สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันขอแชร์เรื่องเกี่ยวกับการทำงานในแวดวงราชการที่ประสบมาโดยตรง
ดิฉันทำงานเป็นนักวิชาการ(ตำแหน่งเฉพาะสาขาวิชาชีพหนึ่ง) ในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง
หน้าที่ที่กำหนดตามมาตรฐานเนื้องานคืองานวิชาการ... ผลิตงานวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมเท่านั้น
การดำเนินงานของหน่วยงานดิฉันมักจะเป็นการจ้างบริษัทเอกชน (ออแกไนซ์ที่หัวหน้างานรู้จักสนิทสนมดี) ดำเนินการซะส่วนใหญ่ ซึ่งงานที่ออแกไนซ์ทำมา ขัดอกขัดใจดิฉัน ไม่ได้ตามมาตรฐานในความคิดดิฉัน แต่ก็ต้องตามน้ำเรื่อยไป นักวิชาการฯ ระดับปฏิบัติการอย่างดิฉัน ได้แค่ตรวจสอบเนื้อหาวิชการเล็กๆ น้อยๆ เขียนโครงการฯ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์เสนอการใช้งบประมาณประจำปี
แต่ปัญหาที่รับไม่ได้คือ หัวหน้ามักจะมอบหมายงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการมาให้ทำ เช่น ทำงานเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายฎีกา จัดซื้อ-จัดจ้าง ซึ่งตามเนื้องานควรเป็นงานของฝ่ายธุรการ บัญชีและการเงินมากกว่า อีกประการหนึ่งคือ การกำหนดราคาค่าใช้จ่ายในแต่ละโครงการสูงเว่อร์เกินจริงจากราคาท้องตลาดมาก
ดิฉันใคร่ครวญถึงงานที่หัวหน้ามอบหมายมา 2 วัน วันนี้ดิฉันแจ้งปฏิเสธการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างไป เรียนกับหัวหน้างานด้วยความเคารพว่า เนื้อหางานตรงนี้ควรเป็นฝ่ายธุรการทำมากกว่า เพราะเป็นหน้าที่ที่เขารับผิดชอบโดยตรง รู้ขั้นตอนและระเบียบเบิกจ่ายดีกว่านักวิชาการฯหน้าใหม่อย่างดิฉัน งานส่วนนี้ไม่ใช่หน้าที่ของดิฉัน ไม่ตรงกับความถนัดและสาขาความรู้ที่ดิฉันเรียนมา เกรงว่าจะทำให้เกิดความผิดพลาด เสียหายต่อราชการ ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนได้
ยังไม่ทันหายใจหลังพูดจบประโยค หัวหน้าก็ขึ้นเสียง ตวาด ดังลั่นห้องใส่ดิฉันว่า "ก็ธุรการไม่ว่างทำให้ จะให้เธอทำ มีอะไรมั้ย? ทำไม่ได้ก็ต้องทำ จะมาอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ได้ยังไง สั่งให้ทำก็ต้องทำ"
แต่ความจริงคือ หัวหน้าไม่ยอมมอบงานส่วนนี้ให้ธุรการทำ ต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จทุกอย่างในการเบิกจ่าย ถือเงินไว้คนเดียว กลายเป็นว่าธุรการทำแค่เบิกจ่ายเงินเดือน ค่าสาธารณูปโภคเท่านั้น ดิฉันจึงได้แต่ดึงงานไว้ช้าๆ อ้างว่าไม่มีความสามารถและศักยภาพในการทำงานตรงนี้ ขอโปรดเข้าใจ ถ้าไม่พอใจก็กรุณาส่งให้คนอื่นที่มีหน้าที่โดยตรงทำ
นอกจากนี้ หัวหน้ายังใส่ชื่อดิฉันเป็นประธานกรรมการ TOR จ้างเหมาจัดทำงานในโครงการหนึ่ง (หลักสิบล้าน) โดยที่ดิฉันไม่ได้เป็นคนทำ TOR เอง ไม่ได้เสนอราคาและตรวจสอบเอง แต่โดนเอาชื่อไปใส่ และโดนเร่งรัดให้ลงนาม ด้วยแรงกดดันนานาประการดิฉันลงนามเป็นประธานกรรมการ TOR ไปด้วยความไม่สบายใจ แต่ขอเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง
ผ่านไป 2 วัน ดิฉันลบลายเซ็นตัวเองในเอกสารออก ขอเสนอถอนชื่อจากการเป็นประธานกรรมการ TOR ให้เหตุผลกับหัวหน้าว่า ดิฉันอ่อนด้อยประสบการณ์ เพิ่งเข้ามาทำงานในแวดวงราชการยังไม่ถึงปี การจ้างเหมาในโครงการดังกล่าวกับราคาที่ใส่ใน TOR ดิฉันไม่มีความรู้เลยว่าราคามาตรฐานอยู่ที่เท่าไร (ซึ่งความจริงก็ดูออกว่าราคาที่หัวหน้าเขียนมา เว่อร์เกินจริงมาก เป็นราคาปลอม กับงานปลอมๆ ที่ไม่มีอยู่จริงหลายอัน) ถ้าให้ดิฉันเป็นประธานอาจเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายกับราชการได้ อีกประการหนึ่งคือ ส่งผลเสียต่อตัวดิฉันเอง ดิฉันรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา หรือการตรวจสอบจากสตง. ไม่ไหวแน่นอน ดิฉันตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับราคาและการจ้างงานที่เสนอมาไม่ได้ เพราะไม่ได้เสนอหรือตรวจสอบเองจริงๆ
โต้เถียงกันหลายสิบนาที หัวหน้ายื่นข้อเสนอให้ดิฉันเป็นกรรมการตรวจรับงานแทน ไม่ต้องเป็นประธานกรรมการกำหนด TOR แล้ว (เย่ ไม่เสี่ยงเป็นแพะแล้ว!!) แต่ในทางกลับกัน หัวหน้าไม่เคยมีชื่อในการเป็นกรรมการใดๆๆๆๆ ที่มีความเสี่ยงเลย เขาป้องกันตัวเองตลอดเวลา พยายามโยนความเสี่ยงมาให้ข้าราชการใหม่ที่ยังไม่รู้ระบบถ่องแท้นัก แต่ตัวเองเป็นคนกุมงานและเงินของกองฯ ..ถ้าเขายอมรับในราคาที่ตัวเองเสนอได้ ทำไมเขาไม่ยอมเสี่ยงใช้ชื่อตัวเองเป็นกรรมการไป.. นี่คือคำถามที่ฉันแอบถามในใจ แต่ไม่เคยกล้าถาม เพราะเบื่อการเหน็บแนมและโต้แย้งขมขู่ด้วยเสียง
ผลที่ตามมาในทางจิตวิทยาคือ หัวหน้างานกระแนะกระแหน ว่ากระทบกระแทก เหน็บแนม จิกกัด พยายามบั่นทอนจิตใจดิฉันอยู่ตลอดเวลา เรื่องที่ดิฉันปฏิเสธไม่ทำงานธุรการ และปฏิเสธไม่เซ็นเอกสารที่มีความเสี่ยง หวังกดดันดิฉันมากๆ จนรับไม่ได้และลาออกไป เหมือนเพื่อนร่วมงานดิฉันที่ลาออกไปเมื่อสองเดือนก่อน (เนื่องจากทนไม่ได้ที่หัวหน้าให้ปลอมเอกสารใบเสร็จเพื่อการเบิกจ่ายเงิน)
ณ ตอนนี้ ดิฉันยังคงทนสู้ต่อความกดดันต่อไป เพราะตั้งใจมาใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์ เห็นอะไรที่ผิด ไม่ควร ก็จะไม่ทำอย่างแน่นอน ไม่รับใต้โต๊ะด้วย ได้แต่รอเวลาให้คนรุ่นเก่า พวกชอบโกงกินเงินงบประมาณเกษียณอายุออกไป หรือกรรมตามทัน โดน DSI ตรวจสอบ
สุดท้ายนี้ ดิฉันอยากแบ่งปันประสบการณ์ว่า หากมีใครให้เซ็นเอกสารอะไรในการทำงานควรพิจารณาถี่ถ้วนชัดๆ ช้าๆ เพราะอาจเกิดผลเสียตามมา เราจะกลายเป็นแพะ เป็นเครื่องมือที่เขาใช้หากินในทางทุจริตโดยไม่รู้ตัว การทำงานราชการมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงนามเอกสารทุกฉบับดีๆ จากการทำงานตรงนี้ ทำให้ดิฉันทราบว่าการทุจริตคอรัปชั่นมีอยู่ในสังคมไทยมากกว่าที่ดิฉันเคยคิด
ทำงานราชการมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงนามทุกครั้ง
ดิฉันทำงานเป็นนักวิชาการ(ตำแหน่งเฉพาะสาขาวิชาชีพหนึ่ง) ในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง
หน้าที่ที่กำหนดตามมาตรฐานเนื้องานคืองานวิชาการ... ผลิตงานวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมเท่านั้น
การดำเนินงานของหน่วยงานดิฉันมักจะเป็นการจ้างบริษัทเอกชน (ออแกไนซ์ที่หัวหน้างานรู้จักสนิทสนมดี) ดำเนินการซะส่วนใหญ่ ซึ่งงานที่ออแกไนซ์ทำมา ขัดอกขัดใจดิฉัน ไม่ได้ตามมาตรฐานในความคิดดิฉัน แต่ก็ต้องตามน้ำเรื่อยไป นักวิชาการฯ ระดับปฏิบัติการอย่างดิฉัน ได้แค่ตรวจสอบเนื้อหาวิชการเล็กๆ น้อยๆ เขียนโครงการฯ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์เสนอการใช้งบประมาณประจำปี
แต่ปัญหาที่รับไม่ได้คือ หัวหน้ามักจะมอบหมายงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการมาให้ทำ เช่น ทำงานเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายฎีกา จัดซื้อ-จัดจ้าง ซึ่งตามเนื้องานควรเป็นงานของฝ่ายธุรการ บัญชีและการเงินมากกว่า อีกประการหนึ่งคือ การกำหนดราคาค่าใช้จ่ายในแต่ละโครงการสูงเว่อร์เกินจริงจากราคาท้องตลาดมาก
ดิฉันใคร่ครวญถึงงานที่หัวหน้ามอบหมายมา 2 วัน วันนี้ดิฉันแจ้งปฏิเสธการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างไป เรียนกับหัวหน้างานด้วยความเคารพว่า เนื้อหางานตรงนี้ควรเป็นฝ่ายธุรการทำมากกว่า เพราะเป็นหน้าที่ที่เขารับผิดชอบโดยตรง รู้ขั้นตอนและระเบียบเบิกจ่ายดีกว่านักวิชาการฯหน้าใหม่อย่างดิฉัน งานส่วนนี้ไม่ใช่หน้าที่ของดิฉัน ไม่ตรงกับความถนัดและสาขาความรู้ที่ดิฉันเรียนมา เกรงว่าจะทำให้เกิดความผิดพลาด เสียหายต่อราชการ ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนได้
ยังไม่ทันหายใจหลังพูดจบประโยค หัวหน้าก็ขึ้นเสียง ตวาด ดังลั่นห้องใส่ดิฉันว่า "ก็ธุรการไม่ว่างทำให้ จะให้เธอทำ มีอะไรมั้ย? ทำไม่ได้ก็ต้องทำ จะมาอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ได้ยังไง สั่งให้ทำก็ต้องทำ"
แต่ความจริงคือ หัวหน้าไม่ยอมมอบงานส่วนนี้ให้ธุรการทำ ต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จทุกอย่างในการเบิกจ่าย ถือเงินไว้คนเดียว กลายเป็นว่าธุรการทำแค่เบิกจ่ายเงินเดือน ค่าสาธารณูปโภคเท่านั้น ดิฉันจึงได้แต่ดึงงานไว้ช้าๆ อ้างว่าไม่มีความสามารถและศักยภาพในการทำงานตรงนี้ ขอโปรดเข้าใจ ถ้าไม่พอใจก็กรุณาส่งให้คนอื่นที่มีหน้าที่โดยตรงทำ
นอกจากนี้ หัวหน้ายังใส่ชื่อดิฉันเป็นประธานกรรมการ TOR จ้างเหมาจัดทำงานในโครงการหนึ่ง (หลักสิบล้าน) โดยที่ดิฉันไม่ได้เป็นคนทำ TOR เอง ไม่ได้เสนอราคาและตรวจสอบเอง แต่โดนเอาชื่อไปใส่ และโดนเร่งรัดให้ลงนาม ด้วยแรงกดดันนานาประการดิฉันลงนามเป็นประธานกรรมการ TOR ไปด้วยความไม่สบายใจ แต่ขอเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง
ผ่านไป 2 วัน ดิฉันลบลายเซ็นตัวเองในเอกสารออก ขอเสนอถอนชื่อจากการเป็นประธานกรรมการ TOR ให้เหตุผลกับหัวหน้าว่า ดิฉันอ่อนด้อยประสบการณ์ เพิ่งเข้ามาทำงานในแวดวงราชการยังไม่ถึงปี การจ้างเหมาในโครงการดังกล่าวกับราคาที่ใส่ใน TOR ดิฉันไม่มีความรู้เลยว่าราคามาตรฐานอยู่ที่เท่าไร (ซึ่งความจริงก็ดูออกว่าราคาที่หัวหน้าเขียนมา เว่อร์เกินจริงมาก เป็นราคาปลอม กับงานปลอมๆ ที่ไม่มีอยู่จริงหลายอัน) ถ้าให้ดิฉันเป็นประธานอาจเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายกับราชการได้ อีกประการหนึ่งคือ ส่งผลเสียต่อตัวดิฉันเอง ดิฉันรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา หรือการตรวจสอบจากสตง. ไม่ไหวแน่นอน ดิฉันตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับราคาและการจ้างงานที่เสนอมาไม่ได้ เพราะไม่ได้เสนอหรือตรวจสอบเองจริงๆ
โต้เถียงกันหลายสิบนาที หัวหน้ายื่นข้อเสนอให้ดิฉันเป็นกรรมการตรวจรับงานแทน ไม่ต้องเป็นประธานกรรมการกำหนด TOR แล้ว (เย่ ไม่เสี่ยงเป็นแพะแล้ว!!) แต่ในทางกลับกัน หัวหน้าไม่เคยมีชื่อในการเป็นกรรมการใดๆๆๆๆ ที่มีความเสี่ยงเลย เขาป้องกันตัวเองตลอดเวลา พยายามโยนความเสี่ยงมาให้ข้าราชการใหม่ที่ยังไม่รู้ระบบถ่องแท้นัก แต่ตัวเองเป็นคนกุมงานและเงินของกองฯ ..ถ้าเขายอมรับในราคาที่ตัวเองเสนอได้ ทำไมเขาไม่ยอมเสี่ยงใช้ชื่อตัวเองเป็นกรรมการไป.. นี่คือคำถามที่ฉันแอบถามในใจ แต่ไม่เคยกล้าถาม เพราะเบื่อการเหน็บแนมและโต้แย้งขมขู่ด้วยเสียง
ผลที่ตามมาในทางจิตวิทยาคือ หัวหน้างานกระแนะกระแหน ว่ากระทบกระแทก เหน็บแนม จิกกัด พยายามบั่นทอนจิตใจดิฉันอยู่ตลอดเวลา เรื่องที่ดิฉันปฏิเสธไม่ทำงานธุรการ และปฏิเสธไม่เซ็นเอกสารที่มีความเสี่ยง หวังกดดันดิฉันมากๆ จนรับไม่ได้และลาออกไป เหมือนเพื่อนร่วมงานดิฉันที่ลาออกไปเมื่อสองเดือนก่อน (เนื่องจากทนไม่ได้ที่หัวหน้าให้ปลอมเอกสารใบเสร็จเพื่อการเบิกจ่ายเงิน)
ณ ตอนนี้ ดิฉันยังคงทนสู้ต่อความกดดันต่อไป เพราะตั้งใจมาใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์ เห็นอะไรที่ผิด ไม่ควร ก็จะไม่ทำอย่างแน่นอน ไม่รับใต้โต๊ะด้วย ได้แต่รอเวลาให้คนรุ่นเก่า พวกชอบโกงกินเงินงบประมาณเกษียณอายุออกไป หรือกรรมตามทัน โดน DSI ตรวจสอบ
สุดท้ายนี้ ดิฉันอยากแบ่งปันประสบการณ์ว่า หากมีใครให้เซ็นเอกสารอะไรในการทำงานควรพิจารณาถี่ถ้วนชัดๆ ช้าๆ เพราะอาจเกิดผลเสียตามมา เราจะกลายเป็นแพะ เป็นเครื่องมือที่เขาใช้หากินในทางทุจริตโดยไม่รู้ตัว การทำงานราชการมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงนามเอกสารทุกฉบับดีๆ จากการทำงานตรงนี้ ทำให้ดิฉันทราบว่าการทุจริตคอรัปชั่นมีอยู่ในสังคมไทยมากกว่าที่ดิฉันเคยคิด