ขอเกริ่นด้วย ข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ก่อนนะครับ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่าเมื่อ 36 ปีที่แล้ว องค์การบริหารการบินแห่งชาติ
(นาซา) ของสหรัฐ ปล่อยยานสำรวจวอยเอเจอร์ 1 ออกเดินทางไปสำรวจความเร้นลับและเวิ้งว้างของระบบสุริยะ โดยกำหนดระยะเวลาเริ่มต้น
เอาไว้เพียง 5 ปี แต่ยานยังคงเดินทางต่อไปได้ จนกระทั่งถึงเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ยานวอยเอเจอร์ 1 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่มวลมนุษยชาติ ด้วยการเป็นสิ่งประดิษฐ์โดยมนุษย์ชิ้นแรก ที่สามารถเดินทางพ้นขอบนอกสุดของระบบสุริยะอย่างเป็นทางการ แล้วเดินทางต่อไปสำรวจกาแล็กซี่อื่นได้สำเร็จ
ซึ่งนี่คือเกร็ดน่ารู้โดยสังเขปเกี่ยวกับยานวอยเอเจอร์ 1 และยานพี่น้อง คือ "วอยเอเจอร์ 2"
จุดเริ่มต้นของเดินทางอันเด็ดเดี่ยว
ยานวอยเอเจอร์ 2 ออกเดินทางก่อนเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2520 จากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี บนแหลมคันนาเวอรัล ในรัฐฟลอริดา ด้วยจรวด “ไททัน-เซนทอร์”
ยานวอยเอเจอร์ 1 ออกเดินทางเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2520 จากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี บนแหลมคันนาเวอรัล ในรัฐฟลอริดา ด้วยจรวด “ไททัน-เซนทอร์” เช่นกัน
การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในห้วงจักรวาล
ยานวอยเอเจอร์ 1 และ 2 เดินทางไปร่วมกันไขปริศนาและค้นหาความจริงเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่บริเวณชั้นนอกของระบบสุริยะ ไม่ว่าจะเป็นดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ตลอดจนดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์ทั้งหมดนี้รวม 48 ดวง และความลับเกี่ยวกับวงแหวนของดาวเสาร์ และสนามแม่เหล็กรอบดวงดาว
ยานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีที่สุดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2522 ส่วนของยานวอยเอเจอร์ 2 คือวันที่ 1 ก.ค. 2522
ยานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางเข้าใกล้ดาวเสาร์ที่สุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2523 ส่วนของยานวอยเอเจอร์ 2 คือวันที่ 25 ส.ค. 2524
หลังจากนั้นยานวอยเจอร์ 1 เบนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ขอบระบบสุริยะ ปล่อยให้ยานวอยเอเจอร์ 2 สำรวจดาวเคราะห์ที่เหลือต่อไป ซึ่งเดินทางเข้าใกล้ดาวยูเรนัสที่สุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2529 และดาวเนปจูนเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2532
ยานสำรวจที่เดินทางได้ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์
ยานวอยเอเจอร์ 1 และ 2 เป็นยานสำรวจระบบสุริยะลำดับที่ 3 และ 4 ของโลก ที่สามารถเดินทางผ่านดาวเคราะห์ในระบบสุริยะได้ครบทุกดวง ต่อจากยาน “ไพโอเนียร์ 10” และ “ไพโอเนียร์ 11” แต่ยานวอยเอเจอร์ 1 ทำลายสถิติระยะทางของยานไพโอเนียร์ 10 เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2531
แผ่นบันทึกภาพและเสียงสีทอง ( โกลเด้น เรคคอร์ด )
นาซาบรรจุแผ่นโกลเด้น เรคคอร์ด ขนาด 12 นิ้ว เอาไว้ภายในยานวอยเอเจอร์ทั้ง 2 ลำ ซึ่งบันทึกเสียงธรรมชาติ อาทิ เสียงสัตว์ เสียงจากวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้น อาทิ เสียงหวูดรถไฟ และเสียงทักทายใน 55 ภาษาของมนุษย์ ที่รวมถึงเสียงของประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ผู้นำสหรัฐในช่วงที่ยานวอยเอเจอร์ออกเดินทาง รวมถึงภาพสถานที่สำคัญ และธรรมชาติบนโลกอีก 115 ภาพ ซึ่งนาซาเชื่อว่า ในอนาคตอาจมีสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่นมาพบยานวอยเอเจอร์ แล้วนำข้อมูลจากโกลเด้น เรคคอร์ดไปแปลงเป็นภาษาของตัวเอง
สถานะปัจจุบันของยานวอยเอเจอร์
ยานวอยเอเจอร์ 1 เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3.6 เอยูต่อปี ( 1 เอยู คือระยะทางระหว่างโลกจากดวงอาทิตย์ ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร ) ขณะที่ยานวอยเอเจอร์ 2 เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3.3 เอยูต่อปี
ทั้งนี้ สถิติของนาซาเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ระบุว่า ยานวอยเอเจอร์ 1 อยู่ห่างจากโลกราว 18,780 ล้านกิโลเมตร ส่วนยานวอยเอเจอร์ 2 อยู่ห่างจากโลกราว 15,312 ล้านกิโลเมตร
กำแพงระบบสุริยะ
ยานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางผ่านกำแพงระบบสุริยะ เมื่อเดือนธ.ค. 2547 ขณะที่ยานวอยเอเจอร์ 2 เดินทางผ่านบริเวณเดียวกันนี้ เมื่อเดือนส.ค. 2550
เฮลิโอสเฟียร์ – ขอบเขตระบบสุริยะ
เริ่มมีกระแสข่าวออกมาตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. ว่ายานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางพ้นขอบเขตระบบสุริยะมาตั้งแต่ ส.ค. แต่นาซายืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังผลวิเคราะห์การสั่นสะเทือนของคลื่นและความหนาแน่นในพลาสมา บ่งชี้ชัดเจนว่ายานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางเข้าสู่อาณาเขตมวลสารระหว่างดวงดาว หรือ “อินเตอร์สเตลลาร์ มีเดียม” อันเคว้งคว้างแล้ว และนับจากนี้เป็นต้นไป ยานวอยเอเจอร์ 1 จะเดินทางต่อไปในทิศทางใด หรือจะพบกับสิ่งใดบ้าง เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงของยานวอยเอเจอร์ 1 ซึ่งผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่อาศัยแร่พลูโตเนียมในการสร้างพลังงาน เพียงพอสำหรับการใช้งานได้เต็มที่ถึงปี 2568
ถาม-ตอบ เรื่องน่ารู้ของ Voyager 1 จาก website popsci.com
คำถาม: เรายังจะสามารถรับข้อมูลที่ส่งมาจากยาน Vogayer1 ได้อีกหรือไม่
คำตอบ: ด้วยเทคโนโลยีบนพื้นโลกที่พัฒนามาไกล เราจึงสามารถจับสัญญาณวิทยุที่อ่อนมากๆจากระยะไกลโพ้นได้
คำถาม: เราแยกขอบเขตระบบสุริยะ (Heliosphere) ออกจากอาณาเขตมวลสารระหว่างดวงดาว (Interstellar space) ได้อย่างไร
คำตอบ: มันไม่มีขอบเขตที่แยกได้ชัดเจนหรอก แต่เราอาศัยขอบเขตที่เรายังตรวจพบอนุภาคพลาสมาที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ของเรา
คำถาม: ยาน Vogayer1 ยังถ่ายรูปส่งมายังพื้นโลกได้ไหม
คำตอบ: กล้องประจำยานปิดไปตั้งแต่ถ่ายรูปสุดท้ายส่งมายังโลกแล้ว เมื่อวันวาเลนไทน์ปี 1990
คำถาม: ทำไมต้องปิดกล้องด้วยเหรอ
คำตอบ: เพื่อประหยัดพลังงานไปให้อุปกรณ์ตรวจจับอนุภาคในชั้น Interstellar space นอกจากนี้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์บนโลกและซอฟแวร์ที่ใช้วิเคราะห์ภาพที่ส่งจาก Vogayer1 ก็ไม่มีแล้ว แม้ว่าเราจะสามารถสร้างคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์มาถอดรหัสใหม่ ก็ไม่แน่ว่าตัวกล้องและฮีตเตอร์ของมันจะทำงานเพราะมันได้อยู่ในสภาพอุณหภูมิเยือกแข็งของอวกาศมานานแสนนาน
คำถาม: สัญญาณจาก Vogayer1 ใช้เวลาเท่าไหร่จึงมาถึงโลก
คำตอบ: ด้วยความเร็วแสง มันใช้เวลา 17 ชั่วโมง
คำถาม: เราได้ข้อมูลอะไรบ้างจาก Vogayer1
คำตอบ: ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ยานส่งมาได้แก่ ข้อมูลจากเครื่องวัดอนุภาค (LECP, CRS), ข้อมูลจาก Magnetometer, ข้อมูล Radio plasma wave, ข้อมูลอนุภาคพลาสม่า (บน Vogayer2), ข้อมูลจากเครื่องวัด ultraviolet spectrum
คำถาม: ข้อมูลที่ยานส่งมาในรูปแบบไหน
คำตอบ: เป็นสัญญาณ 0 และ 1 ซึ่งถอดรหัสและปรับจูนโดยซอฟแวร์
คำถาม: เมื่อไหร่พลังงานของยานจะหมด
คำตอบ: พลังงานจะเพียงพอสำหรับยานและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ทั้งหมดจนถึงปี 2020 เมื่อถึงเวลานั้นเราจะค่อยๆปิดอุปกรณ์ทีละอย่าง จนถึงปี 2025 อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายคงจะถูกปิด ความเป็นไปได้ทางวิศวกรรมสูงสุดไม่เกินปี 2036
คำถาม: ข้อมูลอะไรที่เราคาดหวังจะได้จากยานในเวลาที่เหลืออยู่
คำตอบ: ข้อมูลเกี่ยวกับรังสีคอสมิค (Galactic Cosmic Rays,ACRs), สนามแม่เหล็ก (Galactic magnetic field) และคลื่นพลาสมา (Plasma waves) แบตเตอรี่นิวเคลียร์ของยานจะค่อยๆหมดและคงจะหยุดทำงานไปเมื่อถึงปี 2025
คำถาม: เมื่อยานหมดพลังงานและไม่ส่งสัญญาณมาแล้ว เราจะสามารถติดต่อมันได้อีกหรือไม่
คำตอบ: ไม่ได้
คำถาม: ยานจะล่องลอยไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุดหรือไม่
คำตอบ: ด้วยความเร็ว 38,000 ไมล์ต่อชั่วโมง มันจะล่องลอยไปตลอดกาล
คำถาม: เส้นทางที่ยานมุ่งไปมีอะไรหรือเปล่า
คำตอบ: ในปี ค.ศ. 40,272 ยานจะเข้าไปอยู่ในระยะ 1.7 ปีแสงของดาวอันไกลโพ้นที่ชื่อว่า AC+79 3888 ในกลุ่มดาว Camelopardalis (แปลว่า อูฐบวกเสือดาว=ยีราฟ) และมุ่งเข้าสู่กลุ่มดาว ophiuchus (แปลว่าคนจับงู)
คำถาม: ตัวโปรเซสเซอร์และหน่วยความจำของยาน เทียบกับ สมาร์ทโฟนปัจจุบัน ได้อย่างไร
คำตอบ: หน่วยความจำของยานน้อยกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 270,000 เท่า ส่วนสิ่งที่เรียกว่าโปรเซสเซอร์ในยุคนั้นยังไม่มี
คำถาม: มีวิธีปฏิบัติไหมถ้าบังเอิญตรวจพบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตนอกโลก
คำตอบ: ไม่มีในคู่มือ
หากแปลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
ถาม-ตอบ การเดินทางอันแสนไกลโพ้นของยาน Vogayer 1
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่าเมื่อ 36 ปีที่แล้ว องค์การบริหารการบินแห่งชาติ
(นาซา) ของสหรัฐ ปล่อยยานสำรวจวอยเอเจอร์ 1 ออกเดินทางไปสำรวจความเร้นลับและเวิ้งว้างของระบบสุริยะ โดยกำหนดระยะเวลาเริ่มต้น
เอาไว้เพียง 5 ปี แต่ยานยังคงเดินทางต่อไปได้ จนกระทั่งถึงเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ยานวอยเอเจอร์ 1 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่มวลมนุษยชาติ ด้วยการเป็นสิ่งประดิษฐ์โดยมนุษย์ชิ้นแรก ที่สามารถเดินทางพ้นขอบนอกสุดของระบบสุริยะอย่างเป็นทางการ แล้วเดินทางต่อไปสำรวจกาแล็กซี่อื่นได้สำเร็จ
ซึ่งนี่คือเกร็ดน่ารู้โดยสังเขปเกี่ยวกับยานวอยเอเจอร์ 1 และยานพี่น้อง คือ "วอยเอเจอร์ 2"
จุดเริ่มต้นของเดินทางอันเด็ดเดี่ยว
ยานวอยเอเจอร์ 2 ออกเดินทางก่อนเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2520 จากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี บนแหลมคันนาเวอรัล ในรัฐฟลอริดา ด้วยจรวด “ไททัน-เซนทอร์” ยานวอยเอเจอร์ 1 ออกเดินทางเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2520 จากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี บนแหลมคันนาเวอรัล ในรัฐฟลอริดา ด้วยจรวด “ไททัน-เซนทอร์” เช่นกัน
การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในห้วงจักรวาล
ยานวอยเอเจอร์ 1 และ 2 เดินทางไปร่วมกันไขปริศนาและค้นหาความจริงเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่บริเวณชั้นนอกของระบบสุริยะ ไม่ว่าจะเป็นดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ตลอดจนดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์ทั้งหมดนี้รวม 48 ดวง และความลับเกี่ยวกับวงแหวนของดาวเสาร์ และสนามแม่เหล็กรอบดวงดาว
ยานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีที่สุดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2522 ส่วนของยานวอยเอเจอร์ 2 คือวันที่ 1 ก.ค. 2522
ยานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางเข้าใกล้ดาวเสาร์ที่สุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2523 ส่วนของยานวอยเอเจอร์ 2 คือวันที่ 25 ส.ค. 2524
หลังจากนั้นยานวอยเจอร์ 1 เบนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ขอบระบบสุริยะ ปล่อยให้ยานวอยเอเจอร์ 2 สำรวจดาวเคราะห์ที่เหลือต่อไป ซึ่งเดินทางเข้าใกล้ดาวยูเรนัสที่สุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2529 และดาวเนปจูนเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2532
ยานสำรวจที่เดินทางได้ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์
ยานวอยเอเจอร์ 1 และ 2 เป็นยานสำรวจระบบสุริยะลำดับที่ 3 และ 4 ของโลก ที่สามารถเดินทางผ่านดาวเคราะห์ในระบบสุริยะได้ครบทุกดวง ต่อจากยาน “ไพโอเนียร์ 10” และ “ไพโอเนียร์ 11” แต่ยานวอยเอเจอร์ 1 ทำลายสถิติระยะทางของยานไพโอเนียร์ 10 เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2531
แผ่นบันทึกภาพและเสียงสีทอง ( โกลเด้น เรคคอร์ด )
นาซาบรรจุแผ่นโกลเด้น เรคคอร์ด ขนาด 12 นิ้ว เอาไว้ภายในยานวอยเอเจอร์ทั้ง 2 ลำ ซึ่งบันทึกเสียงธรรมชาติ อาทิ เสียงสัตว์ เสียงจากวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้น อาทิ เสียงหวูดรถไฟ และเสียงทักทายใน 55 ภาษาของมนุษย์ ที่รวมถึงเสียงของประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ผู้นำสหรัฐในช่วงที่ยานวอยเอเจอร์ออกเดินทาง รวมถึงภาพสถานที่สำคัญ และธรรมชาติบนโลกอีก 115 ภาพ ซึ่งนาซาเชื่อว่า ในอนาคตอาจมีสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่นมาพบยานวอยเอเจอร์ แล้วนำข้อมูลจากโกลเด้น เรคคอร์ดไปแปลงเป็นภาษาของตัวเอง
สถานะปัจจุบันของยานวอยเอเจอร์
ยานวอยเอเจอร์ 1 เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3.6 เอยูต่อปี ( 1 เอยู คือระยะทางระหว่างโลกจากดวงอาทิตย์ ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร ) ขณะที่ยานวอยเอเจอร์ 2 เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3.3 เอยูต่อปี
ทั้งนี้ สถิติของนาซาเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ระบุว่า ยานวอยเอเจอร์ 1 อยู่ห่างจากโลกราว 18,780 ล้านกิโลเมตร ส่วนยานวอยเอเจอร์ 2 อยู่ห่างจากโลกราว 15,312 ล้านกิโลเมตร
กำแพงระบบสุริยะ
ยานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางผ่านกำแพงระบบสุริยะ เมื่อเดือนธ.ค. 2547 ขณะที่ยานวอยเอเจอร์ 2 เดินทางผ่านบริเวณเดียวกันนี้ เมื่อเดือนส.ค. 2550
เฮลิโอสเฟียร์ – ขอบเขตระบบสุริยะ
เริ่มมีกระแสข่าวออกมาตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. ว่ายานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางพ้นขอบเขตระบบสุริยะมาตั้งแต่ ส.ค. แต่นาซายืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังผลวิเคราะห์การสั่นสะเทือนของคลื่นและความหนาแน่นในพลาสมา บ่งชี้ชัดเจนว่ายานวอยเอเจอร์ 1 เดินทางเข้าสู่อาณาเขตมวลสารระหว่างดวงดาว หรือ “อินเตอร์สเตลลาร์ มีเดียม” อันเคว้งคว้างแล้ว และนับจากนี้เป็นต้นไป ยานวอยเอเจอร์ 1 จะเดินทางต่อไปในทิศทางใด หรือจะพบกับสิ่งใดบ้าง เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงของยานวอยเอเจอร์ 1 ซึ่งผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่อาศัยแร่พลูโตเนียมในการสร้างพลังงาน เพียงพอสำหรับการใช้งานได้เต็มที่ถึงปี 2568
ถาม-ตอบ เรื่องน่ารู้ของ Voyager 1 จาก website popsci.com
คำถาม: เรายังจะสามารถรับข้อมูลที่ส่งมาจากยาน Vogayer1 ได้อีกหรือไม่
คำตอบ: ด้วยเทคโนโลยีบนพื้นโลกที่พัฒนามาไกล เราจึงสามารถจับสัญญาณวิทยุที่อ่อนมากๆจากระยะไกลโพ้นได้
คำถาม: เราแยกขอบเขตระบบสุริยะ (Heliosphere) ออกจากอาณาเขตมวลสารระหว่างดวงดาว (Interstellar space) ได้อย่างไร
คำตอบ: มันไม่มีขอบเขตที่แยกได้ชัดเจนหรอก แต่เราอาศัยขอบเขตที่เรายังตรวจพบอนุภาคพลาสมาที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ของเรา
คำถาม: ยาน Vogayer1 ยังถ่ายรูปส่งมายังพื้นโลกได้ไหม
คำตอบ: กล้องประจำยานปิดไปตั้งแต่ถ่ายรูปสุดท้ายส่งมายังโลกแล้ว เมื่อวันวาเลนไทน์ปี 1990
คำถาม: ทำไมต้องปิดกล้องด้วยเหรอ
คำตอบ: เพื่อประหยัดพลังงานไปให้อุปกรณ์ตรวจจับอนุภาคในชั้น Interstellar space นอกจากนี้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์บนโลกและซอฟแวร์ที่ใช้วิเคราะห์ภาพที่ส่งจาก Vogayer1 ก็ไม่มีแล้ว แม้ว่าเราจะสามารถสร้างคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์มาถอดรหัสใหม่ ก็ไม่แน่ว่าตัวกล้องและฮีตเตอร์ของมันจะทำงานเพราะมันได้อยู่ในสภาพอุณหภูมิเยือกแข็งของอวกาศมานานแสนนาน
คำถาม: สัญญาณจาก Vogayer1 ใช้เวลาเท่าไหร่จึงมาถึงโลก
คำตอบ: ด้วยความเร็วแสง มันใช้เวลา 17 ชั่วโมง
คำถาม: เราได้ข้อมูลอะไรบ้างจาก Vogayer1
คำตอบ: ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ยานส่งมาได้แก่ ข้อมูลจากเครื่องวัดอนุภาค (LECP, CRS), ข้อมูลจาก Magnetometer, ข้อมูล Radio plasma wave, ข้อมูลอนุภาคพลาสม่า (บน Vogayer2), ข้อมูลจากเครื่องวัด ultraviolet spectrum
คำถาม: ข้อมูลที่ยานส่งมาในรูปแบบไหน
คำตอบ: เป็นสัญญาณ 0 และ 1 ซึ่งถอดรหัสและปรับจูนโดยซอฟแวร์
คำถาม: เมื่อไหร่พลังงานของยานจะหมด
คำตอบ: พลังงานจะเพียงพอสำหรับยานและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ทั้งหมดจนถึงปี 2020 เมื่อถึงเวลานั้นเราจะค่อยๆปิดอุปกรณ์ทีละอย่าง จนถึงปี 2025 อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายคงจะถูกปิด ความเป็นไปได้ทางวิศวกรรมสูงสุดไม่เกินปี 2036
คำถาม: ข้อมูลอะไรที่เราคาดหวังจะได้จากยานในเวลาที่เหลืออยู่
คำตอบ: ข้อมูลเกี่ยวกับรังสีคอสมิค (Galactic Cosmic Rays,ACRs), สนามแม่เหล็ก (Galactic magnetic field) และคลื่นพลาสมา (Plasma waves) แบตเตอรี่นิวเคลียร์ของยานจะค่อยๆหมดและคงจะหยุดทำงานไปเมื่อถึงปี 2025
คำถาม: เมื่อยานหมดพลังงานและไม่ส่งสัญญาณมาแล้ว เราจะสามารถติดต่อมันได้อีกหรือไม่
คำตอบ: ไม่ได้
คำถาม: ยานจะล่องลอยไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุดหรือไม่
คำตอบ: ด้วยความเร็ว 38,000 ไมล์ต่อชั่วโมง มันจะล่องลอยไปตลอดกาล
คำถาม: เส้นทางที่ยานมุ่งไปมีอะไรหรือเปล่า
คำตอบ: ในปี ค.ศ. 40,272 ยานจะเข้าไปอยู่ในระยะ 1.7 ปีแสงของดาวอันไกลโพ้นที่ชื่อว่า AC+79 3888 ในกลุ่มดาว Camelopardalis (แปลว่า อูฐบวกเสือดาว=ยีราฟ) และมุ่งเข้าสู่กลุ่มดาว ophiuchus (แปลว่าคนจับงู)
คำถาม: ตัวโปรเซสเซอร์และหน่วยความจำของยาน เทียบกับ สมาร์ทโฟนปัจจุบัน ได้อย่างไร
คำตอบ: หน่วยความจำของยานน้อยกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 270,000 เท่า ส่วนสิ่งที่เรียกว่าโปรเซสเซอร์ในยุคนั้นยังไม่มี
คำถาม: มีวิธีปฏิบัติไหมถ้าบังเอิญตรวจพบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตนอกโลก
คำตอบ: ไม่มีในคู่มือ
หากแปลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ