
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปุปผวรรคที่ ๔
เรื่องปัญหาของพระอานนทเถระ
ได้ยินว่า พระเถระ (ท่านพระอานนท์) นั่งในที่พักกลางวัน คิดว่า
"พระศาสดาตรัสบอกเหตุแห่งพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ทุกอย่าง คือ
พระชนนีและพระชนก การกำหนดพระชนมายุ ไม้เป็นที่ตรัสรู้
สาวกสันนิบาต อัครสาวก อุปัฏฐาก,
แต่อุโบสถมิได้ตรัสบอกไว้
อุโบสถแห่งพระพุทธเจ้าแม้เหล่านั้นเหมือนอย่างนี้ หรือเป็นอย่างอื่น."
ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามเนื้อความนั้น.
ก็เพราะความแตกต่างแห่งกาลแห่งพระพุทธเจ้าเหล่านั้นเท่านั้น ได้มีแล้ว
ความแตกต่างแห่งคาถาไม่มี
ด้วยว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า
วิปัสสี
ได้ทรงกระทำอุโบสถในทุกๆ ๗ ปี, เพราะพระโอวาทที่พระองค์
ประทานแล้วในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ ๗ ปี,
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า
สิขีและเวสสภู
ทรงกระทำอุโบสถในทุกๆ ๖ ปี, (เพราะพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทั้ง ๒ พระองค์นั้นทรงประทานในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ ๖ ปี)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า
กกุสันธะและโกนาคมนะ
ได้ทรงกระทำอุโบสถทุกๆ ปี, (เพราะพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒
พระองค์นั้นทรงประทานในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ปีหนึ่งๆ);
พระกัสสปทสพล ได้ทรงกระทำอุโบสถทุกๆ ๖ เดือน
เพราะพระโอวาทที่พระองค์ทรงประทานในวันหนึ่ง พอไปได้ ๖ เดือน;
ฉะนั้น พระศาสดาจึงตรัสความแตกต่างกันแห่งกาลนี้ของ
พระพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า
"ส่วนโอวาทคาถาของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น เป็นอย่างนี้นี่แหละ" ดังนี้แล้ว
เมื่อจะทรงกระทำอุโบสถแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
ซึ่งเป็นอันเดียวกันทั้งนั้นให้แจ่มแจ้ง จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต.
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
ความไม่ทำบาปทั้งสิ้น ความยังกุศลให้ถึงพร้อม ความทำจิต
ของตนให้ผ่องใส นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
ความอดทนคือความอดกลั้น เป็นธรรมเผาบาปอย่างยิ่ง
ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมกล่าวพระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม,
ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าบรรพชิต
ผู้เบียดเบียนผู้อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ.
ความไม่กล่าวร้าย ๑ ความไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมใน
พระปาติโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑ ความประกอบโดยเอื้อเฟื้อในอธิจิต ๑
นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=9
พระพุทธพจน์ตรัสเล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้าในอดีต ๖ พระองค์
รวมทั้งพระองค์เองด้วยเป็น ๗ พระองค์ มาในมหาปทานสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=10&A=1&Z=1454&bgc=seashell
กาลแห่งพระพุทธเจ้าต่างกัน แต่คำสอนเหมือนกัน
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปุปผวรรคที่ ๔
เรื่องปัญหาของพระอานนทเถระ
ได้ยินว่า พระเถระ (ท่านพระอานนท์) นั่งในที่พักกลางวัน คิดว่า
"พระศาสดาตรัสบอกเหตุแห่งพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ทุกอย่าง คือ
พระชนนีและพระชนก การกำหนดพระชนมายุ ไม้เป็นที่ตรัสรู้
สาวกสันนิบาต อัครสาวก อุปัฏฐาก,
แต่อุโบสถมิได้ตรัสบอกไว้
อุโบสถแห่งพระพุทธเจ้าแม้เหล่านั้นเหมือนอย่างนี้ หรือเป็นอย่างอื่น."
ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามเนื้อความนั้น.
ก็เพราะความแตกต่างแห่งกาลแห่งพระพุทธเจ้าเหล่านั้นเท่านั้น ได้มีแล้ว
ความแตกต่างแห่งคาถาไม่มี
ด้วยว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ได้ทรงกระทำอุโบสถในทุกๆ ๗ ปี, เพราะพระโอวาทที่พระองค์
ประทานแล้วในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ ๗ ปี,
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขีและเวสสภู
ทรงกระทำอุโบสถในทุกๆ ๖ ปี, (เพราะพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทั้ง ๒ พระองค์นั้นทรงประทานในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ ๖ ปี)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะและโกนาคมนะ
ได้ทรงกระทำอุโบสถทุกๆ ปี, (เพราะพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒
พระองค์นั้นทรงประทานในวันหนึ่งเท่านั้น พอไปได้ปีหนึ่งๆ);
พระกัสสปทสพล ได้ทรงกระทำอุโบสถทุกๆ ๖ เดือน
เพราะพระโอวาทที่พระองค์ทรงประทานในวันหนึ่ง พอไปได้ ๖ เดือน;
ฉะนั้น พระศาสดาจึงตรัสความแตกต่างกันแห่งกาลนี้ของ
พระพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า
"ส่วนโอวาทคาถาของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น เป็นอย่างนี้นี่แหละ" ดังนี้แล้ว
เมื่อจะทรงกระทำอุโบสถแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
ซึ่งเป็นอันเดียวกันทั้งนั้นให้แจ่มแจ้ง จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต.
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
ความไม่ทำบาปทั้งสิ้น ความยังกุศลให้ถึงพร้อม ความทำจิต
ของตนให้ผ่องใส นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
ความอดทนคือความอดกลั้น เป็นธรรมเผาบาปอย่างยิ่ง
ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมกล่าวพระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม,
ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าบรรพชิต
ผู้เบียดเบียนผู้อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ.
ความไม่กล่าวร้าย ๑ ความไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมใน
พระปาติโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑ ความประกอบโดยเอื้อเฟื้อในอธิจิต ๑
นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=9
พระพุทธพจน์ตรัสเล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้าในอดีต ๖ พระองค์
รวมทั้งพระองค์เองด้วยเป็น ๗ พระองค์ มาในมหาปทานสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=10&A=1&Z=1454&bgc=seashell