ดีเบต รมว.คมนาคม ชัชชาติ กับผมเมื่อคืนนี้ทาง กรุงเทพธุรกิจทีวี Korn Chatikavanij

Korn Chatikavanij
คลิปดีเบต รมว.คมนาคม ชัชชาติ กับผมเมื่อคืนนี้ทาง กรุงเทพธุรกิจทีวี
http://www.youtube.com/watch?v=tKufaHVx-zc

"รองกิตติรัตน์เองก็ยอมรับว่า ใช้เงินในระบบงบประมาณได้"
รมว.คมนาคม ชัชชาติ กล่าวในรายการ แต่ขอเลือกเดินทางที่กู้ด้วยพรบ.พิเศษ นอกระบบงบประมาณ 2 ล้านล้าน

ผมในฐานะอดีตรมว.คลัง ย้ำในรายการ "หากไม่มีกฎหมายกู้นอกระบบแบบนี้ การลงทุนไม่สะดุด" ขอให้คุณชัชชาติ มั่นใจว่า ยังไงก็แล้วแต่ กระทรวงการคลังหาเงินมาใช้คุณชัชชาติใช้ได้ และจะดีกว่าด้วยซ้ำหากเป็นเงินในระบบ วาทกรรมทางการเมืองที่ว่า "ใครค้าน เป็นตัวถ่วงความเจริญ" ถือว่าตกไป

และมีอีกหลายประเด็นสำคัญครับ ทั้งเรื่องการร่วมตรวจสอบจากภาคเอกชน ภาคเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นที่ รมว.ชัชชาติ อ้างถึงตั้งแต่ วาระ 1 แต่พอในชั้นกรรมาธิการก็ปฏิเสธเขาในการเข้าร่วมตรวจสอบ และเป็นที่ปรึกษาในกรรมาธิการ

ประเด็นคอร์รัปชั่น รมว.ชัชชาติ บอกถึงจะเป็นเงินในระบบงบประมาณ ก็ทุจริตได้ ให้แก้ที่ต้นเหตุจะดีกว่า ผมก็ย้ำว่า แต่ถ้าใช้เงินนอกระบบ จะยิ่งขยายโอกาสให้ทุจริตได้มากขึ้นไปอีกมาก และคนที่รอคอยการทุจริตนี้ก็จะใช้คุณชัชชาติที่มีภาพลักษณ์ใสสะอาดเป็นเครื่องมือหากินของพวกเขา

ประเด็นเส้นทาง รถไฟความเร็วสูงที่ริเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตอนนั้น เราให้ความสำคัญกับภาคอีสานเป็นอันดับหนึ่ง เพราะจะเป็นการขยายโอกาสเส้นทางการค้าไปจีน โดยเชื่อมที่หนองคาย และยาวลงใต้ไปปาดังเบซาร์ เชื่อมมาเลเซีย สิงคโปร์ แต่รัฐบาลเพื่อไทย เอามาทำใหม่ เงินใน 2 ล้านล้านที่ก่อสร้างจริงๆ แล้วเหลือแค่ โคราช-หัวหิน ไม่เชื่อมเพื่อนบ้าน แต่จะสร้าง กทม.-เชียงใหม่ เป็นเส้นทางแรกแทน

นอกจากนี้ รถไฟความเร็วสูงสายเชียงใหม่ หน่วยงานคมนาคมเองที่ให้ข้อมูลในกรรมาธิการบอกว่า สายเชียงใหม่ 3 แสนล้าน พอสร้างเสร็จแล้ว นอกจากเงินกู้ 2 ล้านล้าน ภาระดอกเบี้ย 3 ล้านล้าน ยังต้องมีเงินชดเชยขาดทุนสายเชียงใหม่สายเดียว ปีละ 2 หมื่นล้านโดยต้องจ่ายจากภาษีประชาชนเพิ่มอีก

แผน ไทยเข้มแข็ง 2020 ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า ที่ปี 2020 แผนลงทุนจากนี้ไป 7 ปีเท่ากัน เราเอาแผนทั้งหมดที่คิดตั้งแต่สมัยเราซึ่งอยู่ในแผนรมว.ชัชชาติ ตอนนี้มาเรื่องหลักคือ รถไฟทางคู่ จากที่เอาแผนแม่บทเรา ทางคู่ 17 สาย เอามาแค่11 สาย ไทยเข้มแข็งเพิ่มกลับเป็น 17 สาย ส่วนรถไฟความเร็วสูงตัดลดงบ จาก 8 แสนล้านเหลือ 3 หมื่นล้าน เพราะที่เหลือไปศึกษามาให้เสร็จจริงๆ ก่อนแล้วค่อยมาเอาเงินไปสร้าง ไม่ควรขอวงเงินไปก่อนแต่ยังศึกษาไม่เสร็จเลย

สุดท้ายผมขอย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ เราสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาประเทศ ประเด็นคือหากเราเป็นประเทศร่ำรวยสร้างทั้งหมดได้เลยโดยไม่ต้องกู้ ก็ดีไป แต่นี่เป็นเงินกู้ เป็นภาระภาษีประชาชนทั้งหมด จึงต้องมีหลายมิติให้รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ และฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ รวมทั้งองค์กรอิสระที่จะตรวจสอบต่อไปจากการยื่นตีความของฝ่ายค้าน ก็จะได้ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์ตามการถ่วงดุลในอำนาจอธิปไตยของระบอบประชาธิปไตยครับ
คลิปดีเบต รมว.คมนาคม ชัชชาติ กับผมเมื่อคืนนี้ทาง กรุงเทพธุรกิจทีวี http://www.youtube.com/watch?v=tKufaHVx-zc "รองกิตติรัตน์เองก็ยอมรับว่า ใช้เงินในระบบงบประมาณได้" รมว.คมนาคม ชัชชาติ กล่าวในรายการ แต่ขอเลือกเดินทางที่กู้ด้วยพรบ.พิเศษ นอกระบบงบประมาณ 2 ล้านล้าน ผมในฐานะอดีตรมว.คลัง ย้ำในรายการ "หากไม่มีกฎหมายกู้นอกระบบแบบนี้ การลงทุนไม่สะดุด" ขอให้คุณชัชชาติ มั่นใจว่า ยังไงก็แล้วแต่ กระทรวงการคลังหาเงินมาใช้คุณชัชชาติใช้ได้ และจะดีกว่าด้วยซ้ำหากเป็นเงินในระบบ วาทกรรมทางการเมืองที่ว่า "ใครค้าน เป็นตัวถ่วงความเจริญ" ถือว่าตกไป และมีอีกหลายประเด็นสำคัญครับ ทั้งเรื่องการร่วมตรวจสอบจากภาคเอกชน ภาคเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นที่ รมว.ชัชชาติ อ้างถึงตั้งแต่ วาระ 1 แต่พอในชั้นกรรมาธิการก็ปฏิเสธเขาในการเข้าร่วมตรวจสอบ และเป็นที่ปรึกษาในกรรมาธิการ ประเด็นคอร์รัปชั่น รมว.ชัชชาติ บอกถึงจะเป็นเงินในระบบงบประมาณ ก็ทุจริตได้ ให้แก้ที่ต้นเหตุจะดีกว่า ผมก็ย้ำว่า แต่ถ้าใช้เงินนอกระบบ จะยิ่งขยายโอกาสให้ทุจริตได้มากขึ้นไปอีกมาก และคนที่รอคอยการทุจริตนี้ก็จะใช้คุณชัชชาติที่มีภาพลักษณ์ใสสะอาดเป็นเครื่องมือหากินของพวกเขา ประเด็นเส้นทาง รถไฟความเร็วสูงที่ริเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตอนนั้น เราให้ความสำคัญกับภาคอีสานเป็นอันดับหนึ่ง เพราะจะเป็นการขยายโอกาสเส้นทางการค้าไปจีน โดยเชื่อมที่หนองคาย และยาวลงใต้ไปปาดังเบซาร์ เชื่อมมาเลเซีย สิงคโปร์ แต่รัฐบาลเพื่อไทย เอามาทำใหม่ เงินใน 2 ล้านล้านที่ก่อสร้างจริงๆ แล้วเหลือแค่ โคราช-หัวหิน ไม่เชื่อมเพื่อนบ้าน แต่จะสร้าง กทม.-เชียงใหม่ เป็นเส้นทางแรกแทน นอกจากนี้ รถไฟความเร็วสูงสายเชียงใหม่ หน่วยงานคมนาคมเองที่ให้ข้อมูลในกรรมาธิการบอกว่า สายเชียงใหม่ 3 แสนล้าน พอสร้างเสร็จแล้ว นอกจากเงินกู้ 2 ล้านล้าน ภาระดอกเบี้ย 3 ล้านล้าน ยังต้องมีเงินชดเชยขาดทุนสายเชียงใหม่สายเดียว ปีละ 2 หมื่นล้านโดยต้องจ่ายจากภาษีประชาชนเพิ่มอีก แผน ไทยเข้มแข็ง 2020 ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า ที่ปี 2020 แผนลงทุนจากนี้ไป 7 ปีเท่ากัน เราเอาแผนทั้งหมดที่คิดตั้งแต่สมัยเราซึ่งอยู่ในแผนรมว.ชัชชาติ ตอนนี้มาเรื่องหลักคือ รถไฟทางคู่ จากที่เอาแผนแม่บทเรา ทางคู่ 17 สาย เอามาแค่11 สาย ไทยเข้มแข็งเพิ่มกลับเป็น 17 สาย ส่วนรถไฟความเร็วสูงตัดลดงบ จาก 8 แสนล้านเหลือ 3 หมื่นล้าน เพราะที่เหลือไปศึกษามาให้เสร็จจริงๆ ก่อนแล้วค่อยมาเอาเงินไปสร้าง ไม่ควรขอวงเงินไปก่อนแต่ยังศึกษาไม่เสร็จเลย สุดท้ายผมขอย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ เราสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาประเทศ ประเด็นคือหากเราเป็นประเทศร่ำรวยสร้างทั้งหมดได้เลยโดยไม่ต้องกู้ ก็ดีไป แต่นี่เป็นเงินกู้ เป็นภาระภาษีประชาชนทั้งหมด จึงต้องมีหลายมิติให้รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ และฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ รวมทั้งองค์กรอิสระที่จะตรวจสอบต่อไปจากการยื่นตีความของฝ่ายค้าน ก็จะได้ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์ตามการถ่วงดุลในอำนาจอธิปไตยของระบอบประชาธิปไตยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่