จุดเริ่มต้นสงคราม จีน-ญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 2 เหตุการณ์มุกเดน

ต่อจากกระทู้
https://pantip.com/topic/43735833

หลังจากที่จางจั้วหลินเสียชีวิตในเดือนมิถุนายน 1928 กองทัพเฟิงเทียนก็ตกลงเลือกจางสวีเหลียงให้ขึ้นมาเป็นผู้นำต่อจากบิดา ด้วยการผลักดันของกลุ่มนายทหารที่มีแนวคิดชาตินิยมจีน หลังจากขึ้นมามีอำนาจ จางสวีเหลียงก็มีปัญหากับกลุ่มนายทหารอาวุโสในกองทัพเฟิงเทียนอื่นๆที่ไม่เต็มใจยอมรับเขา เขาต้องใช้เวลาหลายเดือนในการกระชับอำนาจและเผชิญกับการกบฏในกองทัพหลายครั้ง
 
จางสวีเหลียงต้องใช้เวลาจนถึงเดือนพฤศจิกายนจึงจะสามารถครองอำนาจได้อย่างมั่นคง เขาจึงเริ่มติดต่อเจรจากับรัฐบาลหนานจิง พอถึงเดือนธันวาคม 1928 จางสวีเหลียงก็ประกาศว่าจะนำแมนจูเรียไปรวมกับจีนท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนจำนวนมาก จางสวีเหลียงแก้ปัญหาโดยวางแผนสังหารหยางยู่ถิงและนายทหารที่คัดค้านเขาในเดือนมกราคม 1929 แต่ถึงกระนั้นการรวมดินแดนแมนจูเรียกับจีนไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้น เพราะในเดือนกุมภาพันธ์ 1929 ในภาคกลางของประเทศจีนได้เกิดมหาสงครามจงหยวนขึ้นเสียก่อน ทำให้เจียงไคเช็กต้องวุ่นวายกับการทำสงครามกลางเมืองในภาคกลางต่อไปอีกหลายปี
 
มหาสงครามจงหยวน สงครามที่ถูกลบออกจากประวัติศาสตร์จีน
https://pantip.com/topic/42927288
 
แม้ว่าเศรษฐกิจภายในแมนจูเรียจะยังไม่ฟื้นตัว แต่จางสวีเหลียงก็ไม่ได้หยุดการทำสงคราม เขาขัดแย้งกับรัสเซียเรื่องสัญญาสัมปทานรถไฟสายทรานสแมนจูเรียที่พ่อของเขาร่วมทุนกับรัสเซีย เมื่อเกิดขัดแย้งรัสเซียได้ส่งคนมาฟ้องรัฐบาลกลางของจีนที่หนานจิง ผลคือเจียงไคเช็กบอกว่าให้ผ่อนปรนให้กับรัสเซีย แต่จางสวีเหลียงกลับใช้อำนาจบาตรใหญ่เข้ายึดกิจการรถไฟทำให้เกิดสงครามกับรัสเซียในปี 1929 แต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และต้องเสียดินแดนบางส่วนของมองโกเลียในให้กับรัสเซีย
 
สงครามกับรัสเซียนี้เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้กองทัพญี่ปุ่นเกิดความคิดว่าควรจะเข้ายึดครองแมนจูเรีย เพราะเห็นว่ารัสเซียได้ฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งแรกและการปฏิวัติบอลเชวิกแล้ว กองทัพญี่ปุ่นเชื่อว่ารัสเซียยังคงสนใจแมนจูเรียอยู่ และอาจจะหาเหตุก่อสงครามและยึดแมนจูเรียไปจากจีน ดังนั้นญี่ปุ่นควรจะหาทางยึดแมนจูเรียให้ได้ก่อนที่รัสเซียจะแผ่อิทธิพลกลับเข้ามา
 
แม้จะพ่ายแพ้ในสงครามกับรัสเซีย แต่จางสวีเหลียงก็นำกองทัพเฟิงเทียนเข้าร่วมมหาสงครามจงหยวนในปี 1930 โดยเข้าข้างรัฐบาลหนานจิงนำกำลังเข้าตีตลบหลังเพื่อยึดดินแดนของขุนศึกทางเหนือ และประสบความสำเร็จ  ทำให้ดินแดนของเฟิงเทียนขยายกลับเข้าไปในกำแพงใหญ่อีกครั้ง หลังสงครามยุติเจียงไคเช็กยินยอมให้จางสวีเหลียงปกครองดินแดนที่เฟิงเทียนยึดได้ในระหว่างสงครามต่อไป แต่จางสวีเหลียงไม่ไว้ใจเจียงไคเช็ก จึงยังคงกำลังสองแสนห้าหมื่นคนไว้ในดินแดนที่ยึดได้ ทำให้กองทัพเฟิงเทียนเหลือกำลังอยู่ในแมนจูเรียประมาณหนึ่งแสนคน
 
ประเทศจีนในตอนสิ้นปี 1930 จะเห็นว่าแผนดินจีนยังคงแตกแยก ดินแดนของเฟิงเทียน(สีเขียวขี้ม้า)ได้ขยายกลับเข้าไปใต้กำแพงใหญ่อีกครั้ง ส่วนในภาคกลาง ดินแดนที่อยู่ในความปกครองของเจียงไคเช็กโดยตรงคือพื้นที่สีเขียว ส่วนสีเขียวที่มีแรเงาคือขุนศึกรองที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของเจียงไคเช็ก และจะเห็นเขตปลดปล่อยคอมมิวนิสต์(สีแดง)กระจายอยู่หลายจุด ส่วนกวางสี-กวางตุ้งได้(สีน้ำตาล)คือขุนศึกทางใต้ที่ต่อต้านรัฐบาลหนานจิง ส่วนดินแดนนอกนั้นเป็นขุนศึกชายขอบที่ยอมรับรัฐบาลหนานจิง แต่ไม่ได้อยู่ใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของรัฐบาลกลาง

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่