มีเรื่องมาเล่าเพื่อเป็นข้อควรระวังสำหรับคนที่ชอบทานผักค่ะ ใครจะรู้ว่าผักบางอย่างก็มีพิษที่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิตเราได้ (ขอเล่าละเอียดเพื่อให้นึกภาพตามได้นะคะ) เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาไปเที่ยวเกาะเกร็ดกับเพื่อน ไปเห็นผักสดคล้ายเป็นพลาสติคหน้าตาน่ากิน ป้าคนขายบอกว่าเป็นผักโบราณ ชื่อ "ผักหนาม" มี 3 กำ ๆละ 10 บาท ถามป้าว่าทำอะไรกินได้บ้าง ป้าบอกว่า "ลวกกินกับน้ำพริกได้น้า อร่อยนะ" เราถามต่อว่า ผัดได้ไหมคะ ป้าบอกว่า "ได้" ตัดสินใจทันที เราซื้อเพียง 1 กำ ในขณะที่เพื่อนซื้อไป 2 กำ
วันนั้นประมาณ 2 ทุ่มกว่า เราเอาผักหนาม 1 กำ มาผัดกินแต่ผัดไม่สุกมาก คืนนั้นนอนหลับไปประมาณ 5 ทุ่ม ที่ชั้นล่าง แต่เพราะรู้สึกหนาวจึงลุกขึ้นจะไปนอนที่ชั้นบน จำได้ว่ามองเวลาในมือถือเป็น 03.26 น. ในใจคิดว่าดีจังนอนได้อีกนาน 555
เปิดประตูห้องนอน เดินตรงไปที่เตียง แล้วดึงผ้าแพรคลุมเตียงไปวางที่เตียงข้างๆ แล้วล้มตัวนอน จำได้ว่าต้องหายใจลึกมากๆ และถี่ๆ (เหมือนร่างกายสั่งให้ทำแบบนั้น) หลายๆครั้ง จนหลับไป พอใกล้รุ่งตื่นอีกครั้งพราะรู้สึกหนาว และรู้สึกว่าต้องหายใจลึกมากๆ และถี่ๆ เหมือนเดิม และหลับไป
มารู้สึกตื่นตอน 7 โมงเช้า (ดูเวลาจากมือถือ) จะเข้าห้องน้ำ แต่รู้สึกว่าบนหัวมีอะไรแปลกๆ พอใช้มือซ้ายลูบหัวปรากฏว่ามีเลือดติดมือ (เยอะพอที่จะทำให้ตกใจ) เหลือบเห็นว่ามีครีมขวดใหญ่หล่นลงที่พื้นในห้องนอน แต่เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนและล้างมือที่เปื้อนเลือด ซึ่งตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บหรือมึนงงอะไร
เมื่อเดินกลับมาในห้องนอนอีกครั้ง ไม่มีเลือดบนหมอน หรือที่นอน แต่เห็นว่าโต๊ะวางทีวี (มีล้อ) เลื่อนจากปลายเตียงไปชิดผนังอีกด้าน (ปกติห่างประมาณ 1 ช่วงแขน) และเครื่องสำอางหล่นลงจากโต๊ะเครื่องแป้ง (อยู่ทางขวาของประตูเข้าห้องนอน) กระจายอยู่ที่พื้นใกล้โต๊ะวางทีวี แว๊บแรกเข้าใจว่ามีขโมยเข้ามารึเปล่า แต่เช็คประตูหน้าต่างห้องนอน ทุกอย่างปกติ จึงโทรบอกหลานชาย (พักอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งใกล้ๆ กัน) ว่า หัวแตก แล้วรีบเดินลงมาที่ชั้นล่าง ตอนนี้เริ่มมึน ต้องการยาดม เช็คหน้าต่างและประตูทุกบานของชั้นล่างไม่พบอะไรผิดปกติ และไขกุญแจเปิดประตูบ้าน และรั้วให้หลานชาย
ผลคือ หัวแตกจริงประมาณ 1 ซม ก็มั่นใจว่าเราน่าจะวูบไปตอนเดินเข้าห้องนอนช่วงตี 3 กว่าๆ นั้นแหละ แต่ทำไมเราไม่รู้ตัว...งง เล่าเหตุการณ์ให้หลานฟัง และตั้งข้อสังเกตเรื่องผักหนามกันด้วย แต่ไม่คิดว่าเป็นสาเหตุ วันจันทร์นั้นทั้งวันก็เลยลางานพักผ่อนอยู่บ้าน
แต่เนื่องจากเคยเป็นโรคบ้านหมุนเมื่อ 5 ปีก่อน รุ่งเช้าวันอังคารจึงไปพบหมอที่เคยรักษาโรคบ้านหมุน คุณหมอแนะนำให้ไปเช็คด้านสมอง เล่าเหตุการณ์ให้คุณหมอโรคทางสมองฯ ทราบยกเว้นเรื่องผักหนาม คุณหมอยังแซวว่า เหมือนหนังเลยนะ ต้องจ้างนักสืบไหมเนี่ย และถามว่าเคยเป็นโรคลมชักรึเปล่า นอนดึกติดๆ กันบ้างไหม ซึ่งไม่ใช่ทั้งสองอย่าง จากนั้นคุณหมอแนะนำให้ตรวจ MRI และตรวจคลื่นหัวใจ ระหว่างรอฟังผลการตรวจ พี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อน เผอิญเอ่ยถึงผักหนาม พี่สาวบอกทันทีว่า อย่ากินนะ มันต้องพิถีพิถันเยอะ พี่สาวเคยเจอคนขายบอกว่าอย่าซื้อไปเลย ถ้าไม่เคยกินมาก่อน พวกเราก็เลยเอะใจ จึงถาม อากู๋ ทันที
และพบว่า ข้อควรระวัง: ผักหนาม กินสดไม่ได้ เพราะมียาง ทำให้คันคออย่างมากและมีพิษ เพราะมีสารชื่อ Hydrocyanic acid

อาการของสัตว์ที่เกิดจากสารพิษของกรดไฮโดรไซยานิค คือ กล้ามเนื้อขาดออกซิเจนทำให้หายใจขัด ตัวสั่น ชักกระตุก และอาจถึงตายได้ในรายที่รุนแรง จะแสดงอาการภายใน 10-15 นาที และตายภายใน 2-3 นาที หลังจากแสดงอาการ ระดับต่ำสุดของกรดไฮโดรไซยานิคที่สามารถทำให้เกิดความเป็นพิษต่อสัตว์ คือ 2.315 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และถ้าสัตว์ได้รับปริมาณกรดไฮโดรไซยานิค 4 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จะทำให้เกิดพิษรุนแรงต่อสัตว์ และอาจทำให้สัตว์ตายได้
วันนี้ (17 ก.ย.) ไปฟังผลการตรวจทางสมองและคลื่นหัวใจไม่มีอะไรผิดปกติ แสดงว่าเราไม่ได้วูบจากอาการทางสมองและหัวใจ และเราได้บอกข้อมูลหมอเพิ่มเติมเรื่องผักหนามด้วย ซึ่งหมอบอกว่าอาจจะเป็นไปได้
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แม้ไม่แน่ชัดว่าเกิดจากผักหนาม แต่ทำให้เราต้องระมัดระวังในการกินผักให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักแปลกๆ ที่เราไม่รู้จักและไม่เคยกินมาก่อน หวังว่าเรื่องของเราจะเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่ชอบกินผักได้นะคะ
ถ้าหากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปอ่านได้ที่นี่นะคะ
http://203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/www/Native_veg/v254.html
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=141
หรือคีย์คำว่า "พิษจากผักหนาม"
อุหาหรณ์สำหรับคนชอบทานผัก
วันนั้นประมาณ 2 ทุ่มกว่า เราเอาผักหนาม 1 กำ มาผัดกินแต่ผัดไม่สุกมาก คืนนั้นนอนหลับไปประมาณ 5 ทุ่ม ที่ชั้นล่าง แต่เพราะรู้สึกหนาวจึงลุกขึ้นจะไปนอนที่ชั้นบน จำได้ว่ามองเวลาในมือถือเป็น 03.26 น. ในใจคิดว่าดีจังนอนได้อีกนาน 555
เปิดประตูห้องนอน เดินตรงไปที่เตียง แล้วดึงผ้าแพรคลุมเตียงไปวางที่เตียงข้างๆ แล้วล้มตัวนอน จำได้ว่าต้องหายใจลึกมากๆ และถี่ๆ (เหมือนร่างกายสั่งให้ทำแบบนั้น) หลายๆครั้ง จนหลับไป พอใกล้รุ่งตื่นอีกครั้งพราะรู้สึกหนาว และรู้สึกว่าต้องหายใจลึกมากๆ และถี่ๆ เหมือนเดิม และหลับไป
มารู้สึกตื่นตอน 7 โมงเช้า (ดูเวลาจากมือถือ) จะเข้าห้องน้ำ แต่รู้สึกว่าบนหัวมีอะไรแปลกๆ พอใช้มือซ้ายลูบหัวปรากฏว่ามีเลือดติดมือ (เยอะพอที่จะทำให้ตกใจ) เหลือบเห็นว่ามีครีมขวดใหญ่หล่นลงที่พื้นในห้องนอน แต่เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนและล้างมือที่เปื้อนเลือด ซึ่งตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บหรือมึนงงอะไร
เมื่อเดินกลับมาในห้องนอนอีกครั้ง ไม่มีเลือดบนหมอน หรือที่นอน แต่เห็นว่าโต๊ะวางทีวี (มีล้อ) เลื่อนจากปลายเตียงไปชิดผนังอีกด้าน (ปกติห่างประมาณ 1 ช่วงแขน) และเครื่องสำอางหล่นลงจากโต๊ะเครื่องแป้ง (อยู่ทางขวาของประตูเข้าห้องนอน) กระจายอยู่ที่พื้นใกล้โต๊ะวางทีวี แว๊บแรกเข้าใจว่ามีขโมยเข้ามารึเปล่า แต่เช็คประตูหน้าต่างห้องนอน ทุกอย่างปกติ จึงโทรบอกหลานชาย (พักอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งใกล้ๆ กัน) ว่า หัวแตก แล้วรีบเดินลงมาที่ชั้นล่าง ตอนนี้เริ่มมึน ต้องการยาดม เช็คหน้าต่างและประตูทุกบานของชั้นล่างไม่พบอะไรผิดปกติ และไขกุญแจเปิดประตูบ้าน และรั้วให้หลานชาย
ผลคือ หัวแตกจริงประมาณ 1 ซม ก็มั่นใจว่าเราน่าจะวูบไปตอนเดินเข้าห้องนอนช่วงตี 3 กว่าๆ นั้นแหละ แต่ทำไมเราไม่รู้ตัว...งง เล่าเหตุการณ์ให้หลานฟัง และตั้งข้อสังเกตเรื่องผักหนามกันด้วย แต่ไม่คิดว่าเป็นสาเหตุ วันจันทร์นั้นทั้งวันก็เลยลางานพักผ่อนอยู่บ้าน
แต่เนื่องจากเคยเป็นโรคบ้านหมุนเมื่อ 5 ปีก่อน รุ่งเช้าวันอังคารจึงไปพบหมอที่เคยรักษาโรคบ้านหมุน คุณหมอแนะนำให้ไปเช็คด้านสมอง เล่าเหตุการณ์ให้คุณหมอโรคทางสมองฯ ทราบยกเว้นเรื่องผักหนาม คุณหมอยังแซวว่า เหมือนหนังเลยนะ ต้องจ้างนักสืบไหมเนี่ย และถามว่าเคยเป็นโรคลมชักรึเปล่า นอนดึกติดๆ กันบ้างไหม ซึ่งไม่ใช่ทั้งสองอย่าง จากนั้นคุณหมอแนะนำให้ตรวจ MRI และตรวจคลื่นหัวใจ ระหว่างรอฟังผลการตรวจ พี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อน เผอิญเอ่ยถึงผักหนาม พี่สาวบอกทันทีว่า อย่ากินนะ มันต้องพิถีพิถันเยอะ พี่สาวเคยเจอคนขายบอกว่าอย่าซื้อไปเลย ถ้าไม่เคยกินมาก่อน พวกเราก็เลยเอะใจ จึงถาม อากู๋ ทันที
และพบว่า ข้อควรระวัง: ผักหนาม กินสดไม่ได้ เพราะมียาง ทำให้คันคออย่างมากและมีพิษ เพราะมีสารชื่อ Hydrocyanic acid
อาการของสัตว์ที่เกิดจากสารพิษของกรดไฮโดรไซยานิค คือ กล้ามเนื้อขาดออกซิเจนทำให้หายใจขัด ตัวสั่น ชักกระตุก และอาจถึงตายได้ในรายที่รุนแรง จะแสดงอาการภายใน 10-15 นาที และตายภายใน 2-3 นาที หลังจากแสดงอาการ ระดับต่ำสุดของกรดไฮโดรไซยานิคที่สามารถทำให้เกิดความเป็นพิษต่อสัตว์ คือ 2.315 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และถ้าสัตว์ได้รับปริมาณกรดไฮโดรไซยานิค 4 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จะทำให้เกิดพิษรุนแรงต่อสัตว์ และอาจทำให้สัตว์ตายได้
วันนี้ (17 ก.ย.) ไปฟังผลการตรวจทางสมองและคลื่นหัวใจไม่มีอะไรผิดปกติ แสดงว่าเราไม่ได้วูบจากอาการทางสมองและหัวใจ และเราได้บอกข้อมูลหมอเพิ่มเติมเรื่องผักหนามด้วย ซึ่งหมอบอกว่าอาจจะเป็นไปได้
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แม้ไม่แน่ชัดว่าเกิดจากผักหนาม แต่ทำให้เราต้องระมัดระวังในการกินผักให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักแปลกๆ ที่เราไม่รู้จักและไม่เคยกินมาก่อน หวังว่าเรื่องของเราจะเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่ชอบกินผักได้นะคะ
ถ้าหากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปอ่านได้ที่นี่นะคะ
http://203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/www/Native_veg/v254.html
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=141
หรือคีย์คำว่า "พิษจากผักหนาม"