คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 43
จะบอกไงดี... คือ...
เราว่าคุณเป็นคนดีนะคะ เท่าที่อ่าน คุณแสดงเจตนาต่อแฟนว่า "ผมเลี้ยงคุณได้ ผมดูแลคุณได้นะ"
แต่สิ่งที่คุณเจอมา และติดอยู่ในใจคุณตอนนี้คือ " แฟนเลี้ยงเราแค่นี้ไม่ได้เหรอ ? " ใช่มั้ยคะ
เราจะเล่าประสบการ์ณที่เราเจอมาให้ฟังนะคะ เผื่อคุณจะเข้าใจแฟนคุณมากขึ้น บางทีอาจจะเปลี่ยนมุมมองคุณได้บ้าง
เราเป็นคนไม่ได้ขี้เหร่อะไร ฐานะครอบครัวปานกลาง เรียนจบสายวิทย์สุขภาพ ตอนเรียนมหาลัยจนเรียบจบเข้าวัยทำงาน มีคนมาจีบเรา 5 คน
คนแรก.. ชวนเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่น กินเสร็จ ตอนคิดตังค์ เราต้องเป็นคนจ่าย.. ด้วยเหตุผลเอาตังค์มาไม่พอ สุดท้ายก้ต้องเลิกคุยเพราะเค้าแอบไปคบคนอื่น..
คนที่สอง.. มาสไตล์เดิม ชวนไปร้านอาหารญี่ปุ่น(อีกแล้ว) กินเสร็จ.. เรานึกในใจว่าเราต้องจ่ายอีกรึเปล่านะ.. คำตอบคือ ใช่ แต่ยังดีที่เค้าออกค่าตั๋วดูหนังให้ ถึงมูลค่าไม่เท่ากัน แต่ก็ยังดีที่แสดงน้ำใจให้เห็น แต่เจ้าชู้มาก เลยไม่คุยต่อ
คนที่สาม.. ชวนเราแว๊นไปกินไก่เปอร์ (ร้านอารมณ์ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง) เราก็ไม่ได้อะไรมาก กินได้หมด ขอแค่อาหารสะอาดก็พอ มื้อนั้นค่าอาหารชามละ 30 บาท เราก้ยังต้องจ่าย.. แต่ค่อนข้างเกเร(มาก) เลยเลิกคุย
คนที่สี่.. คนนี้เป็นรุ่นพี่ คณะเดียวกัน เค้าจบแล้วมีงานทำ เงินเดือนเดือนละ 60000 กว่า เราจำได้แม่น วันนั้น(เมื่อสองปีที่แล้ว)เป็นวันวาเลนไทน์ เค้าชวนเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารชื่อดัง เราไปกับพี่สาวอีกคน มื้อนั้นค่าอาหารสองพันกว่า ตอนคิดตังค์ เค้าหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา ทำท่าเหมือนจะจ่าย แต่สุดท้าย..พอเค้าเห็นพี่สาวเราหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา เค้าเก็บกระเป๋าค่ะ ! ใช่ค่ะ พี่สาวเราต้องเป็นคนจ่าย และวันนั้น เราไม่ได้แม้แต่ดอกไม้..สักดอกเดียว..... ทุกคนในครอบครัวลงความเห็นว่า เลิกคุยเถอะ..
คนที่ห้า... คนนี้เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ตกสเต็ปไปปีนึง มาทำนองเพื่อนเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ชวนเราไปกินข้าวที่นู่นที่นี่ แรกๆเราก็หารครึ่ง เป็นเพื่อนกัน ไม่เอาเปรียบกันอยู่แล้ว แต่หลังๆ เค้าส่อเจตนาจีบให้เรารู้ หลังจากนั้นทุกครั้งที่ไปกินข้าว(ส่วนมากพี่สาวเราจะไปด้วย) พี่สาวเราจะต้องเป็นคนจ่าย ไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟต์หัวละ 400 , ร้านอาหารญี่ปุ่น บลาๆๆ พี่สาวเราบอกว่า พี่เป้นผู้ใหญ่ ไปกินข้าวกับเด็กๆ ก็ต้องเลี้ยงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เราจะคืนตังค์ให้พี่สาวทุกครั้ง เพราะเราคิดว่าเงินที่เค้าหามาไม่ใช่เอาไว้เลี้ยงเรา เลี้ยงคนที่มาจีบเรา มันเป็นเงินที่เอาไว้ซื้อความสุขให้ตัวเค้าเอง... แต่ที่เราปรี๊ดที่สุด.. คือ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เค้าทักมาใน FB เราถามเค้าไปว่า ทำไรอยู่ กินข้าวรึยัง คุณรู้มั้ยว่าเค้าตอบว่าไง.. "ถ้าเราบอกว่ายังไม่กินข้าว เธอจะบินมาเลี้ยงข้าวเราถึงที่รึเปล่าล่ะ" (คือเราจบก่อน ย้ายกลับมาทำงานที่บ้าน ห่างจากกทม.700 กว่ากิโล) เราจุกค่ะ หลังจากวันนั้นก็ไม่คุย ไม่ตอบเฟสอีกเลย เราให้เวลาตัวเองในการทบทวนทุกอย่าง ทุกคนที่เราเคยเจอ...
ทุกคนที่เราเจอ ที่เคยคุยด้วย ไม่มีจับมือถือแขน ไม่มีเกินเลย เพราะครอบครัวหัวโบราณมาก และครึ่งหนึ่งที่เข้ามา หวังผลประโยชน์ พอเห็นท่าทางว่าไม่ได้จริงๆเค้าก็ไปเอง อีกครึ่งหนึ่ง เป็นพวกที่เราไม่รู้จะนิยามว่าอะไร เรารู้แค่ว่า.. เป็นผู้ชายที่ "ไม่แมน" เอาซะเลย บางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย เธอคิดมากไปรึเปล่า เรื่องแค่นี้เก็บมาใส่ใจทำไม แต่มันเป้นเรื่องใหญ่สำหรับเราค่ะ ! ผู้ชายที่จะมาเป็นแฟน มาดูแลเรา คนที่เราจะต้องฝากชีวิตไว้ เป็นแบบนี้... เราขอบายดีกว่าค่ะ คิดว่าถ้าไม่เจอคนที่โอเคจริงๆ เราขออยู่เป็นโสดเลยดีกว่า
พิมพ์มายาวมาก ต้องขออภัยจขกท.ด้วย เราแค่อยากบอกจขกท.ว่า แฟนคุณอยากได้อะไร ให้เค้าไปเถอะค่ะ ที่เค้าเก็บตังค์คุณ เราไม่รู้ว่าเค้าเคยเจอผู้ชายแบบเดียวกับที่เราเคยเจอรึเปล่า เค้าอาจจะฝังใจ หรือไม่ เค้าคงมีนิสัย รอบคอบในการใช้เงิน หรือเค้าอาจจะคิดว่า คุณรายได้เยอะกว่าเค้ามาก การที่เค้าจะขอเก็บคืนก็คงจะไม่ผิดอะไร คุณเองก้คงไม่เดือดร้อนกับเงินจำนวนนั้น
ถ้ารักกันจริงๆ คิดจะสร้างครอบครัวด้วยกัน ควรเปิดใจคุยกันดีที่สุดค่ะ สู้ๆนะคะ ^^
เราว่าคุณเป็นคนดีนะคะ เท่าที่อ่าน คุณแสดงเจตนาต่อแฟนว่า "ผมเลี้ยงคุณได้ ผมดูแลคุณได้นะ"
แต่สิ่งที่คุณเจอมา และติดอยู่ในใจคุณตอนนี้คือ " แฟนเลี้ยงเราแค่นี้ไม่ได้เหรอ ? " ใช่มั้ยคะ
เราจะเล่าประสบการ์ณที่เราเจอมาให้ฟังนะคะ เผื่อคุณจะเข้าใจแฟนคุณมากขึ้น บางทีอาจจะเปลี่ยนมุมมองคุณได้บ้าง
เราเป็นคนไม่ได้ขี้เหร่อะไร ฐานะครอบครัวปานกลาง เรียนจบสายวิทย์สุขภาพ ตอนเรียนมหาลัยจนเรียบจบเข้าวัยทำงาน มีคนมาจีบเรา 5 คน
คนแรก.. ชวนเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่น กินเสร็จ ตอนคิดตังค์ เราต้องเป็นคนจ่าย.. ด้วยเหตุผลเอาตังค์มาไม่พอ สุดท้ายก้ต้องเลิกคุยเพราะเค้าแอบไปคบคนอื่น..
คนที่สอง.. มาสไตล์เดิม ชวนไปร้านอาหารญี่ปุ่น(อีกแล้ว) กินเสร็จ.. เรานึกในใจว่าเราต้องจ่ายอีกรึเปล่านะ.. คำตอบคือ ใช่ แต่ยังดีที่เค้าออกค่าตั๋วดูหนังให้ ถึงมูลค่าไม่เท่ากัน แต่ก็ยังดีที่แสดงน้ำใจให้เห็น แต่เจ้าชู้มาก เลยไม่คุยต่อ
คนที่สาม.. ชวนเราแว๊นไปกินไก่เปอร์ (ร้านอารมณ์ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง) เราก็ไม่ได้อะไรมาก กินได้หมด ขอแค่อาหารสะอาดก็พอ มื้อนั้นค่าอาหารชามละ 30 บาท เราก้ยังต้องจ่าย.. แต่ค่อนข้างเกเร(มาก) เลยเลิกคุย
คนที่สี่.. คนนี้เป็นรุ่นพี่ คณะเดียวกัน เค้าจบแล้วมีงานทำ เงินเดือนเดือนละ 60000 กว่า เราจำได้แม่น วันนั้น(เมื่อสองปีที่แล้ว)เป็นวันวาเลนไทน์ เค้าชวนเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารชื่อดัง เราไปกับพี่สาวอีกคน มื้อนั้นค่าอาหารสองพันกว่า ตอนคิดตังค์ เค้าหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา ทำท่าเหมือนจะจ่าย แต่สุดท้าย..พอเค้าเห็นพี่สาวเราหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา เค้าเก็บกระเป๋าค่ะ ! ใช่ค่ะ พี่สาวเราต้องเป็นคนจ่าย และวันนั้น เราไม่ได้แม้แต่ดอกไม้..สักดอกเดียว..... ทุกคนในครอบครัวลงความเห็นว่า เลิกคุยเถอะ..
คนที่ห้า... คนนี้เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ตกสเต็ปไปปีนึง มาทำนองเพื่อนเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ชวนเราไปกินข้าวที่นู่นที่นี่ แรกๆเราก็หารครึ่ง เป็นเพื่อนกัน ไม่เอาเปรียบกันอยู่แล้ว แต่หลังๆ เค้าส่อเจตนาจีบให้เรารู้ หลังจากนั้นทุกครั้งที่ไปกินข้าว(ส่วนมากพี่สาวเราจะไปด้วย) พี่สาวเราจะต้องเป็นคนจ่าย ไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟต์หัวละ 400 , ร้านอาหารญี่ปุ่น บลาๆๆ พี่สาวเราบอกว่า พี่เป้นผู้ใหญ่ ไปกินข้าวกับเด็กๆ ก็ต้องเลี้ยงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เราจะคืนตังค์ให้พี่สาวทุกครั้ง เพราะเราคิดว่าเงินที่เค้าหามาไม่ใช่เอาไว้เลี้ยงเรา เลี้ยงคนที่มาจีบเรา มันเป็นเงินที่เอาไว้ซื้อความสุขให้ตัวเค้าเอง... แต่ที่เราปรี๊ดที่สุด.. คือ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เค้าทักมาใน FB เราถามเค้าไปว่า ทำไรอยู่ กินข้าวรึยัง คุณรู้มั้ยว่าเค้าตอบว่าไง.. "ถ้าเราบอกว่ายังไม่กินข้าว เธอจะบินมาเลี้ยงข้าวเราถึงที่รึเปล่าล่ะ" (คือเราจบก่อน ย้ายกลับมาทำงานที่บ้าน ห่างจากกทม.700 กว่ากิโล) เราจุกค่ะ หลังจากวันนั้นก็ไม่คุย ไม่ตอบเฟสอีกเลย เราให้เวลาตัวเองในการทบทวนทุกอย่าง ทุกคนที่เราเคยเจอ...
ทุกคนที่เราเจอ ที่เคยคุยด้วย ไม่มีจับมือถือแขน ไม่มีเกินเลย เพราะครอบครัวหัวโบราณมาก และครึ่งหนึ่งที่เข้ามา หวังผลประโยชน์ พอเห็นท่าทางว่าไม่ได้จริงๆเค้าก็ไปเอง อีกครึ่งหนึ่ง เป็นพวกที่เราไม่รู้จะนิยามว่าอะไร เรารู้แค่ว่า.. เป็นผู้ชายที่ "ไม่แมน" เอาซะเลย บางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย เธอคิดมากไปรึเปล่า เรื่องแค่นี้เก็บมาใส่ใจทำไม แต่มันเป้นเรื่องใหญ่สำหรับเราค่ะ ! ผู้ชายที่จะมาเป็นแฟน มาดูแลเรา คนที่เราจะต้องฝากชีวิตไว้ เป็นแบบนี้... เราขอบายดีกว่าค่ะ คิดว่าถ้าไม่เจอคนที่โอเคจริงๆ เราขออยู่เป็นโสดเลยดีกว่า
พิมพ์มายาวมาก ต้องขออภัยจขกท.ด้วย เราแค่อยากบอกจขกท.ว่า แฟนคุณอยากได้อะไร ให้เค้าไปเถอะค่ะ ที่เค้าเก็บตังค์คุณ เราไม่รู้ว่าเค้าเคยเจอผู้ชายแบบเดียวกับที่เราเคยเจอรึเปล่า เค้าอาจจะฝังใจ หรือไม่ เค้าคงมีนิสัย รอบคอบในการใช้เงิน หรือเค้าอาจจะคิดว่า คุณรายได้เยอะกว่าเค้ามาก การที่เค้าจะขอเก็บคืนก็คงจะไม่ผิดอะไร คุณเองก้คงไม่เดือดร้อนกับเงินจำนวนนั้น
ถ้ารักกันจริงๆ คิดจะสร้างครอบครัวด้วยกัน ควรเปิดใจคุยกันดีที่สุดค่ะ สู้ๆนะคะ ^^
แสดงความคิดเห็น
ปกติเค้าก็เป็นกันอย่างงี้หรือแฟนผมเกินไปหน่อย
.
ผมกับแฟนคบมาปีนิดๆ ตามปกติผมมีแฟนกินเที่ยวดูหนัง ฟังเพลงผมจ่ายให้ทั้งหมด กับแฟนคนนี้ก็เหมือนกัน
แม้แต่จะไปต่างจังหวัดหรือไปต่างประเทศ ผมก็จ่ายให้ แฟนผมมีออกบ้างผมก็คิดๆเออดีมีน้ำใจ
แต่พอออกเสร็จแล้ว อย่างรูดบัตรเครดิตตอนดูหนังไป สิ้นเดือนก็มาขอเก้บจากผมอยู่ดี คือให้ผมเลี้ยงไปเลยดีกว่านะครับ
ทำแบบนี้แล้วเสียความรู้สึก หลังๆผมรู้สึกว่าแฟนผมเก็บทุกเม็ดเรื่องใช้เงินจริงๆ
อย่างบัตรเครดิตเนี้ย ผมมีใช้ของผมอยู่ เมื่อซักมิถุนาก็บอกให้ผมใช้ของเค้าเพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องพ้งเรื่องพ้อยแลกอะไร
(ผมใช้บัตรเครดิตเดือนประมาณ 2-3 หมื่น ค่าน้ำมันค่ากินใช้) เค้าให้ใช้ของเค้าเพราะจะได้เก็บแต้ม ผมก็ไม่ซีเรียดอะไร
แต่พอมาคิดๆทีหลังรู้สึกแปลกๆ
แฟนผมอย่างอื่นก็ดีหมดนะครับ อย่างของใช้ของเค้า เค้าก็ออกเองไม่ได้ให้ผมซื้อไรให้ ผมมีซื้อให้ก็โอกาสพิเศษอย่างวันเกิด
อะไรพวกนี้ ไปเดินช็อปปิ้งอะไรผมจะออกค่าซื้อของให้เค้าก็ไม่เอา หรือมีเอาบ้างก็เล็กๆน้อยๆ
เรื่องเงินอย่าเงี้ยผมจะคุยกับแฟนยังไงได้ไม่ให้ทะเลาะกัน ขอบคุณครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม ผมอายุ 33 เป็นเจ้าของกิจการ แฟนผมทำงานที่บ้าน ผมหาเงินต่อเดือนน่าจะมากกว่าแฟนผมเกือบ 10 เท่า
แต่บ้านแฟนผมน่าจะมีเงินมากกว่าครอบครัวผม