จรรยาบรรของ ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย หรือ ของพนักงาน เคลมประกัน ?
ชอเรื่มเล่าอย่างที่ผมเข้าใจนะครับ สายๆของวันที่ 26 กันยายน 2556 ประมาณ 11 โมงเช้า ผมได้ขับรถเพื่อจะไปทำธุระใน เขตอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี พอถึงเขตอุตสาหกรรมผมก็กะว่าจะจอดรถเพื่อที่จะโทรติดต่อ กับผู้รับเหมาในส่วนของผม จึงได้ที่จอดรถแถว 7-11 ตรงข้ามบริษัท คอลเกต –ปาร์โมลีฟ หลังจากจอดรถคุยธุระเสร็จก็กะว่าจะไปยังจุดนัดพบต่อไป จึงทำการ สตาร์ทรถแล้วมองด้านหลัง แต่ยังมีรถอีกคันวิ่งผ่านไป จากซ้ายมือ –ไปทางด้านขวามือ คล้ายๆจะหาที่จอดรถเช่นกัน จังหวะนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรก็รอให้เขาผ่านไปก่อน หลังจากที่วิ่งผ่านไปได้สัก 1 ช่วงคันรถผมก็ทำการถอยออกเพื่อที่จะไปทำธุระต่อไป แต่ตอนถอยก็มีรถอีก 1 คนวิ่งเข้ามาเหมือนหาที่จอดด้วยผมจึงทำการหยุดรถเพื่อรอดูว่า รถอีกคันจะเอายังไง แต่ในจังหวะนั้นช่วงที่ผมถอยรถออกมาแล้วหยุดเพื่อรอดู รถคันแกรที่วิ่งผ่านไปก็ทำการถอยรถกลับมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะเบรคเอาซะเลย จังหวะนั้นก็ได้เพียงภาวะนาว่าอย่าชนนะ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ชนเข้าที่ด้านข้างรถผม เหนือไฟเบรคขึ้นมานิดนึง หลังจากที่ชนกัน ผมก็ได้ให้คู่กรณีโทรตามประกันของเขา เพราะผมเองประกันพึ่งขาดไป และคิดอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นฝ่ายประมาท หลังจากนั้นผมกับคู่กรณี ก็ได้รอประกัน กว่าจะมาได้ก็ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ และในจังหวะรอ คู่กรรีก็เหมือนจะยอมรับผิด เพราะเขาถอยมาโดยที่ไม่ได้ดูซ้ายมือเลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็แค่รอให้มาแล้วออกใบเครมให้ผม
แต่เหตุณ์เริ่มมาเปลี่ยนตอนที่เจ้าหน้าที่เคลมมา ประโยคแรกที่ถามคือรถพี่มีประกันหรือป่าว ผมก็บอกว่าพึ่งหมดไปครับ แล้วก็เอาเอกสารของผมไปถ่ายรูปแล้วหาที่เจรจากัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ถามอะไรมาก ถามแค่ว่า “ได้คุยกับคู่กรณียัง “ ผมก็บอกไปว่า “คุยไปแล้ว ก็เหมือนเขาจะยอมรับครับ” แต่เจ้าหน้าที่เคลมก็แง้มๆ ออกมาว่า “ในรูปแบบของประกันแล้ว ทางเราถือว่าประมาทร่วมนะครับ “ ในความรู้สึกของผมก็เริ่มไม่สนุกแล้วสิ มาบอกอย่างนี้ ผมก็เลยถามต่อไปว่าแล้วรูปการณ์แล้วค่าเสียหายใครจะเป็นคนรับ เพราะผมเองผมถือว่าผมไม่ผิด “เพราะผมถอยออกมาแล้ว หยุดสนิทแล้ว แต่คู่กรณี กลับถอยมาชนผมเอง ผมคงยอมรับไม่ได้” หลังจากที่ผมพูดเสร็จ เค้าก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็คงต้องให้ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสิน ผมก็ตอบไปว่าได้ครับ หลังจากนั้นก็ขับรถตามกันไป
พอไปถึง สน.ดอนหัวฬ่อ จังหวัดชลบุรี ก็ได้เข้าไปพบกับร้อยเวร ร้อยเวรถามว่าใครถอยมาชนใคร ผมก็เล่าไปตามเหตุการณ์ ตอนต้น คือ
- ผมถอยออกมาแล้วหยุดรอ เพื่อให้รถอีกฝั่งตัดสินใจว่าจะเข้ามาหรือไม่
- หลังจากนั้นคู่กรณีก็ถอยมาชน
หลังจากนั้นร้อยเวรก็ให้พาไปดูรถครับ เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก หลังจากที่ร้อยเวรดูรถและรอยเสร็จก็ทำการ วินิจฉัย มาดังต่อไปนี้
- รถถอยออกมาชนกันก็จริง ตามรูปการณ์แล้วจะเป็นประมาทร่วม
- แต่โดยธรรมชาติแล้ว เมื่ออีกคันวิ่งผ่านไป อีกคันก็ต้องถอยออกมาเพื่อที่จะออกจาก ที่จอดรถ ซึ่งคันที่ถอยกลับมาชนนั้นประมาทมากกว่ากว่า และคันที่โดนชนก็หยุดรถสนิทแล้ว ดังนั้นคันที่ถอยมาชนต้องเป็นประมาท และเสียเปรียบ
- แต่ที่ๆชนกัน เป็นที่ส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตัดสินให้ได้ จึงให้ไปตกลงกันเอง
พอผมได้ยินอย่างนี้แล้วผมก็เริ่มอุ่นใจ เพราะเป็นไปตามที่ผมคิดไว้ แต่ทางเจ้าหน้าที่เคลมก็ได้ทำการโทรไปที่ไหนสักแห่ง แต่คาดว่าน่าจะเป็นสำนักงานใหญ่ หรือศูนย์ที่ไหนสักแห่ง หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาบอกว่าทางสำนักงงานบอกว่าไม่สามารถยอมได้ ผมเองผมก็บอกว่าผมยอมไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ลงบันทึกไว้ว่า ได้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่ยอมความกัน
- พอลงบันทึกเสร็จเจ้าหน้าที่เคลมประกันก็ให้หมายเลข เคลมมาแล้วบอกว่า ให้ผมโทรเข้าไปติดต่อฝ่ายสินไหม แต่ต้องรอ 1 สัปดาห์ ด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัย ผมจึงโทรเข้าไปที่ บริษัทประกัน แล้วเล่าเหตุการณ์ อย่าที่ผมเล่าไป กับสำนักงานใหญ่ เขาก็ชี้แจงว่า เคสแบบนี้อย่างไรเราก็ถือว่า ประมาทร่วม ให้ซ่อมกันเอง.......
สรุป
1. ผมต้องซ่อมเอง ทั้งๆที่ไม่ผิด
2. แล้วพนักงงานเคลมที่ให้ผมไปรับฟังคำชี้แจงและคำตัดสินที่ สน.ทำไม ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าฝ่ายคุณประมาท แต่คุณกลับไม่ยอมรับ แล้วบอกแค่ว่าสำนักงานไม่สามารถรับเรื่องได้ ทั้งๆที่ก่อนไปคุณบอกว่าผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3. พนักงงานเคลมศรีธนญชัยเล่นแง่ให้ผมออกจาก สน.เพื่อเขาจะได้จบๆ งาน
จึงอยากสอบถามว่า
- ทุกบริษัทประกันมีนโยบายปัดความผิดให้ผู้ที่เสียหาย หรือเป็นจรรยาบรรณส่วนบุคคลของพนักงานเคลม ?
- ผมสามารถเรียกให้มาไกล่เกลี่ยใหม่ได้หรือไม่ แล้วให้เจ้าหน้าที่ตัดสินไปเลยว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด ตามที่ร้อยเวรได้ชี้แจง ?
ด้วยความนับถือที่อ่านจนจบ
เลขที่เคลม
2013/013159693
จรรยาบรรของ ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย หรือ ของพนักงาน เคลมประกัน ?
ชอเรื่มเล่าอย่างที่ผมเข้าใจนะครับ สายๆของวันที่ 26 กันยายน 2556 ประมาณ 11 โมงเช้า ผมได้ขับรถเพื่อจะไปทำธุระใน เขตอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี พอถึงเขตอุตสาหกรรมผมก็กะว่าจะจอดรถเพื่อที่จะโทรติดต่อ กับผู้รับเหมาในส่วนของผม จึงได้ที่จอดรถแถว 7-11 ตรงข้ามบริษัท คอลเกต –ปาร์โมลีฟ หลังจากจอดรถคุยธุระเสร็จก็กะว่าจะไปยังจุดนัดพบต่อไป จึงทำการ สตาร์ทรถแล้วมองด้านหลัง แต่ยังมีรถอีกคันวิ่งผ่านไป จากซ้ายมือ –ไปทางด้านขวามือ คล้ายๆจะหาที่จอดรถเช่นกัน จังหวะนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรก็รอให้เขาผ่านไปก่อน หลังจากที่วิ่งผ่านไปได้สัก 1 ช่วงคันรถผมก็ทำการถอยออกเพื่อที่จะไปทำธุระต่อไป แต่ตอนถอยก็มีรถอีก 1 คนวิ่งเข้ามาเหมือนหาที่จอดด้วยผมจึงทำการหยุดรถเพื่อรอดูว่า รถอีกคันจะเอายังไง แต่ในจังหวะนั้นช่วงที่ผมถอยรถออกมาแล้วหยุดเพื่อรอดู รถคันแกรที่วิ่งผ่านไปก็ทำการถอยรถกลับมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะเบรคเอาซะเลย จังหวะนั้นก็ได้เพียงภาวะนาว่าอย่าชนนะ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ชนเข้าที่ด้านข้างรถผม เหนือไฟเบรคขึ้นมานิดนึง หลังจากที่ชนกัน ผมก็ได้ให้คู่กรณีโทรตามประกันของเขา เพราะผมเองประกันพึ่งขาดไป และคิดอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นฝ่ายประมาท หลังจากนั้นผมกับคู่กรณี ก็ได้รอประกัน กว่าจะมาได้ก็ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ และในจังหวะรอ คู่กรรีก็เหมือนจะยอมรับผิด เพราะเขาถอยมาโดยที่ไม่ได้ดูซ้ายมือเลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็แค่รอให้มาแล้วออกใบเครมให้ผม
แต่เหตุณ์เริ่มมาเปลี่ยนตอนที่เจ้าหน้าที่เคลมมา ประโยคแรกที่ถามคือรถพี่มีประกันหรือป่าว ผมก็บอกว่าพึ่งหมดไปครับ แล้วก็เอาเอกสารของผมไปถ่ายรูปแล้วหาที่เจรจากัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ถามอะไรมาก ถามแค่ว่า “ได้คุยกับคู่กรณียัง “ ผมก็บอกไปว่า “คุยไปแล้ว ก็เหมือนเขาจะยอมรับครับ” แต่เจ้าหน้าที่เคลมก็แง้มๆ ออกมาว่า “ในรูปแบบของประกันแล้ว ทางเราถือว่าประมาทร่วมนะครับ “ ในความรู้สึกของผมก็เริ่มไม่สนุกแล้วสิ มาบอกอย่างนี้ ผมก็เลยถามต่อไปว่าแล้วรูปการณ์แล้วค่าเสียหายใครจะเป็นคนรับ เพราะผมเองผมถือว่าผมไม่ผิด “เพราะผมถอยออกมาแล้ว หยุดสนิทแล้ว แต่คู่กรณี กลับถอยมาชนผมเอง ผมคงยอมรับไม่ได้” หลังจากที่ผมพูดเสร็จ เค้าก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็คงต้องให้ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสิน ผมก็ตอบไปว่าได้ครับ หลังจากนั้นก็ขับรถตามกันไป
พอไปถึง สน.ดอนหัวฬ่อ จังหวัดชลบุรี ก็ได้เข้าไปพบกับร้อยเวร ร้อยเวรถามว่าใครถอยมาชนใคร ผมก็เล่าไปตามเหตุการณ์ ตอนต้น คือ
- ผมถอยออกมาแล้วหยุดรอ เพื่อให้รถอีกฝั่งตัดสินใจว่าจะเข้ามาหรือไม่
- หลังจากนั้นคู่กรณีก็ถอยมาชน
หลังจากนั้นร้อยเวรก็ให้พาไปดูรถครับ เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก หลังจากที่ร้อยเวรดูรถและรอยเสร็จก็ทำการ วินิจฉัย มาดังต่อไปนี้
- รถถอยออกมาชนกันก็จริง ตามรูปการณ์แล้วจะเป็นประมาทร่วม
- แต่โดยธรรมชาติแล้ว เมื่ออีกคันวิ่งผ่านไป อีกคันก็ต้องถอยออกมาเพื่อที่จะออกจาก ที่จอดรถ ซึ่งคันที่ถอยกลับมาชนนั้นประมาทมากกว่ากว่า และคันที่โดนชนก็หยุดรถสนิทแล้ว ดังนั้นคันที่ถอยมาชนต้องเป็นประมาท และเสียเปรียบ
- แต่ที่ๆชนกัน เป็นที่ส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตัดสินให้ได้ จึงให้ไปตกลงกันเอง
พอผมได้ยินอย่างนี้แล้วผมก็เริ่มอุ่นใจ เพราะเป็นไปตามที่ผมคิดไว้ แต่ทางเจ้าหน้าที่เคลมก็ได้ทำการโทรไปที่ไหนสักแห่ง แต่คาดว่าน่าจะเป็นสำนักงานใหญ่ หรือศูนย์ที่ไหนสักแห่ง หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาบอกว่าทางสำนักงงานบอกว่าไม่สามารถยอมได้ ผมเองผมก็บอกว่าผมยอมไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ลงบันทึกไว้ว่า ได้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่ยอมความกัน
- พอลงบันทึกเสร็จเจ้าหน้าที่เคลมประกันก็ให้หมายเลข เคลมมาแล้วบอกว่า ให้ผมโทรเข้าไปติดต่อฝ่ายสินไหม แต่ต้องรอ 1 สัปดาห์ ด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัย ผมจึงโทรเข้าไปที่ บริษัทประกัน แล้วเล่าเหตุการณ์ อย่าที่ผมเล่าไป กับสำนักงานใหญ่ เขาก็ชี้แจงว่า เคสแบบนี้อย่างไรเราก็ถือว่า ประมาทร่วม ให้ซ่อมกันเอง.......
สรุป
1. ผมต้องซ่อมเอง ทั้งๆที่ไม่ผิด
2. แล้วพนักงงานเคลมที่ให้ผมไปรับฟังคำชี้แจงและคำตัดสินที่ สน.ทำไม ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าฝ่ายคุณประมาท แต่คุณกลับไม่ยอมรับ แล้วบอกแค่ว่าสำนักงานไม่สามารถรับเรื่องได้ ทั้งๆที่ก่อนไปคุณบอกว่าผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3. พนักงงานเคลมศรีธนญชัยเล่นแง่ให้ผมออกจาก สน.เพื่อเขาจะได้จบๆ งาน
จึงอยากสอบถามว่า
- ทุกบริษัทประกันมีนโยบายปัดความผิดให้ผู้ที่เสียหาย หรือเป็นจรรยาบรรณส่วนบุคคลของพนักงานเคลม ?
- ผมสามารถเรียกให้มาไกล่เกลี่ยใหม่ได้หรือไม่ แล้วให้เจ้าหน้าที่ตัดสินไปเลยว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด ตามที่ร้อยเวรได้ชี้แจง ?
ด้วยความนับถือที่อ่านจนจบ
เลขที่เคลม
2013/013159693