ทำไมเจียงไคเช็คถึงอยากปราบพวกคอมมิวนิสต์มากกว่าจะสู้กับญี่ปุ่นละครับ

กระทู้คำถาม
ขนาดญี่ปุ่นเริ่มกินแดนของจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1931 ก็ยังไม่ทำอะไร มีลูกน้องแกอยากจะสู้กับญี่ปุ่นก็กำจัดทิ้งซะ หากไม่โดนบังคับก็คงยังจะสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ไม่เลิก ผมว่านี่เป็นจุดสำคัญอีกส่วนนึงที่ทำให้นายพลเจียงไม่ได้รับความนิยมจากคนจีน จนทำให้แพ้ต่อเหมาเลยนะ เลยอยากทราบว่าเพราะเหตุใดครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
1. เจียงเป็นทั้งนักปกครองและนักการเมืองครับ หรือพูดง่ายๆว่าเขาเป็นขุนศึกนั่นแล เขามองในเรื่องผลประโยชน์ เรื่องได้เรื่องเสีย มาเป็นอันดับหนึ่ง

ในช่วงปี 1931-1936 เจียงไม่รบกับญี่ปุ่นไม่ใช่ว่าเพราะไม่อยากรบ แต่เขาและก๊กมินตั๋งไม่พร้อมจะรบครับ โอกาสชนะญี่ปุ่นมีน้อยมาก ในขณะที่ก๊กมินตั๋งเองยังไม่ได้แข็งแกร่งและไม่ได้มีอำนาจปกครองทั่วประเทศจีนอย่างจริงจัง การไปรบกับญี่ปุ่นในปี 1932-33 เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ที่เจียงคำนวนแล้วว่าทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ซ้ำร้ายยังจะถูกญี่ปุ่นบีบให้ลงนามในสนธิสัญญาเสียเปรียบเพิ่มเติมอีก

เจียงจึงเลือกจะใช้วิธีทางการทูตเพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ผ่านสันนิบาติชาติ ซึ่งญี่ปุ่นก็ตอบโต้โดยการถอนตัวจากสันนิบาติชาติครับ

2. พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นศัตรูทางการเมืองของเจียงอยู่แล้วครับ เจียงมองว่าพรรคคอมมิวนิสต์เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเขา และเป็นอุปสรรคหลักด้านความมั่นคงทางอำนาจบนแผ่นดินใหญ่ของเจียง การขจัดพรรคคอมมิวนิสต์ก็เป็นการบอกเหล่านายทุนเจ้าที่ดินทั่วประเทศว่า เจียงสนับสนุนและยืนอยู่ข้างพวกเขา

3. ตอนนั้นต้องยอมรับว่า เจียงไล่ปราบพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาตั้งแต่ปี 1927 แล้ว และทำมาต่อเนื่องกว่า 6 ปีจนถึงปี 1932 ที่เกือบจะชนะอยู่แล้ว อยู่ๆจะให้เลิกง่ายๆเป็นไปไม่ได้แน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่