โลกจะเป็นอย่างไร ถ้าจีนเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1937

จริงๆแล้วในปี 1937 จีนเกือบจะเซ็นสัญญาเข้าร่วมเป็นฝ่ายอักษะกับ เยอรมัน-ญี่ปุ่น-อิตาลี 

สาเหตุคือในช่วงปี 1936 พรรคก๊กมินตั๋งมีความเห็นว่ารัฐบาลจีนไม่มีทางสู้กับศัตรูสองด้านคือ ญี่ปุ่นกับพรรคคอมมิวนิสต์พร้อมๆกันได้ จำเป็นต้องประณีประนอมกับฝ่ายหนึ่ง เพื่อที่จะได้เหลือศัตรูเพียงหนึ่งเดียว กลุ่มพลเรือนเสรีนิยมหัวก้าวหน้าในพรรคมีความเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นเพียงบาดแผลภายนอก จีนสามารถรอมชอมกับญี่ปุ่นได้ ถ้าญี่ปุ่นยอมตกลงจะหยุดการขยายอำนาจอยู่แค่นอกกำแพงใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นอดีตเมืองขึ้นของจีน ไม่ใช่ดินแดนของจีนโดยตรง ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์นั้นเป็นมะเร็งที่อยู่ข้างในที่จะลุกลามกัดกินร่างกายทั้งหมด ดังนั้นคอมมิวนิสต์จึงเป็นอันตรายที่ร้ายแรงกว่าญี่ปุ่น

พรรคก๊กมินตั๋งมีความเห็นชอบที่จะยุติความขัดแย้งกับญี่ปุ่น และฝ่ายการเมืองของทั้งสองประเทศก็เริ่มเจรจากันในรายละเอียดต่างๆ แนวทางข้อตกลงคร่าวๆคือจีนจะยอมรับให้ญี่ปุ่นได้ปกครองแมนจูเรีย ดินแดนส่วนหนึ่งของมองโกเลียในที่ตอนนั้นกำลังต้องการจะประกาศอิสรภาพ จะถูกตั้งให้เป็นรัฐกันชน โดยญี่ปุ่นกับจีนจะช่วยกันหนุนหลังรัฐบาลมองโกเลียใน เพื่อกันคอมมิวนิสต์จากรัสเซียให้อยู่ห่างออกไป ทางญี่ปุ่นจะยอมเลิกสัญญาต่างๆที่เอาเปรียบจีน ยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตทั้งหมด รวมทั้งถอนทหารญี่ปุ่นออกจากชานตุง เหอเป่ย และเซียงไฮ้ ออกไปนอกกำแพงใหญ่ นอกจากนี้ทางญี่ปุ่นยังได้ยื่นข้อเสนอที่จะให้จีนเข้าร่วมกับกลุ่มอักษะ ซึ่งประกอบด้วย เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น  ซึ่งตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อล้อมกรอบคอมมิวนิสต์รัสเซีย 

การดำเนินการทางการเมืองระหว่างประเทศทั้งสองกำลังจะนำไปสู่ความตกลงยุติความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในปี 1937 แต่ได้เกิดอุบัติการณ์ซีอาน ( Xian Incident) ขึ้นเสียก่อนในเดือนธันวาคม 1936 ซึ่งทำให้ทิศทางของประวัติศาสตร์โลกเปลี่ยนไปในอีกทิศทางหนึ่ง อุบัติการณ์ซีอานมีรายละเอียดยืดยาว แต่ผมขอเล่าเพียงคร่าวๆ เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักของกระทู้ 

ความพลิกผันนั้นเกิดจากการกระทำของ จางซูเหลียง บุตรของ จางโซหลิน อดีตผู้ปกครองเผด็จการแห่งแมนจูเรีย ช่วงที่จีนยังอยู่ในช่วงสงครามกลางเมืองแมนจูเรียเคยประกาศอิสระภาพแยกตัวจากจีนในปี 1922 และจางโซหลินก็ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองประเทศโดยมีญี่ปุ่นให้การสนับสนุน แต่ต่อมาจางได้เกิดขัดแย้งรุนแรงกับกลุ่มธุรกิจในประเทศ และรัฐบาลของจางทำท่าจะไปไม่รอด จางโซหลินจึงติดต่อกับเจียงไคเช็คว่าจะเอาแมนจูเรียกลับไปรวมกับจีน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ชาวแมนจูเรียสมัยนั้นรับไม่ได้ จางโซหลินก็เลยถูกลอบสังหารในปี 1928 แต่ทว่าจางซูเหลียงสามารถขึ้นครองอำนาจต่อจากบิดาได้ และเริ่มนโยบายต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ทหารญี่ปุ่นบุกยึดแมนจูเรียในปี 1931 จางซูเหลียงจึงหนีมาสวามิภักดิ์กับเจียงไคเช็ค 

จางซูเหลียงมีความแค้นกับญี่ปุ่นแบบอยู่ร่วมกันไม่ได้ เขารู้สึกยอมรับไม่ได้เมื่อทราบว่าจีนกำลังจะจับมือกับญี่ปุ่น เขาจึงหันไปติดต่อกับโจวเอินไหลแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ และวางแผนลักพาตัวเจียงไคเช็คมาที่ซีอานเพื่อบังคับให้เจรจากับพรรคคอมมิวนิสต์ ผลคือเจียงยอมตกลงสงบศึกกับพรรคคอมมิวนิสต์ และจะร่วมมือกันต่อต้านญี่ปุ่น ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ของทั้งโลก เพราะแทนที่ปี 1937 จีนกับญี่ปุ่นจะมีการทำสัญญาสันติภาพ กลับทำให้เกิดสงครามขึ้นแทน

ประเด็นที่ผมรู้สึกค้างคาใจคือ ถ้าไม่เกิดอุบัติการณ์ซีอาน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอาจจะกลับมาแน่นแฟ้นเหมือนในสมัยของซุนยัดเซ็น ซึ่งทั้งสองชาติเคยตกลงจะร่วมมือกันต่อต้านจักรวรรดิ์นิยมตะวันตก จีนอาจเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ.. สงครามจีนญี่ปุ่นก็คงจะไม่เกิดขึ้น.. แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับโลก..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่