การให้น้ำหนัก หมายถึง การให้ความหมายปรากฏการณ์ที่มีนัยยะสำคัญต่อภาวะที่กำลังแปรเปลี่ยน
เพราะ ไม่ใช่ทุกอย่างจะสำคัญต่อการให้ความหมายเสมอไป
เพราะ บางสิ่งอาจเป็นแค่องค์ประกอบ เป็นไม้ประดับ หรือแม้กระทั่งเบี่ยงเบนสารัตถะของสิ่งที่พยายามเข้าใจหรือศึกษา ก็ได้
แต่ทุกสิ่งที่ปรากฏ ย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งปรากฏการณ์ และแน่นอนว่า มันย่อมมีเหตุและผลของมันในตัวเอง ถ้าจะว่าไป..
เพียงแต่ว่า การให้น้ำหนัก แง่หนึ่ง ก็คือ การเลือกเพ่งติดตามสิ่งปรากฏทั้งในเชิง ความดังกลบสิ่งอื่นๆ
หรือและในแง่ สิ่งคงตัวที่อาจโยงใยเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเปลี่ยนแปลง แม้จะไม่ดังหรือปรากฏตัวตลอดเวลา
แต่มันอาจเป็นตัวบ่งชี้สำคัญ ที่บอกถึง ความหมายทั้งหมดของเรื่องราว ก็ได้ (เช่น การเสื่อมสลายของไลเคน บอกนัยยะการล่มสลายของสิ่งแวดล้อม หรือ การตายขาวของปะการัง บ่งบอกคุณภาพที่เสื่อมของคุณภาพน้ำ)
การให้น้ำหนัก ไม่ใช่การแช่แข็งการสังเกต แต่เป็นการเฝ้าติดตามอย่างมีชีวิต เป็นปัจจุบัน ในความแปรเปลี่ยน
ใจของผู้สังเกตจะเปิดรับ และกระฉับกระเฉงต่อการประเมินน้ำหนักอิทธิพลเหนือต่อกันของปรากฏการณ์ สิ่งหนึ่งอาจเด่นชัดในเวลาหนึ่ง
แต่อาจถูกกลบด้วยปรากฏการณ์อื่นในกระบวนการเเปรเปลี่ยน สิ่งเดิมอาจไม่ได้หายไปแต่มันอาจถูกกลบด้วยปรากฏการณ์หลังที่ดังกว่า
ที่ครอบคลุม หรือมีขอบเขตส่งผลกระทบที่กว้างกว่า น้ำหนักจึงถ่ายเทมาที่สิ่งหลังนี้ ซึ่งถ้าผุ้สังเกตนิ่งพอ ก็อาจเข้าใจความเป็นจริงของ
สิ่งที่ซ่อนอยู่ โดยที่มันอาจไม่ได้ปรากฏเด่นชัดอันเนื่องจากถูกกลบด้วยสิ่งหลังที่ดังกว่า ตื่นตาตื่นใจกว่า ..แค่นั้น
โลกแห่งปรากฏการณ์เป็นสิ่งที่ทับซ้อนบนไทม์ไลน์ นับตั้งแต่ผู้สังเกตเริ่มต้นกระทำการสังเกต
สิ่งทำนองนี้ เป็นจริงในโลกทางธรรมชาติ ทางสังคม และกระแสจิตสำนึก
เราจะให้น้ำหนักได้อย่างถูกต้องเป็นจริง ก็ต่อเมื่อ ใจเป็นกลางดำรงไว้ซึ่งอิสระ..อย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์มากมาย เพื่อ การติดตามข่าว การวิเคราะห์ความขัดแย้ง การระดมสมองเพื่อแก้ปัญหา การเรียนรู้ การใช้ชีวิต.....

การให้น้ำหนัก
เพราะ ไม่ใช่ทุกอย่างจะสำคัญต่อการให้ความหมายเสมอไป
เพราะ บางสิ่งอาจเป็นแค่องค์ประกอบ เป็นไม้ประดับ หรือแม้กระทั่งเบี่ยงเบนสารัตถะของสิ่งที่พยายามเข้าใจหรือศึกษา ก็ได้
แต่ทุกสิ่งที่ปรากฏ ย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งปรากฏการณ์ และแน่นอนว่า มันย่อมมีเหตุและผลของมันในตัวเอง ถ้าจะว่าไป..
เพียงแต่ว่า การให้น้ำหนัก แง่หนึ่ง ก็คือ การเลือกเพ่งติดตามสิ่งปรากฏทั้งในเชิง ความดังกลบสิ่งอื่นๆ
หรือและในแง่ สิ่งคงตัวที่อาจโยงใยเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเปลี่ยนแปลง แม้จะไม่ดังหรือปรากฏตัวตลอดเวลา
แต่มันอาจเป็นตัวบ่งชี้สำคัญ ที่บอกถึง ความหมายทั้งหมดของเรื่องราว ก็ได้ (เช่น การเสื่อมสลายของไลเคน บอกนัยยะการล่มสลายของสิ่งแวดล้อม หรือ การตายขาวของปะการัง บ่งบอกคุณภาพที่เสื่อมของคุณภาพน้ำ)
การให้น้ำหนัก ไม่ใช่การแช่แข็งการสังเกต แต่เป็นการเฝ้าติดตามอย่างมีชีวิต เป็นปัจจุบัน ในความแปรเปลี่ยน
ใจของผู้สังเกตจะเปิดรับ และกระฉับกระเฉงต่อการประเมินน้ำหนักอิทธิพลเหนือต่อกันของปรากฏการณ์ สิ่งหนึ่งอาจเด่นชัดในเวลาหนึ่ง
แต่อาจถูกกลบด้วยปรากฏการณ์อื่นในกระบวนการเเปรเปลี่ยน สิ่งเดิมอาจไม่ได้หายไปแต่มันอาจถูกกลบด้วยปรากฏการณ์หลังที่ดังกว่า
ที่ครอบคลุม หรือมีขอบเขตส่งผลกระทบที่กว้างกว่า น้ำหนักจึงถ่ายเทมาที่สิ่งหลังนี้ ซึ่งถ้าผุ้สังเกตนิ่งพอ ก็อาจเข้าใจความเป็นจริงของ
สิ่งที่ซ่อนอยู่ โดยที่มันอาจไม่ได้ปรากฏเด่นชัดอันเนื่องจากถูกกลบด้วยสิ่งหลังที่ดังกว่า ตื่นตาตื่นใจกว่า ..แค่นั้น
โลกแห่งปรากฏการณ์เป็นสิ่งที่ทับซ้อนบนไทม์ไลน์ นับตั้งแต่ผู้สังเกตเริ่มต้นกระทำการสังเกต
สิ่งทำนองนี้ เป็นจริงในโลกทางธรรมชาติ ทางสังคม และกระแสจิตสำนึก
เราจะให้น้ำหนักได้อย่างถูกต้องเป็นจริง ก็ต่อเมื่อ ใจเป็นกลางดำรงไว้ซึ่งอิสระ..อย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์มากมาย เพื่อ การติดตามข่าว การวิเคราะห์ความขัดแย้ง การระดมสมองเพื่อแก้ปัญหา การเรียนรู้ การใช้ชีวิต.....