เมื่อเราไปเปลี่ยนความคิดการวิ่งเพื่อสุขภาพ ไปสู่กีฬาเมื่อนั้นหนทางหายนะสุขภาพคงหลีกเลี่ยงไม่พ้น ซึ่งไม่มีนักวิ่งคนไหนรู้เท่าทันเรื่องนี้ เพราะต่างมัวเมากับการวิ่ง"จนเกินพอดี"
วิ่งมากเกินไปทำอย่างไรท่านก็ไม่ได้สุขภาพแน่นอน การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่ควรวิ่งนานเกิน 30 นาที ส่วนระยะทางนั้นไม่เกี่ยวข้อง เรื่องของสถิติเวลายิ่งไม่ต้องสนใจเลย ในการวิ่งเพียง 30 นาที ระบบการทำงานของปอด หัวใจ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และทั้งระบบของร่างกาย สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครเป็นอะไรจะหายได้ มีคนเป็นโรคกะเพาะ ปวดท้องทุกวันไปวิ่งยังหายเลย เป็นภูมิแพ้ จะหายใจได้ดีขึ้นจนภูมิแพ้มันยอมแพ้ไปเอง การวิ่งเพียงเท่านี้สามารถป้องกันโรคหัวใจได้ แต่วิ่งมากเกินไปคุณอาจเสียชีวิตในหน้าที่คือสิ้นลมกลางทางระหว่างที่วิ่งได้
มีผู้ป่วยรายหนึ่งมาพบ เล่าว่า เป็นคนวิ่งเก่งมาก วิ่งไม่รู้จักเหนื่อย ก่อนหน้าไม่เคยสนใจการวิ่งเลย แล้วจู่ๆ ได้ไปฟังคุณหมอดังรายหนึ่ง ไม่ขอเอ่ยนาม ท่านเคยมีตำแหน่งทางการเมืองด้วยสิ แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านพูดชาวบ้านต้องเชื่อท่านบรรยายสรรพคุณการวิ่งฟังแล้วคล้อยตามทันที นักวิ่งรายนี้เชื่อในข้อมูลที่ดีเหลือล้นของการวิ่ง จึงลงทุนซื้อรองเท้าราคาแพง เสื้อผ้าต้องระบายอากาศได้ดีตามคำแนะนำแล้วไปวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต บอกยิ่งวิ่งมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่ง และมั่นใจในสุขภาพแน่นอน เพราะความแข็งแรงแสดงออกให้เห็นชัดเจน
ปัจจุบันนักวิ่งรายนี้มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม เดินยังแทบไม่ได้ ถามว่าเอาไหม ตับไตไส้พุงดีแต่สุดท้ายต้องพิการ เห็นชัดว่าได้ไม่เท่าเสีย ในระยะยาว
แชมป์รายการบอสตั้นมาราธอน 3 ปีซ้อน พูดชัดการวิ่งมาราธอน กับสุขภาพเป็นคนละเรื่อง อย่ามาฝึกโปรแกรมกีฬา ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งแล้วคิดว่าได้สุขภาพกลับบ้านนั้นไม่ใช่สำหรับหมอใบไม้ขอสำทับต่อ หากการเล่นกีฬาหนักๆ ดีจริง เหตุใดนักกีฬาจึงบาดเจ็บ ทั้งที่กีฬาบางชนิดนักกีฬาไม่ต้องปะทะกับฝ่ายตรงข้ามเลย วิ่งเช่นเดียวกัน
วันนี้คุณวิ่งกันเกินพอดี วิ่งมากไปหรือเปล่า มองเพื่อนรอบข้างเป็นอุทาหรณ์ หากคุณอยากมีหัวเข่าใช้จนแก่เฒ่า ก็วิ่งให้มันพอดี หรือก็ยังมีกีฬาอื่นอีกมากมายให้เล่น ผมเสียเพื่อนไปหลายคนจากการคลั่งไคล้ใน การวิ่ง เพื่อนอีกหลายคนชอบเล่นกีฬาหนักๆ และเขาเหล่านั้นอยู่ในสภาพคนพิการ เดินไม่ได้ บางรายถือไม้เท้า บางรายปากเบี้ยวพูดไม่ชัด โทษจากการวิ่งเกินพอดี หรือวิ่งมากไปยังมีอีกมาก
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/31516 
ระวัง!! วิ่งมากไป...ได้ไม่เท่าเสีย
วิ่งมากเกินไปทำอย่างไรท่านก็ไม่ได้สุขภาพแน่นอน การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่ควรวิ่งนานเกิน 30 นาที ส่วนระยะทางนั้นไม่เกี่ยวข้อง เรื่องของสถิติเวลายิ่งไม่ต้องสนใจเลย ในการวิ่งเพียง 30 นาที ระบบการทำงานของปอด หัวใจ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และทั้งระบบของร่างกาย สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครเป็นอะไรจะหายได้ มีคนเป็นโรคกะเพาะ ปวดท้องทุกวันไปวิ่งยังหายเลย เป็นภูมิแพ้ จะหายใจได้ดีขึ้นจนภูมิแพ้มันยอมแพ้ไปเอง การวิ่งเพียงเท่านี้สามารถป้องกันโรคหัวใจได้ แต่วิ่งมากเกินไปคุณอาจเสียชีวิตในหน้าที่คือสิ้นลมกลางทางระหว่างที่วิ่งได้
มีผู้ป่วยรายหนึ่งมาพบ เล่าว่า เป็นคนวิ่งเก่งมาก วิ่งไม่รู้จักเหนื่อย ก่อนหน้าไม่เคยสนใจการวิ่งเลย แล้วจู่ๆ ได้ไปฟังคุณหมอดังรายหนึ่ง ไม่ขอเอ่ยนาม ท่านเคยมีตำแหน่งทางการเมืองด้วยสิ แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านพูดชาวบ้านต้องเชื่อท่านบรรยายสรรพคุณการวิ่งฟังแล้วคล้อยตามทันที นักวิ่งรายนี้เชื่อในข้อมูลที่ดีเหลือล้นของการวิ่ง จึงลงทุนซื้อรองเท้าราคาแพง เสื้อผ้าต้องระบายอากาศได้ดีตามคำแนะนำแล้วไปวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต บอกยิ่งวิ่งมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่ง และมั่นใจในสุขภาพแน่นอน เพราะความแข็งแรงแสดงออกให้เห็นชัดเจน
ปัจจุบันนักวิ่งรายนี้มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม เดินยังแทบไม่ได้ ถามว่าเอาไหม ตับไตไส้พุงดีแต่สุดท้ายต้องพิการ เห็นชัดว่าได้ไม่เท่าเสีย ในระยะยาว
แชมป์รายการบอสตั้นมาราธอน 3 ปีซ้อน พูดชัดการวิ่งมาราธอน กับสุขภาพเป็นคนละเรื่อง อย่ามาฝึกโปรแกรมกีฬา ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งแล้วคิดว่าได้สุขภาพกลับบ้านนั้นไม่ใช่สำหรับหมอใบไม้ขอสำทับต่อ หากการเล่นกีฬาหนักๆ ดีจริง เหตุใดนักกีฬาจึงบาดเจ็บ ทั้งที่กีฬาบางชนิดนักกีฬาไม่ต้องปะทะกับฝ่ายตรงข้ามเลย วิ่งเช่นเดียวกัน
วันนี้คุณวิ่งกันเกินพอดี วิ่งมากไปหรือเปล่า มองเพื่อนรอบข้างเป็นอุทาหรณ์ หากคุณอยากมีหัวเข่าใช้จนแก่เฒ่า ก็วิ่งให้มันพอดี หรือก็ยังมีกีฬาอื่นอีกมากมายให้เล่น ผมเสียเพื่อนไปหลายคนจากการคลั่งไคล้ใน การวิ่ง เพื่อนอีกหลายคนชอบเล่นกีฬาหนักๆ และเขาเหล่านั้นอยู่ในสภาพคนพิการ เดินไม่ได้ บางรายถือไม้เท้า บางรายปากเบี้ยวพูดไม่ชัด โทษจากการวิ่งเกินพอดี หรือวิ่งมากไปยังมีอีกมาก
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/31516