เราโดนชนรถเราไม่มีประกัน รถเขามี เราต้องจ่ายค่าซ่อมเอง?

สวัสดีค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ

*ย่อหน้าแรกขอเราเกริ่นเล็กน้อยนะคะ เนื้อเรื่องเริ่มย่อหน้าที่สอง สรุปคำถามย่อหน้าสุดท้ายเลยค่ะ


     เรื่องมีอยู่ว่า คุณแม่เราท่านบ่นว่าเวียนหัวมาซักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้เราเลยขับรถไปส่งคุณแม่ไปรพ.มาค่ะ กว่าออกจากรพ.มาก็เกือบเที่ยงแล้ว คุณแม่หิวข้าวเราจึงเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดเชียงราย ตรงทางเข้าห้างมีการตรวจรถเพื่อความปลอดภัย ทุกคันผ่านไปเฉยๆ แต่พอมาถึงคันเราคุณยามโบกให้หยุดพร้อมดันราวกั้นมาขวางไว้ เราลดกระจกลงคุณยามก็บอกว่า "เปิดกระโปรงหลังให้หน่อย" เราก็เปิดให้พร้อมคิดในใจว่ารถคันอื่น ทะเบียนจังหวัดอื่นไม่ตรวจ มาตรวจรถเราสงสัยเพราะเราสวมหน้ากากอนามัยเลยน่าสงสัยมั้ง ตอนนั้นก็คิดขำๆค่ะ ไม่ได้อะไรมาก คุณยามเปิดดูแล้วไม่มีอะไรก็เปิดที่กั้นปล่อยเราออกมา

     เราขับออกมาแล้วก็เลี้ยวลงที่จอดรถชั้นใต้ดินเหมือนทุกครั้ง ลงมาแยกแรกก็ชะลอรถ แยกนี้รถจะมาจากทางซ้ายมือ เราติดนิสัยเหลียวซ้ายแลขวาดูมันทั้งสองทาง ไม่มีรถ โอเคขับต่อไปถึงแยกที่สอง แยกนี้รถจะมาจากทางขวา เราก็ชะลอรถเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนเดิม ผ่าน ออกรถได้ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิมตรงที่วินาทีที่รถเราออกมาจะถึงกลางแยกหางตาขวาเราก็เห็นรถสีขาวอีกคันหนึ่งเข้ามาใกล้ เรารีบเหยียบเบรกและวินาทีต่อมารถเราก็โดนชนค่ะ โดนเข้าที่ล้อหน้าด้านขวา รถเราไถลมาทางซ้ายเล็กน้อย หัวเรากระแทกกับขอบกระจกด้านหน้าฝั่งคนขับเบาๆให้พอตกใจ พอตั้งสติได้ไฟฉุกเฉินของรถเปิดอัตโนมัติไปแล้ว เราก็รีบขยับรถเข้าข้างทางค่ะ ตอนเลี้ยวก็รู้สึกแปลกๆ เอ๊ะ! ทำไมหักขวาไม่ค่อยได้นะ พอจอดเสร็จคุณแม่ก็เปิดประตูลงจากรถไป เราจะเปิดประตูลงไปบ้างเท่านั้นแหละ เอ๊ะ! ครั้งที่สองก็ตามมาค่ะ ประตูฝั่งเราเปิดไม่ได้ ตายละ โดนชนแรงขนาดไหนเนี่ย ตอนนี้ใจเริ่มตุ๊มๆต่อมๆแล้วค่ะ เราเลยปีนมาออกทางฝั่งผู้โดยสาร เดินไปหาคู่กรณีเขารีบทักเลยค่ะ "น้องมีประกันมั้ยคะ? ของพี่มีประกันชั้น 1นะคะ" แล้วก็หันไปค้นเบอร์ประกันกับลูกชายอยู่สองคน ค้นไปค้นมาไม่เจอซักที บอกให้เราไปช่วยเราก็ช่วยหา พอติดต่อได้เราก็รอประกันมากันค่ะ ระหว่างนี้ก็คุยกัน พี่คนขับก็บอกว่าขับมามองไม่เห็นรถน้องเลย พี่ว่ารถคันดำมันบัง พี่มองไม่เห็นจริงๆ" เราก็ค่ะๆ คิดว่าเพราะรถเราเป็นรถเก๋งคงต่ำ รถพี่เขาเป็นรถซีอาร์วีถึงจะสูงแต่พี่เขาอาจไม่เห็นจริงๆก็ได้ เดินไปดูรถคุณพี่คู่กรณี กันชนหน้าแตกฝั่งซ้ายยุบเข้าไป ฝั่งขวาหลุดออกมา เดินกลับไปดูรถเราบ้าง คราวนี้ไม่ใช่เอ๊ะแล้วค่ะ แต่เป็นโอ๊ยแทน โอ๊ย! จะเป็นลม เมื่อกี้ที่รถแล้วขวาไม่ค่อยได้เพราะล้อขวาหน้าที่โดนชนมันเบี้ยวค่ะ ยุบเข้าไปแบบขับต่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้เพลาอาจจะเบี้ยว แต่ถ้าฝืนขับต่อนี่ได้หักแน่ๆ และที่ประตูเปิดไม่ได้ก็เพราะตัวรถยุบไปขัดกับตรงประตูทำให้เปิดไม้ได้ ใจเริ่มไปอีกแล้วค่ะ ขับรถมาไม่เคยมีประวัติเฉี่ยวชนคว่ำอะไรเลย ที่บ้านก็ถอยรถมาคันนี้คันที่ 6แล้ว มีประกันชั้น 1เฉพาะปีแรกที่แถมมาให้ทุกคัน จากนั้นก็ไม่ได้ต่อประกัน ยอมรับว่าประมาทไป แต่กรณีนี้เราโดนเขาชน รถเขามีประกันชั้น 1 ประกันของเขาต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถของเราด้วย นี่คือความเข้าใจของเรา คุณแม่ พี่คู่กรณี พี่สาวเราที่ตามมาทีหลัง

     ประกันมาแล้วค่ะ หลังจากที่ผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มา คุณประกันฯเลี้ยวฟีโน่เข้าจอดเสร็จ เดินไปถ่ายรูปรถพี่คู่กรณี ไปถ่ายรูปรถเรา ขอดูใบขับขี่เรา แล้วก็ถามว่า "มีประกันมั้ย?" พอเราตอบว่าไม่เท่านั้นแหละ คุณประกันฯก็ต่อทันที /จากนี้เป็นบทสนทนาของคุณประกันฯกับพี่สาวเรานะคะ

     คุณประกันฯ : ตอนขับมาไม่เห็นป้ายระวังรถทางขวาหรอ?
     พี่สาวเรา : เห็นค่ะ แล้วน้องก็ชะลอรถดูแล้ว
     คุณประกันฯ : ชะลอได้ยังไง ป้ายก็บอกอยู่ว่าให้ระวังรถทางขวา แปลว่าให้จอดรถรอ
     พี่สาวเรา : อ้าว ป้ายระวังรถทางขวาคือให้ชะลอรถดูว่ามีรถไหม แล้วใช้วิจารณญาณว่าขับต่อไปได้หรือต้องจอด
     คุณประกันฯ : ไม่ใช่ๆ ไม่เห็นป้ายหรอ บอกว่าระวังคือต้องจอดให้รถทางขวาไปก่อน ขับออกมาแบบนี้โดนชนก็ต่างคนต่างก็ต้องผิด...

     หลังจากนี้คุณประกันฯก็เริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ พี่คู่กรณีเลยคุยกับเราและคุณแม่ตกลงกันว่าโทรแจ้งตำรวจให้ร้อยเวรมาดูดีกว่า

     ระหว่างที่รอร้อยเวรมาคุณประกันก็ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ จะให้ทางเราเป็นคนผิดทั้งๆที่พี่คู่กรณีเขาบอกแล้วว่าเขาไม่เห็นเราเลยขับมาชน และร่องรอยบนตัวรถก็ชัดเจนว่าเขาขับมาชนเรา ไม่ใช่เราไปชนเขา ซักพักคุณประกันก็เปลี่ยนมุกใหม่บอกว่า ขับมาทางตรงทั้งคู่ ไม่มีทางเอกทางโท เอาเป็นว่าต่างคนต่างจ่ายก็แล้วกัน เพราะแบบนี้มันผิดร่วมกัน พี่สาวกับคุณแม่เราก็เริ่มขึ้นสิคะ มาพูดว่าผิดทั้งสองฝ่ายได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ชนเขาก็บอกว่าเขาชน รอยบนรถก็เห็นว่าเราโดนชน เราเห็นท่าไม่ดีเลยบอกว่าไม่ต้องเถียงกันดีกว่า รอคุณร้อยเวรมาทีเดียวเลย พี่สาวเราก็บ่นๆว่าประกันก็แบบนี้ เอาประโยชน์ตัวเองไว้ก่อน ใครผิดไม่สน พอคุณประกันฯได้ยินก็โพล่งออกมาว่า "ก็ผมกินเงินเดือนบริษัท" จุดนั้นทุกคนเงียบค่ะ คุณกินเงินเดือนเขา เขาให้ทำอะไรก็ต้องทำโดยไม่สนใจว่าอะไรผิดอะไรถูกใช่ไหม? เราโดนชนแต่เราผิดใช่ไหม? ตอนนี้คุณแม่โกรธจริงๆแล้วค่ะ ท่านเดินออกไปเลย เราก็เดินออกไปตามท่าน พอกลับมาคุณร้อยเวรก็มาถึงพอดี คุณร้อยเวรลงจากรถมาก็เข้าไปถ่ายรูปรถทั้งสองคัน มาถามว่าใครขับมาจากทางไหน ขอใบขับขี่ของทั้งสองฝ่าย คุยกับคุณประกันซักพัก คุณประกันพูดว่าอะไรเจ้านายๆ เสร็จแล้วคุณร้อยเวรก็เดินกลับมาเขียนรายงานพร้อมคุยกับเรา

     คุณร้อยเวร : ตรงนี้เนี่ยเป็นที่ส่วนบุคคล เป็นลานจอดรถของห้าง รองฯเขียนให้ได้แค่เป็นความผิดร่วมนะ
     เรา : ความผิดร่วมหรอคะ? ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่าเขาขับมาชนหนูเนี่ยนะคะ?
     คุณร้อยเวร : แสดงว่าหนูไม่เข้าใจกฎหมายประกันนะเนี่ย ตรงนี้ไม่ใช่ถนนทั่วไป ทำอะไรไม่ได้ เป็นความผิดร่วม
     เรา : แล้วถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ถนนทั่วไปก็คือเขาชนหนู เขาผิด ประกันต้องรับผิดชอบใช่ไหมคะ?
     คุณร้อยเวร : แต่ตรงนี้คือประกันไม่ยอมไง ไม่เข้าใจหรอ? ถ้าอยากได้เงินก็ไปฟ้องเอาเอง ตรงนี้เขียนได้แค่ว่าเป็นความผิดร่วม

     จบค่ะ คือพวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว พี่คู่กรณีที่ตอนแรกบอกว่าไม่เห็นจึงขับมาชนเราก็เงียบไปตั้งแต่ช่วงที่คุณร้อยเวรเข้ามาแล้วค่ะ พี่เขาอาจจะอยากเข้ามาช่วยเรา แต่คุณประกันฯคงไปบอกพี่เขาว่าถ้ายอมรับว่าชนเองก็ต้องรับผิดชอบเองนะ นี่เป็นที่ส่วนบุคคล ประกันไม่จ่ายให้ พี่เขาก็จ่ายเบี้ยประกันไปแล้วจะมารับผิดชอบอีกคงไม่ยอมเลยไปยืนรออยู่ไกลๆ จากนั้นคุณร้อยเวรก็ขึ้นรถไปค่ะ ก่อนจะจากยังทิ้งท้ายว่า "ถ้าจะให้ประกันจ่ายให้ก็ไปฟ้องเอาเอง ช่วยอะไรไม่ได้"

     สรุปเลยนะคะ ตอนนี้เราสงสัยมากว่าเราโดนชนโดยรถของเราไม่มีประกัน รถของคู่กรณีมีประกันชั้น 1 คู่กรณีรับว่าชนแต่ประกันซึ่งเป็นตัวแทนของคู่กรณีบอกว่าไม่รับผิดชอบ เพราะชนในลานจอดรถของห้างไม่ใช่ถนนทั่วไป แบบนี้เราควรทำใจยอมรับไปว่าเราผิดที่รถไม่มีประกัน ผิดที่อยากเข้าไปทานข้าวในห้าง ผิดที่โดนชน และต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเองใช่ไหมคะ? หากอยากเอาความก็ต้องไปยื่นฟ้องศาลโดยที่มีคู่กรณีเป็นบริษัทประกันภัยและต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายเองโดยที่ไม่รู้เลยว่าเราจะชนะไหม รถที่ให้ไปยกมาไว้ที่อู่รอประมาณราคาซ่อมก็น่าจะไม่ต่ำกว่าสองหมื่น อยากทราบความเห็นของทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านค่ะ ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี คู่กรณีคือบริษัทสินมั่นคงประกันภัยค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านค่ะ


*เราพยายามจะแก้ไขเพื่อเพิ่มรูปแล้วแต่เราไม่ได้ยืนยันตน พอจะมีทางอื่นไหมคะ?
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ยืมล็อกอินมาตอบ
    ขออนุญาตออกความเห็น
      กรณีนี้เหตุเกิดในถนนของห้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน ไม่ใช่ถนนสาธารณะ จึงไม่เป็นความผิดตาม พรบ จราจร  และไม่มีบุคคลใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ตำรวจจึงไม่มีอำนาจดำเนินการทางกฎหมายกับทั้งสองฝ่ายได้ เพราะเป็นความผิดทางแพ่งฐานละเมิดเท่านั้น

     ตรงจุดเกิดเหตุเป็นทางแยก ทางร่วม ซึ่งผู้ใช้รถจำต้องใช้ความระมัดระวัง ชลอรถ มองซ้าย ขวา ให้ดี
     ตามข้อเท็จจริงแม้ว่าเจ้าของกระทู้จะได้ ชลอรถ มองซ้าย ขวา แล้วก็ตาม แต่ออกรถไปได้เพียงกลางแยกก็มีรถมาชน ซึ่งเป็นระยะทางเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นไว่า จขกทได้ขับออกมาจากแยกในระยะกระชั้นชิดพอสมควร ถือได้ว่ายังใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ อันเป็นการใช้รถโดยประมาท ประกอบกับคู่กรณี ก็มีความประมาทในการใช้รถใช้ถนนตรงทางแยก ทางร่วมเช่นกัน ถือได้ว่าต่างฝ่ายต่างประมาท ทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องพิจารณาว่าฝ่ายใดประมาทมากหรือน้อยกว่ากัน ฝ่ายที่ประมาทมากกว่าย่อมต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกว่าฝ่ายที่ประมาทน้อย
     ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงมานั้นก็เป็นการถูกต้องตามหลักการแล้ว   ตามคำกล่าวนี้
คุณร้อยเวร : ตรงนี้เนี่ยเป็นที่ส่วนบุคคล เป็นลานจอดรถของห้าง รองฯเขียนให้ได้แค่เป็นความผิดร่วมนะ
     เรา : ความผิดร่วมหรอคะ? ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่าเขาขับมาชนหนูเนี่ยนะคะ?
     คุณร้อยเวร : แสดงว่าหนูไม่เข้าใจกฎหมายประกันนะเนี่ย ตรงนี้ไม่ใช่ถนนทั่วไป ทำอะไรไม่ได้ เป็นความผิดร่วม
     เรา : แล้วถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ถนนทั่วไปก็คือเขาชนหนู เขาผิด ประกันต้องรับผิดชอบใช่ไหมคะ?
     คุณร้อยเวร : แต่ตรงนี้คือประกันไม่ยอมไง ไม่เข้าใจหรอ? ถ้าอยากได้เงินก็ไปฟ้องเอาเอง ตรงนี้เขียนได้แค่ว่าเป็นความผิดร่วม
    เมื่อประเด็นพิพาท คือจขกท มีความเห้นว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายผิดเพียงผู้เดียว คู่กรณีและประกันจึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
    แต่คู่กรณีและประกันมีความเห็นว่า จขกท มีส่วนประมาทในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยจึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
    เมื่อคู่กรณีตกลงกันไม่ได้ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป
ความคิดเห็นที่ 7
คปภ ครับ พวกประกันมันกลัวคปภขี้หด

ผมเคยโดนกดราคาอะไหล่รถ ไม่เถียงกับประกันด้วย
ร้องเรียน คปภ อาทิตเดียวประกันโทรมาบอกว่าผู้จัดการให้แล้วครับ

นี่ครับร้องเรียนออนไลน์ง่ายๆครับ
http://www.oic.or.th/th/OIC/OiC_request.php
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่