ก่อนอื่นขอบอกว่า อยากให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กัน เพราะผมก็ต้องการศึกษาไปด้วย
โดยวอนว่า ใครที่อ่านแล้ว คิดต่าง-เห็นต่าง ก็โปรดนำข้อมูลมาที่ท่านเชื่อ มานำเสนอหักล้างกัน ไม่ควรต่อว่ากันลอยๆ
____________________________________________________________________
ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เคลียร์ทุกประเด็นปมวิกฤติราคาพลังงาน พร้อมเปิดใจ อยากถามคนคัดค้านขึ้นราคา LPG ทำไปเพื่อใคร...
นับถอยหลังวิกฤติพลังงานไทย
ส่งสัญญาณเตรียมรับมือ “น้ำมันแพง-ก๊าซแพง-ค่าไฟแพง”
วิกฤติพลังงานที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่สัมผัสได้ใกล้ตัว คือ ราคาพลังงานที่แพงขึ้น ประกอบกับรัฐบาลไม่พยุงราคาก๊าซแอลพีจี หรือก๊าซหุงต้มอีกต่อไป ทำให้ตัวแทนภาคประชาชนออกมาฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอให้คงราคาเดิมไว้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและมองว่า หน่วยงานของรัฐ “ค้ากำไรเกินควร”
ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดมุมมองด้านพลังงาน ถึงเวลาที่เรียกว่าวิกฤติแล้วหรือยัง ความตึงเครียดต่างๆ จะมีทางออกอย่างไร
ไทยรัฐ : จนถึงขณะนี้หลายคนยังประท้วงเรียกร้อง ฟ้องศาล ให้ใช้ราคาแอลพีจีราคาเดิม มีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร
พงษ์ศักดิ์ : ตัวผมเองมีมุมมองเรื่องของก๊าซแอลพีจี เป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศ โดยเฉพาะทั่วโลกแอลพีจีเขาไม่เอามาเป็นเชื้อเพลิง เพราะว่ามีสาร ซี 2 และซี 3 ที่เหมาะไปทำปิโตรเคมี มีมูลค่าเพิ่มมหาศาล ทุกวันนี้ประเทศของเราเติบโตได้ด้วยอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มาทำพลาสติก ทำอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมูลค่าเติบโตต่อกิโลกรัมของแอลพีจี เพิ่มเป็น 30,000-1 แสนบาทต่อกิโลกรัม มูลค่าเพิ่มมหาศาลมาก หลายประเทศจึงส่งเสริมนำแอลพีจีไปทำปิโตรเคมี
แต่ประเทศเราตอนที่พบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยครั้งแรก เราใช้ทำปิโตรเคมีเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เอามาใช้เป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดความเคยชิน แต่ปัจจุบันก๊าซมันแพงขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด โครงสร้างราคามันผิดปกติ ก๊าซหุงต้มราคาถูก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ภาคขนส่งแพงขึ้นมา 24.82 บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแพงกว่า 30 บาทต่อกิโลกรัม พอโครงสร้างราคาเปลี่ยนแปลง จึงเกิดการลักลอบนำก๊าซฯ จากภาคครัวเรือนไปจำหน่ายในภาคอื่น เช่น นำไปจำหน่ายภาคอุตสาหกรรมแตกต่างกัน 12 บาท ยิ่งนำไปประเทศเพื่อนบ้านขายกิโลกรัมละ 40-47 บาท ราคาแตกต่างกันเกิน 20 บาท เพราะฉะนั้นการนำก๊าซหุงต้มถังหนึ่ง (15 กิโลกรัม) ไปขายต่างประเทศ กำไรถังหนึ่ง 300 บาท วันหนึ่งไม่ต้องมาก 10 ถังก็ 3,000 บาท ตรงนี้เป็นประเด็นใหญ่
นอกจากนี้ ประเด็นที่สอง เงินที่อุดหนุนให้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด เงินที่มาจากคนใช้น้ำมัน เช่น น้ำมันเบนซินเก็บลิตรละประมาณ 10 บาท มาจ่ายชดเชยให้ก๊าซแอลพีจี คนใช้น้ำมันต้องใช้ในราคาแพงขึ้น ในราคา 40 บาท แต่ถ้าไม่ต้องเก็บกองทุนฯ ก็สามารถขายได้ในราคา 30 บาท วันนึงใช้น้ำมันในจำนวนหนึ่ง ทานข้าวโดยใช้แอลพีจีจำนวนหนึ่ง หักลบแล้วยังเสียกองทุนมากกว่า เพราะส่วนหนึ่งมีคนลักลอบไปใช้ผิดประเภท ซึ่งผมถือว่าไม่เหมาะสม
ไทยรัฐ : เหมือนให้คนกลุ่มใช้น้ำมัน ไปอุ้มกลุ่มคนที่ใช้ก๊าซ
พงษ์ศักดิ์ : ทีนี้ผมดูแล้วว่าวิธีการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี เราเป็นห่วงคนจน เลยให้ใช้ราคาเดิม แต่ว่าการจำกัดให้ใช้ราคาเดิมทำให้เราสามารถกำกับดูแลได้เฉพาะกลุ่ม จากทั้งหมด 18 ล้านครัวเรือน เราดูแล 7.6 ล้านครัวเรือน ให้ใช้ราคาเดิม เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนี้ไม่กระทบแน่นอน จะมีผลกระทบเฉพาะคนรวยที่เหลืออยู่ ถามว่า คนรวยเดือดร้อนหรือไม่ ไม่เดือดร้อนหรอกครับ เพราะอาหารจานเดียวขึ้นมาจานละไม่ถึง 1 บาท เขาเอาไปใช้อะไรมากกว่านั้นอีก จากการวิเคราะห์คนรวยก็ไม่กระทบ กระทบเฉพาะคนลักลอบนำก๊าซฯ ไปขายผิดประเภท หรือ ลักลอบนำก๊าซฯ ไปขายเท่านั้น
ผมถามคนที่คัดค้าน ตกลงที่คัดค้านเนี่ย คุณทำเพื่อใคร แต่ก็เป็นสิทธิของคนคัดค้าน ก็ว่าไป เพราะบางคนก็จะหาเสียงเพื่อจะลงเลือกตั้งต่อไปในอนาคต ก็ต้องปล่อยเขาทำไป หน้าที่ของเราก็คือ ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ
หลังจากที่ขึ้นราคามาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน เราก็สอบถามความคิดเห็นประชาชนทั่วไป ว่ามีผลกระทบยังไง พลังงานจังหวัดหลายจังหวัดไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับสิทธิใช้ก๊าซราคาเดิม ซึ่งใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วย ส่วนใหญ่ตอบว่า ทำไมไม่ไปจดทะเบียน เขาตอบว่า ไม่ไปจดทะเบียนหรอก ก๊าซถังหนึ่งใช้ตั้ง 3 เดือน ขึ้นเดือนละ 1 บาท ไม่กระทบ ไม่อยากไปจดยุ่งยาก พลังงานจังหวัดก็อธิบายไปว่า ขึ้นทะเบียนง่ายไม่ยาก แต่ก็ไม่อยากจะทำ บางคนเอาใบเสร็จที่มีรหัสขึ้นทะเบียนโยนทิ้งด้วยซ้ำไป ซึ่งการขึ้นทะเบียนก็ทำได้ง่ายๆ เหมือนเติมเงินโทรศัพท์มือถือ แล้วรอตอบกลับมา ซึ่งประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่เข้าใจ ผมก็อยากขอร้องให้ไปจดทะเบียนเถอะ เพราะนานๆ เข้ามันอาจจะสูงขึ้น เขาก็บอกว่า เขากลัวจะมาจัดเก็บภาษี ลงทะเบียนแล้วใช้ก๊าซราคาเดิม แต่ในอนาคตอาจจะมีหลักฐาน มาเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ถึงยืนยันว่าไม่ไปเก็บหรอก แต่แม่ค้าก็บอกว่าคนละหน่วยงานกัน ถ้าสรรพากรมาเก็บจะช่วยได้ยังไง
ไทยรัฐ : ตอนนี้ถึงครึ่งหรือยัง คนที่มาลงทะเบียนรับสิทธิ
พงษ์ศักดิ์ : ก็มีมาจดทะเบียน แต่ยังไม่ถึงครึ่งหรอกครับ แต่ว่าช่วงแรกขึ้น 50 สต. อาจจะน้อย ไม่กระทบยังไม่รู้สึกอะไร แต่ระหว่างขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละ 50 สต. เขาอาจจะทยอยมาจดทะเบียนก็ได้ เพราะยังส่งเลขรหัสไปทุกเดือน อาจเปลี่ยนใจก็ยังใช้ทัน อย่างคนมีรายได้น้อย ใช้ก๊าซถึงละ 3 เดือน อาจซื้อเดือนหน้าก็ได้ ก็ยังมีเวลาอยู่ ยังส่งไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่ปิดกั้นว่า หมดเขตจดทะเบียนเมื่อไหร่ เพราะเราได้เตรียมพร้อมมา 6 เดือน ก็คิดว่าน่าจะพร้อม
ไทยรัฐ : แล้วตอนนี้ยังมีอะไรติดขัดขลุกขลัก
พงษ์ศักดิ์: เรื่องขลุกขลักตอนนี้ไม่มี แม้แรกๆ จะขลุกขลักเรื่องกดรหัส แต่ตอนหลังได้ร้านค้าแก๊สมาช่วยกดให้ ก็ทำให้วิธีการนี้เร็วขึ้น เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
ไทยรัฐ : กลุ่มคนที่คัดค้านเขาก็นำโครงสร้างต้นทุนพลังงานมาชำแหละ ทำให้ประชาชนเห็นว่า ต้นทุนค่าก๊าซบ้านเราไม่ได้แพงอย่างที่เห็น และน่าจะใช้ถูกกว่านี้ ความเป็นจริงเป็นอย่างนี้มั้ย
พงษ์ศักดิ์ : ต้นทุนก๊าซการนำเสนอมักจะถูกตัดต่อ เช่น ก๊าซครัวเรือน ราคา 18.13 บาท จริงๆ เนื้อก๊าซแค่ 10 บาท บวกภาษีเทศบาล ภาษีสรรพสามิต ค่าการตลาด ค่าขนส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็เลยมีราคาเพิ่มขึ้น 8 บาท จึงขาย 18.13 บาท ทีนี้โครงสร้างของปิโตรเคมี เริ่มที่ 17 บาท แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของราคาคำนวณก๊าซจากอ่าวไทย แต่ต้องเฉลี่ยราคาก๊าซที่นำเข้า ตกที่ 22-24 บาท ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นปัญหา เพราะเขาบอกว่า ก๊าซอุตสาหกรรมอื่นอยู่ที่ 30 บาท แต่ขายก๊าซปิโตรเคมีถูกกว่า ซึ่งข้อเท็จจริง ก๊าซในอุตสาหกรรมอื่นๆ เริ่มที่ 10 บาท นอกจากบวกภาษีแล้ว ยังบวกการไปเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง เพราะก๊าซแอลพีจี ถือว่า เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติไปทำปิโตรเคมี ได้ประโยชน์มากกว่าการไปเผาทิ้ง จึงเก็บเงินเข้ากองทุน 10 บาท ก็เลยแพงขึ้น เพราะภาษีและเก็บเข้ากองทุน ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้ ปตท. อยู่ระหว่างทำข้อมูลชี้แจงทางโทรทัศน์ โดยนำผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาอธิบายให้คนเข้าใจ โดยคาดว่า จะสามารถออกอากาศได้เร็วๆ นี้ โดยจะแยกเป็นเรื่องๆ เช่น แอลพีจีก็เรื่องหนึ่ง เรื่องก๊าซปิโตรเคมีก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะทุกวันนี้ยังมีการนำเรื่องการให้สัมปทานปิโตรเลียม จำหน่ายน้ำมันราคาไม่เท่ากัน ออกมาโจมตี เพราะการให้ข้อมูลและการตัดต่อข้อมูลมันทำให้คนหลงเข้าใจผิดง่าย ซึ่งยืนยันว่า การทำงานโดยรัฐมีการตรวจสอบเยอะ มีทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษี ซึ่งต้องตรวจสอบ ปตท. อย่างละเอียด การหลีกเลี่ยง หรือ ไปทำความเสียหาย มีกฎหมายควบคุม ปตท. เอง เคยได้รับรางวัล Good Governance ถ้าทำอะไรผิดกฎหมาย ก็จะถูกถอด แล้วยังถูกลงโทษตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
ไทยรัฐ : ในอุตสาหกรรมนี้ยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกไหม
พงษ์ศักดิ์ : อุตสาหกรรมนี้ยังน่าเป็นห่วงมาก เพราะราคาก๊าซที่เราพูดถึง เราใช้ราคาก๊าซในอ่าวไทย แล้วก็ตั้งราคาที่ 18.13 บาท คิดต้นทุนก๊าซที่ราคา 333 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปัจจุบันโรงแยกก๊าซที่นำก๊าซจากอ่าวไทยมาผลิต มีต้นทุนราคาก๊าซที่ 550 ดอลลาร์ ทุกวันนี้ ปตท. ยังขาดทุนอยู่ 200 กว่าดอลลาร์ ซึ่งการขึ้นราคาครั้งนี้ไม่ได้ไปช่วย ปตท. แต่เป็นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ขาดทุนน้อยลง ปตท. ยังได้ราคาก๊าซที่ 333 ดอลลาร์เท่าเดิม
แต่ประเด็นที่จะพูดต่อไป คือ สัมปทานก๊าซในอ่าวไทย กำลังจะหมดสัมปทานในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ถ้าไม่ต่อสัมปทานให้ ผู้ที่มีสัญญาสัมปทานก็ไม่ขุดเจาะ ก็จะเกิดการสำรวจหาแหล่งก๊าซเพิ่มเติมบริเวณที่เคยพบก๊าซอยู่แล้วต้องใช้เงินมาก ก็มีคนโต้เถียงกันเยอะว่า การให้สัมปทานเหล่านี้ควรจะคิดเปอร์เซ็นต์ หรือ สัดส่วนเพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็ให้พับบลิกโต้เถียงกันอยู่ว่ารูปแบบควรเป็นอย่างไร ปัญหาโรงแยกก๊าซที่ 7 ที่ควรสร้างเนี่ย มันสร้างไม่ได้ เพราะก๊าซในอ่าวไทยลดน้อยถอยลง ซึ่งถ้าถึงวันนั้นก๊าซลดลงตามแผนที่คาดไว้ โดยไม่มีสำรวจเพิ่มขึ้น เราต้องใช้ราคาก๊าซตามตลาดโลก ราคาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เช่น ประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้ก๊าซในราคากว่า 40 บาท แม้กระทั่งมาเลเซียเอง ก็ยังใช้ก๊าซในราคา 20 บาท แพงกว่าที่เราให้คนรายได้น้อยที่ 18 บาท
ไทยรัฐ: เพราะฉะนั้นที่น่าห่วง คือ ถ้า 5-6 ปีข้างหน้า ไม่มีการสำรวจแหล่งใหม่ก็น่าจะหมด คราวนี้ต้องนำเข้าทั้งหมด เป็นปัญหาใหญ่
พงษ์ศักดิ์: ปัญหารวมไม่เฉพาะแอลพีจี แต่ปัญหานี้รวมถึงค่าไฟฟ้า เพราะไฟฟ้าทุกวันนี้ใช้ก๊าซจากอ่าวไทยเป็นหลัก ทำให้ต้นทุนราคาถูก และรัฐก็ดูแลในระดับราคาที่ไม่ให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ถ้าต้นทุนก๊าซที่อ่าวไทยหมดไป ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้นทวีคูณ
ไทยรัฐ : มีทางออกไหม
พงษ์ศักดิ์ : ผมก็เรียนตรงๆ ว่า ดูไม่ออกเหมือนกัน เพราะถ้าต่อสัมปทานก็ไม่รู้ว่ามีก๊าซเพียงพอหรือไม่ วิธีการเดียวก็คือการเปลี่ยนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซ เป็นแหล่งพลังงานชนิดอื่น อย่างเช่น ถ่านหิน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะสร้างความเข้าใจและกระบวนการเรียนรู้ ให้ประชาชนเข้าใจโรงไฟฟ้าถ่านหินแบบใหม่ ที่เขาเรียกว่า ถ่านหินสะอาด (Green Coal Power Plant) ซึ่งมีการเผาไหม้หมด มีผลต่อคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างน้อย มีผลในการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SOx) และมลภาวะน้อยมาก ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานเยอะ ในอดีตอาจเจอเรื่องแม่เมาะทำให้คนกลัว แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนแปลงเยอะ เราก็พยายามก็นำคนไปเยี่ยมโรงไฟฟ้าต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เห็นของจริง
ไทยรัฐ : เรื่องก๊าซวิกฤติอาจใช้เวลา 5-6 ปี แต่น้ำมันน่าจะเกิดเร็วกว่า
พงษ์ศักดิ์ : น้ำมันห่วงระยะสั้น ปีนี้สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังไม่มั่นคง โดยเฉพาะแผนโจมตีซีเรีย สหรัฐอเมริกามีความมุ่งมั่นมาก จากการใช้ก๊าซพิษจนมีคนเสียชีวิตนับพันคน จึงเชื่อว่า การโจมตีน่าจะเกิดขึ้น แต่วงการโจมตีหากเป็นไปตามที่สหรัฐฯกำหนดไว้ ผลกระทบคงไม่มาก ราคาน้ำมันดิบคงเพิ่มขึ้นไม่มากไปอยู่ที่ 120-130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่ถ้าเกิดขยายวงในการต่อสู้ เกิดความขัดแย้งบานปลาย ตอนนั้นเราอาจคุมไม่อยู่ เพราะเรายังขาดการสำรองน้ำมัน ราคาขึ้นไปมีผลกระทบใหญ่ ไม่แน่ใจว่า กระทบต่อความเป็นอยู่อย่างไร อาจต้องใช้วิธีประหยัดน้ำมันกันด้วยซ้ำ ตอนนี้เรายังสำรองกันที่ 36 วัน ถือว่าน้อยมาก
ไทยรัฐ : แต่ว่าประเด็นมันอยู่ที่ดีเซลด้วย
พงษ์ศักดิ์ : ดีเซลตอนนี้กองทุนต้องจ่ายเงินไปอุดหนุนไม่ให้เกิน 30 บาท กองทุนมีแนวโน้มติดลบไปเรื่อยๆ ก็ไม่แน่ใจว่า ถึงสิ้นปีนี้ กองทุนจะรับภาระได้ขนาดไหน ซึ่งก็เป็นข้อกังวล บ้านเราไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมัน อย่าไปฟังคำหลอกลวงนะครับว่าเราผลิตน้ำมันได้วันละ 1 ล้านบาร์เรล ไม่จริงครับ เราผลิตได้ 145,000 บาร์เรลต่อวันเท่านั้น ดังนั้น การนำเข้าน้ำมันเป็นเรื่องใหญ่
รมว.พลังงาน ถามจากใจ ค้านขึ้นLPG ทำไปเพื่อใคร?
ก่อนอื่นขอบอกว่า อยากให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กัน เพราะผมก็ต้องการศึกษาไปด้วย
โดยวอนว่า ใครที่อ่านแล้ว คิดต่าง-เห็นต่าง ก็โปรดนำข้อมูลมาที่ท่านเชื่อ มานำเสนอหักล้างกัน ไม่ควรต่อว่ากันลอยๆ
____________________________________________________________________
ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เคลียร์ทุกประเด็นปมวิกฤติราคาพลังงาน พร้อมเปิดใจ อยากถามคนคัดค้านขึ้นราคา LPG ทำไปเพื่อใคร...
นับถอยหลังวิกฤติพลังงานไทย
ส่งสัญญาณเตรียมรับมือ “น้ำมันแพง-ก๊าซแพง-ค่าไฟแพง”
วิกฤติพลังงานที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่สัมผัสได้ใกล้ตัว คือ ราคาพลังงานที่แพงขึ้น ประกอบกับรัฐบาลไม่พยุงราคาก๊าซแอลพีจี หรือก๊าซหุงต้มอีกต่อไป ทำให้ตัวแทนภาคประชาชนออกมาฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอให้คงราคาเดิมไว้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและมองว่า หน่วยงานของรัฐ “ค้ากำไรเกินควร”
ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดมุมมองด้านพลังงาน ถึงเวลาที่เรียกว่าวิกฤติแล้วหรือยัง ความตึงเครียดต่างๆ จะมีทางออกอย่างไร
ไทยรัฐ : จนถึงขณะนี้หลายคนยังประท้วงเรียกร้อง ฟ้องศาล ให้ใช้ราคาแอลพีจีราคาเดิม มีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร
พงษ์ศักดิ์ : ตัวผมเองมีมุมมองเรื่องของก๊าซแอลพีจี เป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศ โดยเฉพาะทั่วโลกแอลพีจีเขาไม่เอามาเป็นเชื้อเพลิง เพราะว่ามีสาร ซี 2 และซี 3 ที่เหมาะไปทำปิโตรเคมี มีมูลค่าเพิ่มมหาศาล ทุกวันนี้ประเทศของเราเติบโตได้ด้วยอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มาทำพลาสติก ทำอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมูลค่าเติบโตต่อกิโลกรัมของแอลพีจี เพิ่มเป็น 30,000-1 แสนบาทต่อกิโลกรัม มูลค่าเพิ่มมหาศาลมาก หลายประเทศจึงส่งเสริมนำแอลพีจีไปทำปิโตรเคมี
แต่ประเทศเราตอนที่พบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยครั้งแรก เราใช้ทำปิโตรเคมีเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เอามาใช้เป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดความเคยชิน แต่ปัจจุบันก๊าซมันแพงขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด โครงสร้างราคามันผิดปกติ ก๊าซหุงต้มราคาถูก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ภาคขนส่งแพงขึ้นมา 24.82 บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแพงกว่า 30 บาทต่อกิโลกรัม พอโครงสร้างราคาเปลี่ยนแปลง จึงเกิดการลักลอบนำก๊าซฯ จากภาคครัวเรือนไปจำหน่ายในภาคอื่น เช่น นำไปจำหน่ายภาคอุตสาหกรรมแตกต่างกัน 12 บาท ยิ่งนำไปประเทศเพื่อนบ้านขายกิโลกรัมละ 40-47 บาท ราคาแตกต่างกันเกิน 20 บาท เพราะฉะนั้นการนำก๊าซหุงต้มถังหนึ่ง (15 กิโลกรัม) ไปขายต่างประเทศ กำไรถังหนึ่ง 300 บาท วันหนึ่งไม่ต้องมาก 10 ถังก็ 3,000 บาท ตรงนี้เป็นประเด็นใหญ่
นอกจากนี้ ประเด็นที่สอง เงินที่อุดหนุนให้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด เงินที่มาจากคนใช้น้ำมัน เช่น น้ำมันเบนซินเก็บลิตรละประมาณ 10 บาท มาจ่ายชดเชยให้ก๊าซแอลพีจี คนใช้น้ำมันต้องใช้ในราคาแพงขึ้น ในราคา 40 บาท แต่ถ้าไม่ต้องเก็บกองทุนฯ ก็สามารถขายได้ในราคา 30 บาท วันนึงใช้น้ำมันในจำนวนหนึ่ง ทานข้าวโดยใช้แอลพีจีจำนวนหนึ่ง หักลบแล้วยังเสียกองทุนมากกว่า เพราะส่วนหนึ่งมีคนลักลอบไปใช้ผิดประเภท ซึ่งผมถือว่าไม่เหมาะสม
ไทยรัฐ : เหมือนให้คนกลุ่มใช้น้ำมัน ไปอุ้มกลุ่มคนที่ใช้ก๊าซ
พงษ์ศักดิ์ : ทีนี้ผมดูแล้วว่าวิธีการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี เราเป็นห่วงคนจน เลยให้ใช้ราคาเดิม แต่ว่าการจำกัดให้ใช้ราคาเดิมทำให้เราสามารถกำกับดูแลได้เฉพาะกลุ่ม จากทั้งหมด 18 ล้านครัวเรือน เราดูแล 7.6 ล้านครัวเรือน ให้ใช้ราคาเดิม เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนี้ไม่กระทบแน่นอน จะมีผลกระทบเฉพาะคนรวยที่เหลืออยู่ ถามว่า คนรวยเดือดร้อนหรือไม่ ไม่เดือดร้อนหรอกครับ เพราะอาหารจานเดียวขึ้นมาจานละไม่ถึง 1 บาท เขาเอาไปใช้อะไรมากกว่านั้นอีก จากการวิเคราะห์คนรวยก็ไม่กระทบ กระทบเฉพาะคนลักลอบนำก๊าซฯ ไปขายผิดประเภท หรือ ลักลอบนำก๊าซฯ ไปขายเท่านั้น
ผมถามคนที่คัดค้าน ตกลงที่คัดค้านเนี่ย คุณทำเพื่อใคร แต่ก็เป็นสิทธิของคนคัดค้าน ก็ว่าไป เพราะบางคนก็จะหาเสียงเพื่อจะลงเลือกตั้งต่อไปในอนาคต ก็ต้องปล่อยเขาทำไป หน้าที่ของเราก็คือ ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ
หลังจากที่ขึ้นราคามาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน เราก็สอบถามความคิดเห็นประชาชนทั่วไป ว่ามีผลกระทบยังไง พลังงานจังหวัดหลายจังหวัดไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับสิทธิใช้ก๊าซราคาเดิม ซึ่งใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วย ส่วนใหญ่ตอบว่า ทำไมไม่ไปจดทะเบียน เขาตอบว่า ไม่ไปจดทะเบียนหรอก ก๊าซถังหนึ่งใช้ตั้ง 3 เดือน ขึ้นเดือนละ 1 บาท ไม่กระทบ ไม่อยากไปจดยุ่งยาก พลังงานจังหวัดก็อธิบายไปว่า ขึ้นทะเบียนง่ายไม่ยาก แต่ก็ไม่อยากจะทำ บางคนเอาใบเสร็จที่มีรหัสขึ้นทะเบียนโยนทิ้งด้วยซ้ำไป ซึ่งการขึ้นทะเบียนก็ทำได้ง่ายๆ เหมือนเติมเงินโทรศัพท์มือถือ แล้วรอตอบกลับมา ซึ่งประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่เข้าใจ ผมก็อยากขอร้องให้ไปจดทะเบียนเถอะ เพราะนานๆ เข้ามันอาจจะสูงขึ้น เขาก็บอกว่า เขากลัวจะมาจัดเก็บภาษี ลงทะเบียนแล้วใช้ก๊าซราคาเดิม แต่ในอนาคตอาจจะมีหลักฐาน มาเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ถึงยืนยันว่าไม่ไปเก็บหรอก แต่แม่ค้าก็บอกว่าคนละหน่วยงานกัน ถ้าสรรพากรมาเก็บจะช่วยได้ยังไง
ไทยรัฐ : ตอนนี้ถึงครึ่งหรือยัง คนที่มาลงทะเบียนรับสิทธิ
พงษ์ศักดิ์ : ก็มีมาจดทะเบียน แต่ยังไม่ถึงครึ่งหรอกครับ แต่ว่าช่วงแรกขึ้น 50 สต. อาจจะน้อย ไม่กระทบยังไม่รู้สึกอะไร แต่ระหว่างขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละ 50 สต. เขาอาจจะทยอยมาจดทะเบียนก็ได้ เพราะยังส่งเลขรหัสไปทุกเดือน อาจเปลี่ยนใจก็ยังใช้ทัน อย่างคนมีรายได้น้อย ใช้ก๊าซถึงละ 3 เดือน อาจซื้อเดือนหน้าก็ได้ ก็ยังมีเวลาอยู่ ยังส่งไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่ปิดกั้นว่า หมดเขตจดทะเบียนเมื่อไหร่ เพราะเราได้เตรียมพร้อมมา 6 เดือน ก็คิดว่าน่าจะพร้อม
ไทยรัฐ : แล้วตอนนี้ยังมีอะไรติดขัดขลุกขลัก
พงษ์ศักดิ์: เรื่องขลุกขลักตอนนี้ไม่มี แม้แรกๆ จะขลุกขลักเรื่องกดรหัส แต่ตอนหลังได้ร้านค้าแก๊สมาช่วยกดให้ ก็ทำให้วิธีการนี้เร็วขึ้น เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
ไทยรัฐ : กลุ่มคนที่คัดค้านเขาก็นำโครงสร้างต้นทุนพลังงานมาชำแหละ ทำให้ประชาชนเห็นว่า ต้นทุนค่าก๊าซบ้านเราไม่ได้แพงอย่างที่เห็น และน่าจะใช้ถูกกว่านี้ ความเป็นจริงเป็นอย่างนี้มั้ย
พงษ์ศักดิ์ : ต้นทุนก๊าซการนำเสนอมักจะถูกตัดต่อ เช่น ก๊าซครัวเรือน ราคา 18.13 บาท จริงๆ เนื้อก๊าซแค่ 10 บาท บวกภาษีเทศบาล ภาษีสรรพสามิต ค่าการตลาด ค่าขนส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็เลยมีราคาเพิ่มขึ้น 8 บาท จึงขาย 18.13 บาท ทีนี้โครงสร้างของปิโตรเคมี เริ่มที่ 17 บาท แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของราคาคำนวณก๊าซจากอ่าวไทย แต่ต้องเฉลี่ยราคาก๊าซที่นำเข้า ตกที่ 22-24 บาท ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นปัญหา เพราะเขาบอกว่า ก๊าซอุตสาหกรรมอื่นอยู่ที่ 30 บาท แต่ขายก๊าซปิโตรเคมีถูกกว่า ซึ่งข้อเท็จจริง ก๊าซในอุตสาหกรรมอื่นๆ เริ่มที่ 10 บาท นอกจากบวกภาษีแล้ว ยังบวกการไปเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง เพราะก๊าซแอลพีจี ถือว่า เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติไปทำปิโตรเคมี ได้ประโยชน์มากกว่าการไปเผาทิ้ง จึงเก็บเงินเข้ากองทุน 10 บาท ก็เลยแพงขึ้น เพราะภาษีและเก็บเข้ากองทุน ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้ ปตท. อยู่ระหว่างทำข้อมูลชี้แจงทางโทรทัศน์ โดยนำผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาอธิบายให้คนเข้าใจ โดยคาดว่า จะสามารถออกอากาศได้เร็วๆ นี้ โดยจะแยกเป็นเรื่องๆ เช่น แอลพีจีก็เรื่องหนึ่ง เรื่องก๊าซปิโตรเคมีก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะทุกวันนี้ยังมีการนำเรื่องการให้สัมปทานปิโตรเลียม จำหน่ายน้ำมันราคาไม่เท่ากัน ออกมาโจมตี เพราะการให้ข้อมูลและการตัดต่อข้อมูลมันทำให้คนหลงเข้าใจผิดง่าย ซึ่งยืนยันว่า การทำงานโดยรัฐมีการตรวจสอบเยอะ มีทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษี ซึ่งต้องตรวจสอบ ปตท. อย่างละเอียด การหลีกเลี่ยง หรือ ไปทำความเสียหาย มีกฎหมายควบคุม ปตท. เอง เคยได้รับรางวัล Good Governance ถ้าทำอะไรผิดกฎหมาย ก็จะถูกถอด แล้วยังถูกลงโทษตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
ไทยรัฐ : ในอุตสาหกรรมนี้ยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกไหม
พงษ์ศักดิ์ : อุตสาหกรรมนี้ยังน่าเป็นห่วงมาก เพราะราคาก๊าซที่เราพูดถึง เราใช้ราคาก๊าซในอ่าวไทย แล้วก็ตั้งราคาที่ 18.13 บาท คิดต้นทุนก๊าซที่ราคา 333 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปัจจุบันโรงแยกก๊าซที่นำก๊าซจากอ่าวไทยมาผลิต มีต้นทุนราคาก๊าซที่ 550 ดอลลาร์ ทุกวันนี้ ปตท. ยังขาดทุนอยู่ 200 กว่าดอลลาร์ ซึ่งการขึ้นราคาครั้งนี้ไม่ได้ไปช่วย ปตท. แต่เป็นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ขาดทุนน้อยลง ปตท. ยังได้ราคาก๊าซที่ 333 ดอลลาร์เท่าเดิม
แต่ประเด็นที่จะพูดต่อไป คือ สัมปทานก๊าซในอ่าวไทย กำลังจะหมดสัมปทานในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ถ้าไม่ต่อสัมปทานให้ ผู้ที่มีสัญญาสัมปทานก็ไม่ขุดเจาะ ก็จะเกิดการสำรวจหาแหล่งก๊าซเพิ่มเติมบริเวณที่เคยพบก๊าซอยู่แล้วต้องใช้เงินมาก ก็มีคนโต้เถียงกันเยอะว่า การให้สัมปทานเหล่านี้ควรจะคิดเปอร์เซ็นต์ หรือ สัดส่วนเพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็ให้พับบลิกโต้เถียงกันอยู่ว่ารูปแบบควรเป็นอย่างไร ปัญหาโรงแยกก๊าซที่ 7 ที่ควรสร้างเนี่ย มันสร้างไม่ได้ เพราะก๊าซในอ่าวไทยลดน้อยถอยลง ซึ่งถ้าถึงวันนั้นก๊าซลดลงตามแผนที่คาดไว้ โดยไม่มีสำรวจเพิ่มขึ้น เราต้องใช้ราคาก๊าซตามตลาดโลก ราคาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เช่น ประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้ก๊าซในราคากว่า 40 บาท แม้กระทั่งมาเลเซียเอง ก็ยังใช้ก๊าซในราคา 20 บาท แพงกว่าที่เราให้คนรายได้น้อยที่ 18 บาท
ไทยรัฐ: เพราะฉะนั้นที่น่าห่วง คือ ถ้า 5-6 ปีข้างหน้า ไม่มีการสำรวจแหล่งใหม่ก็น่าจะหมด คราวนี้ต้องนำเข้าทั้งหมด เป็นปัญหาใหญ่
พงษ์ศักดิ์: ปัญหารวมไม่เฉพาะแอลพีจี แต่ปัญหานี้รวมถึงค่าไฟฟ้า เพราะไฟฟ้าทุกวันนี้ใช้ก๊าซจากอ่าวไทยเป็นหลัก ทำให้ต้นทุนราคาถูก และรัฐก็ดูแลในระดับราคาที่ไม่ให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ถ้าต้นทุนก๊าซที่อ่าวไทยหมดไป ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้นทวีคูณ
ไทยรัฐ : มีทางออกไหม
พงษ์ศักดิ์ : ผมก็เรียนตรงๆ ว่า ดูไม่ออกเหมือนกัน เพราะถ้าต่อสัมปทานก็ไม่รู้ว่ามีก๊าซเพียงพอหรือไม่ วิธีการเดียวก็คือการเปลี่ยนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซ เป็นแหล่งพลังงานชนิดอื่น อย่างเช่น ถ่านหิน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะสร้างความเข้าใจและกระบวนการเรียนรู้ ให้ประชาชนเข้าใจโรงไฟฟ้าถ่านหินแบบใหม่ ที่เขาเรียกว่า ถ่านหินสะอาด (Green Coal Power Plant) ซึ่งมีการเผาไหม้หมด มีผลต่อคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างน้อย มีผลในการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SOx) และมลภาวะน้อยมาก ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานเยอะ ในอดีตอาจเจอเรื่องแม่เมาะทำให้คนกลัว แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนแปลงเยอะ เราก็พยายามก็นำคนไปเยี่ยมโรงไฟฟ้าต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เห็นของจริง
ไทยรัฐ : เรื่องก๊าซวิกฤติอาจใช้เวลา 5-6 ปี แต่น้ำมันน่าจะเกิดเร็วกว่า
พงษ์ศักดิ์ : น้ำมันห่วงระยะสั้น ปีนี้สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังไม่มั่นคง โดยเฉพาะแผนโจมตีซีเรีย สหรัฐอเมริกามีความมุ่งมั่นมาก จากการใช้ก๊าซพิษจนมีคนเสียชีวิตนับพันคน จึงเชื่อว่า การโจมตีน่าจะเกิดขึ้น แต่วงการโจมตีหากเป็นไปตามที่สหรัฐฯกำหนดไว้ ผลกระทบคงไม่มาก ราคาน้ำมันดิบคงเพิ่มขึ้นไม่มากไปอยู่ที่ 120-130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่ถ้าเกิดขยายวงในการต่อสู้ เกิดความขัดแย้งบานปลาย ตอนนั้นเราอาจคุมไม่อยู่ เพราะเรายังขาดการสำรองน้ำมัน ราคาขึ้นไปมีผลกระทบใหญ่ ไม่แน่ใจว่า กระทบต่อความเป็นอยู่อย่างไร อาจต้องใช้วิธีประหยัดน้ำมันกันด้วยซ้ำ ตอนนี้เรายังสำรองกันที่ 36 วัน ถือว่าน้อยมาก
ไทยรัฐ : แต่ว่าประเด็นมันอยู่ที่ดีเซลด้วย
พงษ์ศักดิ์ : ดีเซลตอนนี้กองทุนต้องจ่ายเงินไปอุดหนุนไม่ให้เกิน 30 บาท กองทุนมีแนวโน้มติดลบไปเรื่อยๆ ก็ไม่แน่ใจว่า ถึงสิ้นปีนี้ กองทุนจะรับภาระได้ขนาดไหน ซึ่งก็เป็นข้อกังวล บ้านเราไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมัน อย่าไปฟังคำหลอกลวงนะครับว่าเราผลิตน้ำมันได้วันละ 1 ล้านบาร์เรล ไม่จริงครับ เราผลิตได้ 145,000 บาร์เรลต่อวันเท่านั้น ดังนั้น การนำเข้าน้ำมันเป็นเรื่องใหญ่