รถยนต์ชนกัน คู่กรณีเป็นฝ่ายประมาท แต่หลายเดือนผ่านไปเราจะโดนแจ้งข้อหาประมาทร่วม ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ




เหตุการณ์เกิดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว
ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะ3แยก มีสัญญาณไฟ แต่วันนั้นไปกระพริบสีเหลืองอำพันทุกช่องทาง
โดยเราขับรถมุ่งหน้าทางตรงในช่องทางขวาสุด(ในรูปคันสีน้ำเงิน) ขณะนั้นเป็นเวลาทำงาน รถวิ่งทางตรงมากมาย
เราก็ขับตามขบวนรถมา ห่างจากคันหน้าไม่เกิน 15 เมตร
หลังจากเราจะทิ้งระยะไปเกินร้อยกว่าเมตร ก็จะมีรถเก๋งอีกคันกับมอเตอร์ไซค์(ได้พี่มอเตอร์ไซค์นี่แหล่ะค่ะมาช่วยเหลือ) วิ่งช่องทางซ้ายสุด
มาถึงจุดเกิดเหตุ รถคู่กรณี(ในรูปคันสีส้ม) จอดรอเลี้ยวขวา
รถขับตามกันมาเป็นสายเป็นขบวน ทิ้งระยะห่างกันไม่เยอะ อย่างเราก็ไม่เกิน 15 เมตรจากคันหน้า
เรากำลังจะวิ่งผ่านแยก พร้อมกับเปิดไฟหน้ากระพริบใส่หลายๆครั้งเพื่อแสดงว่าเราจะผ่านไปก่อน อย่าเพิ่งออก
แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างนั้น รถคู่กรณีไม่มีทีท่าจะออกเลย จนเราขับเข้าไปถึงกลาง3แยก รถคู่กรณีก็พุ่งออกมาด้วยความเร็วและแรง
ทำให้ด้านหน้าของเค้าเข้ากระแทกด้านหน้าขวาของเราอย่างจัง
รถเราเบรกใช้การไม่ได้ ห้ามล้อไม่หยุด ทำให้เซ ไถลไปกระแทกขอบถนน ไปวิดด้านข้างทาง แล้วก็ขึ้นมาจอดริมทาง

หลังจากรถจอดสนิทเราพอได้สติก็รีบปลดสายเข็มขัดนิรภัย และปีนออกทางหน้าต่างด้านคนขับ เนื่องจากรถติดแก๊ส เกรงจะติดไฟ
ส่วนคู่กรณีรถจอดอยู่ทิศทางเดิม ทราบภายหลังว่ามีเด็กที่โดยสารมาในรถซึ่งเป็นลูกขาหัก ส่วนคนขับผู้เป็นแม่บาดเจ็บฟกช้ำ ปากแตก
เนื่องจากรถเค้าไม่มีถุงลมนิรภัย และแย่สุดคือรถไม่มีประกัน
ในส่วนของเราเองมีรอยกระแทก รอยถลอก รอยฟกช้ำหนักสุดคือตามรอยคาดเข็มขัดนิรภัยช้ำเลือดช้ำหนอง รถเราทำประกันชั้น3+
เหตุการณ์ดำเนินไปปกติ ประกันมาเคลียร์ ลากรถไปโรงพัก เราไปหาหมอ

ผ่านไป1อาทิตย์ ไปเคลียร์กันที่ชั้นโรงพัก เพราะลักษณะการชนค่อนข้างชัดว่าเค้าเป็นผู้พุ่งชน
ตำรวจให้คุยกันก่อน มาทราบว่าพ่อของคู่กรณีเป็นตำรวจ แต่อยู่คนละจังหวัด
สรุปในชั้นโรงพักว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายขับรถประมาท และจะไปชดใช้ค่าเสียหายให้กับเราในภายหลัง
แยกย้ายกันกลับ

หลังจากนั้นประมาณ1เดือน พยายามติดต่อคู่กรณีเรื่องค่าเสียหายส่วนเกินจากวงเงินประกันที่เค้าจะต้องรับผิดชอบให้เรา
คือเราทำประกัน3+ วงเงินมันจะได้ที่150,000 แต่ความเสียหายที่เกิน เค้าจะเป็นผู้จ่ายให้เรา ซึ่งเราก็ต้องการแค่นั้น ไม่ได้ขอทั้งหมด
แต่ได้รับการปฏิเสธ และการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ฝ่ายแม่ของคู่กรณี อ้างว่าลูกตนไม่ผิด ไม่มีเงิน ไม่ยอมจ่าย

เราจึงติดต่อทนาย และระหว่างนี้ก็เร่งรัดให้ตรวจสอบความเสียหายของรถให้เสร็จ แต่ใช้เวลานานมาก หลายเดือน
กว่าจะตรวจสภาพเสร็จ ก็กินมาปลายปี เดือนธ.ค.
ระหว่างนี้ธนาคารได้แจ้งไปที่ค่กรณีแล้วว่าจะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หากไม่นำเงินมาจ่าย
พร้อมกับบอกว่าหากได้รายละเอียดจำนวนเงินที่เสียหายแล้วจะมาแจ้งให้ทราบ
แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเดิม
และทนายยังได้ทำหนังสือทวงถามผลคดีไปที่ร้อยเวรเจ้าของคดี ทำให้รู้ว่ายังไม่มีการดำเนินคดีกับคู่กรณีใดๆทั้งสิ้น
ทนายเลยเร่งรัดให้ตำรวจเร่งรัดคดี ซึ่งตำรวจแจ้งว่า ขอเวลา ให้คู่กรณีไปเอาใบรับรองแพทย์ของลูกชายกรณีขาหักมาให้ก่อน

ข้ามมาปลายเดือนม.ค.นี้ ร้อยเวรนัดเราให้ไปสอบปากคำเพิ่ม ทำสำนวนส่งฟ้อง เราก็ไปให้การปกติ
ระหว่างที่อยู่ในห้องร้อยเวร ร้อยเวรก็โทรแจ้งคู่กรณีว่าจะให้มารับทราบข้อกล่าวหา
ซึ่งจับใจความได้ระหว่างบทสนทนาว่าคู่กรณีคงไม่ยอม และคงได้มาการคุยอะไรกันไว้ก่อนหน้านั้น
ซึ่งร้อยเวรพูดว่า ก็ตอนแรกเห็นเคลียร์กันได้ก็เลยไม่ฟ้อง ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันนัดรับทราบข้อกล่าวหาขอคู่กรณี ซึ่งร้อยเวรก็ได้โทรหาเราอีกครั้งและแจ้งว่า...
ผมนัดคู่กรณีมาแล้วนะ แล้วเค้าไปพาตำรวจจากที่...มาด้วย เค้าแจ้งว่าเค้าจะมาขอร้องทุกข์กล่าวโทษ จะต่อสู้คดี ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา จะให้เป็นประมาทร่วม และขอให้เราไปให้ปากคำเพิ่ม
ซึ่งได้นัดกันเป็นวันเสาร์ที่ผ่านมา

โชคดีมากที่เราให้ทนายไปด้วย และตัวแทนบ.ประกัน
ไปถึงร้อยเวรกลับบอกว่าจะแจ้งข้อหาเราด้วย เหตุเพราะด้านบน เรื่องคู่กรณีเอาตำรวจที่อื่นมาบีบเค้า ก็พูดต่อหน้าเราตรงๆ ดื้อๆ
ซึ่งทนายแย้ง และมีปากเสียงนิดหน่อย สรุปว่าวันนั้นไม่ได้ทำอะไร นอกจากไปเถียงกรณีที่ตำรวจจะกลับมาแจ้งข้อกล่าวหาเราด้วย
เพราะคู่กรณีร้องทุกข์กล่าวโทษเรา และเอาตำรวจมาบีบ

เลยอยากขอคำชี้แนะจากเพื่อนๆที่นี่ด้วยค่ะ ว่าเราเองควรจะทำอย่างไร
เบื้องต้นกำลังทำหนังสือร้องเรียนเอาผิดวินัยกับตำรวจท่านนี้ และขอให้ทำคดีนี้ออกมาโปร่งใส

เราแนบรูปมาให้ด้วยค่ะ เพื่อประกอบเหตุการณ์

ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ปวดหัวและเครียดมากตอนนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่