงานเลี้ยงสำหรับเกย์ที่จอดอยู่ริมแม่น้ำไนล์ ในปี ๒๐๐๑ เป็นตัวอย่างที่โด่งดังที่สุด ๒๓ คนจาก ๕๒ คนที่ถูกจับกุม ติดคุกตั้งแต่หนึ่งถึงห้าปี บางส่วนที่หลบหนีไปได้ก็ถูกเนรเทศออกจากประเทศไปเลย ในปี ๒๐๐๔ เด็กหนุ่มวัย ๑๗ ปี ถูกพิพากษาให้จำคุก ๑๗ ปีในหลายข้อหาที่พัวพันกับการลงประวัติของตนในเว็บไซต์หาคู่สำหรับเกย์

ว่ากันตามความเป็นจริง: อียิปต์เป็นศูนย์กลางแห่งสื่อในโลกมุสลิม ดังนั้นตัวละครเกย์จึงหาทางปรากฏตัวในนิยาย หรือแผ่นฟิล์มในประเทศได้ไม่ยาก อย่างน้อยก็ภายในสังคมกรุงไคโร การออกล่าหนุ่ม ๆ มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในเขตที่นักท่องเที่ยวเยอะ และสถานที่ชุมชุมชาวเกย์ในเขตเมืองหลวงก็ยังมีอยู่

*คดี Cairo 52 หาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในวิกิพีเดียนะครับ มีรายละเอียดต่างกันเยอะเลย http://en.wikipedia.org/wiki/Cairo_52




ซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabia)

ว่ากันตามกฎหมาย: ชารีอะฮฺ หรือกฎหมายอิสลาม เป็นกฎหมายประจำชาติ พฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีบทลงโทษถึงตาย (โดยการปาหินใส่ แต่ก็มีบางรายงานกล่าวถึงการตัดหัวด้วย) เฆี่ยน ๑๐๐ ที* หรือจำคุก

ว่ากันตามความเป็นจริง: แม้ว่าจะเป็นประเทศหัวอนุรักษ์นิยมที่สุดในโลกมุสลิม แต่การแบ่งแยกเพศชาย-หญิงอย่างเข้มงวด** และจำนวนผู้อพยพออกนอกประเทศจำนวนมากที่เป็นชายโสด แสดงให้เห็นถึงการจำยอมต่อพฤติกรรมรักเพศเดียวกันได้ในหลายระดับ การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันอย่างเงียบ ๆ และงานเลี้ยงแบบเถิดเทิงสุดเหวี่ยงไม่ใช่เรื่องผิดปกติในกรุงริยาด (Riyadh) และเมืองอื่น ๆ

*ล่าสุดเมื่อตุลาคม ๒๐๐๗ เด็กหนุ่มสองคนถูกเฆี่ยน ๗,๐๐๐ ครั้งลองค้นคำว่า “7000 lashes” ดูถ้าอยากอ่านรายละเอียด

**การ แบ่งแยกชาย-หญิงอย่างเข้มงวดทำให้เกิดพฤติกรรมรักเพศเดียวกันได้ เนื่องจากเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ ชายหนุ่มยอมต้องหาที่ระบายอารมณ์ทางเพศ แต่การแยกชายหญิงทำให้ไม่สามารถเข้าถึงตัวผู้หญิงได้นอกจากจะแต่งงานเป็น เรื่องเป็นราวไป ชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์จึงต้องหันมา “เล่นเพื่อน” หรือบางทีก็โดน “เพื่อนเล่น” หรือบางกรณีอาจจะเป็นชายหนุ่มอยากจะ “เล่นเพื่อน” ก็เลยต้องให้ “เพื่อนเล่น” เสียก่อนเป็นการแลกเปลี่ยนกัน คำอธิบายนี้คล้ายกับคำอธิบายเรื่องรักเพศเดียวกันในสมัยกรีก(ที่ดูมาจากสารคดี) ชายกรีกมีค่านิยมแต่งงานกับสาวพรหมจรรย์ แต่สาว ๆ กรีกจะรักษาพรหมจรรย์ไว้จนถึงวันแต่งฯ ได้ก็ต่อเมื่อ หนุ่มกรีกหันไป “เล่นเพื่อน” ไปพลาง ๆ ก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่