เมื่อฉันเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย !!

สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องเกี่ยวกับตัวเองจะมาเล่าให้ทุกฟัง เพื่อว่าฟังแล้วจะทำให้คนที่กำลังท้อทอยในชีวิตมีกำลังใจมากขึ้น ยิ้ม หนูเป็นน้องคนสุดท้องค่ะเป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้านมีพี่ชายทั้งหมดสามคน อายุห่างกันคนล่ะ 5 ปี หนูมีแต่แม่ไม่มีพ่อ แม่หนูเลี้ยงลูกสี่คนมาด้วยตัวคนเดียวเสอม ตั้งแต่หนูยำความได้ แต่ยังดีที่มีญาติฝ่ายแม่ที่ดี พี่ชายคนที่สองของหนูจบปริญญาตรี เลยทำงานหาเงินส่งมาฝห้แม่ใช่ทุกๆ เดือน แต่แม่หนูก็ไม่ชอบอยูเฉยๆ จริงทำอาชีพค่าขายกับข้าว

               ตอนที่หนูอายุ 16 ปี หนูกำลังเรียนอยู ปวช. ปี2  แล้วตอนนั้นแม่หนูก็เดินทางไปเยี่ยมน้าที่จังหวัดระยอง หนูก็ไปเรียนตามปกติ แต่อยู่ๆ วันหนึ่งหนูก็ปวดขามาก จนนอนไม่หลับ แต่พอเช้ามาหนูก็ต้องไปโรงเรียน พอไปเรียนหนูเดินแทบจะไม่ไหว ด้วยความเป็นห่วงของเพื่อน เพื่อนเลยบังคับพาไปหาหมอ เพื่อนหนูคนนี้เป็นเพื่อนคนที่หนูรักมากที่สุดอยู่กับหนูทุกครั้งเวลาที่หนูมีปัญหา

                พอไปถึงโรงพยาบาล ก้พบหมออายุระกรรม ตามปกติพอได้เค้าตรวจ หมออายุรกรรมส่งต่อไปที่หมอกระดูก ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็รู้สึกแปลกๆ อยูว่าทำไมต่องส่งตัวต่อ พอเข้าห้องตรวจตอนแรกหนูเข้าไปคนเดียว พอหมอดูฟลิมเอ๊กซเรย์ หมอถามว่ามากับใคร ให้ไปตามเข้ามาหนูบอกว่ามากับเพื่อน ค่ะ หมอถามว่าแม่ไปไหน หนูเลยตอบไปว่าแม่อยู่ที่ต่างจังหวัด หมอเลยให้โทรศัพหาแม่ ความรู้สึกในตอนนั้นหนูคิดว่ามันต้องมีอะไรไม่ธรรมาดาแล้ว พอเพื่อนหนูเข้ามา คุณหมอบอกว่าหนูเป็นเนื้องอกที่กระดูก แต่ยังยังบอกไม่ได้ว่าชนิดไหน เนื้อดีหรือเนื้อร้าย ตอนนั้นหนูตดใจมากค่ะ เพราะคนในครอบครัวหนูไม่เตยมีใครเป็น หนูสับสนไปหมดหนูไม่รู้จะทำไงดี

                    หมอบอกว่าต้องส่งตัวต่อไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด พอเสร็จจากหมอเรียบร้อย หนูก็เดินออกมาจากห้อง มายืนร้องไห้อยู่หน้าโรงพยบาล ความรู้สึกตอนนั้นมันทั้งกลัวทั้งตกใจ ระหว่างทางกลับบ้านหนูก็ได้โทรไปบอกญาติทุกคนของหนูให้ทราบ แล้ววันต่อมาก็เดินทางไปโรงพยาบาบประจำจังหวัด หมอนัดทำนู้นนี้นั้น แล้วนัดให้มาฟังผลอีกหนึ่งอาทิตย์ พอดีแม่หนูก็กลับมา ตอนนั้นหนูคิดไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด พอเค้าห้องตรวจ หมอดูผลแล้วบอกว่า

                      หนูเป็นมะเร็งแต่ยังบอกไม่ได้ว่าระยะที่เท่าไหร่ ตอนนั้นหนูหันไปมองที่หน้าของแม่หนู แม่หนูยืนทำหน้าซีดน้ำตาคลอเบ้า หนูเลยคิดว่าหนูจะไม่มีทางร้องไห้เด็ดขาด หมอบอกว่าต้องส่งตัวต่อไปรักษาที่โรรพยาบาลกรุงเทพ แล้วไปเจาะชิ้นเนื้อที่นั้น หนูตกลงทันที่ พอเสร็จเรียบร้อย หนูและแม่ก็แยกทางกัน

                           หนูเดินทางไปสะสางเรื่องที่โรงเรียนเพราะหนูต้องเดินทางคืนนั้นทันที หนูมารู้ที่หลังว่าระหว่างทางที่แม่กลับบ้านแม่ร้องไห้ตลอดทั้งทาง เศร้า พอเดินทางไปที่กรุงเทพเจาะชิ้นเนื้องไปตรวจ พอว่าหนูเป็นมะเร็งระยะที่สา แนวทางการรักษาก็คือ

                               ทำคีโม 3 ครั้ง แล้วผ่าตัด แล้วค่อยทำคีโมอีกสามครั้ง ค๊ดมเข็มแรก หนูเหมือนตกนรกทั้งเป็นมันทรมารทุรนทุราย แต่ผลมันกับออกมาไม่ดีก่อนเนื้อโตขึ้น จึงต้องรีบเข้ารับการผ่าตัดด่วน  พอผ่าตัดเสร็จออกมาวันแรกหนูปวดมาก คุณพยาบาลเลยให้ไปนอนที่ห้องสังเกตการ เช้าวันรุ่งขึ้นหนูปวกมากเหมือนมีอะไรอยู่ที่เท้าหนูมอร์ฟีนเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ หนูเลยบอกหมอที่มาเยี่ยมถึงอาการที่หนูเป็น

                                   อ๋อลืมบอกไป หมอที่ส่งตัวหนูว่า ก็ตามมาผ่าตัดหนูที่พระมงกุฎ เสร็จแล้วก็เดินทางกลับไป พอหนูบอกหมอที่มาเยี่ยมหมอก้็เลยให้ไปเอ๊กซเรย์ แล้วประมาณ ทุ่มกว่า ก็มีหมอมาบอกหนูว่าพรุ่งนี้ต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกเพราะน็อตที่ใส่ไปมันมีปัญหา หนูเลยต้องเป็นคนที่ผ่าตัดวันเว้นวัน 555.

                                          ลืมบอกไปว่าหนูไม่มีคนเฝ้าน่ะค่ะ เพราะนอนห้องสามัญมัญ อยากประหยัดค่าใช่จ่ายช่วยแม่ แต่แม่หนูก็อยู่กับหนูตลอดในช่วงกลางวัน หลังจากที่หนูผ่าตัดเสร็จหมอบอกว่าเท้าหนูจะตก แล้วเดินไม่เหมือนคนปกติ แต่หนูก็ไม่ได้อะไร ขอแค่รอดปลอดภัยก็พอหมอบอกว่าถ้าทำค๊โมเสร็จค่อยมาแก้ไขกันอีกที

                                          หนูก็ทำคีโมอีก 5 ครอส ที่เหลือแล้วก็รับการผ่าตัดแก้ไขเรื่องเท้า อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยตัดสินใจจะกลับไปเรียน หนูก็เลยอยากใช้เวลาที่เหลือก่อนที่จะไปเรียน ไปทำงาน หนูทำงานได้สองอาทิต ปรากฎว่าหนูเริ่มปวดขาอีก เลยไปพอหมอ หมอบอกว่าโรคที่หนูเป็นมันกลับมาเป็นว่าแต่ครั้งนี้ค่อนข้างร้ายแรงเพาะเป็นครั้งนี้มันเป็นระยะสุดท้าย แล้วต้องตัดขาข้างที่เป็นทิ้งไป

                                         หนูก็ทำใจได้น่ะค่ะ แต่คนรอบตัวหนู เค้าทำใจย้อมรับมันไม่ได้เลยตัดสินใจหนีการรักษาไปรักาาแพทย์ทางเลือก ด้วยการกินยาสมุนไพรแล้วก็ประคบ อาการของหนูหนักขึ้นๆ เรื่อยๆ กินไม่ได้นอนไม่หลับ จะกลับบ้านตัวเองยังไม่ได้ ต้องอยู่บ้านน้าที่ต่างจังหัวเพราะ ไปรักษาแพทย์ทางเลือกแล้วกลับไม่ไหว

                                              หนูเจ็บหนูปวด หนูท้อมากค่ะ หนูนั้งไม่ได้เดินไม่ได้ แม่ต้องอาบน้ำให้ป้อนข้าว ค่อยประคองขาที่บวม ตำยายาพอก หนูสงสรแม่มากค่ะ ไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดยังไงหนูแสดงออกไม่ค่อยเก่ง ทุกครั้งที่เห็นคนรอบข้างตำหนิแม่ว่าตามใจหนูมากเกินไปจนหนูต้องกลับมาเป็นซ้ำ หนูร้องไห้จนไม่รู้จะร้องไห้ยังไง หนูอยากเห็นแม่สบายอยากเห็นแม่มีความสุข เหมือนแม่คนอื่นๆ จนมาวันหนึ่งหนูพูดกับแม่ทั้งน้ำตาว่าหนูขอตัดขาเถอะ จะให้หนูทำอะไรหนูก็ยอม

                                                  วันนั้นนั้นเองขาที่บวมจนเน่าได้แตกออกมาจนเกิดอาการช็อค เพราะเลือดออกจำนวนมาก เลยต้องไปโรงพยาบาลใกล้บ้านด่วน ระหว่างทางที่อยู่บนรถ หนุแทบจะหมดสติแล้ว ตอนนั้นมันหนาวมาก จนหนูอยากจะหลับไป หนูได้ยินแค่เสียงแม่และภาพแม่ร้องไห้อยู่หน้าหนูลางๆ แม่กอดหนุไว้ ความคิดหนูตอนนั้นคือไม่ว่าจะอะไรยังไงหนูจะต้องรอด จากจุดๆ นี้ให้ได้ หนูยังไม่ได้ทนแทนบุญคุณของแม่เลย หนูสวดมนต์ แม่กำมือหนูเน้นมากแต่ตอนนั้นหนูไม่มีแรงแม้แต่จะพูด

                                                 พอถึงโรงพยาบาล เค้าได้ห้ามเลือดแล้ว ให้เลือดด่วนแต่เลือดมันก็ยังไหนไม่หยุด หนูเลย ตัดสินใจโทรหาหมิที่เป็นคนดูแลหนูตั้งแต่แรก คือหอที่ส่งตัวหนูมาพอดีตอนนั้นหมอหมอเรียนต่อที่พระมงกุฎพอดี หนูได้บอกหมอว่า หนูตัดสินใจที่จะตัดขาแล้วสามเดือนที่หนูหายไปไม่มีอะไรดีขึ้นเลย หมอเลยรีบเคลีบเตียงและห้องผ่าให้แล้วหนูก็ได้เดินทางไปที่ พระมงกุฎได้เจอกับหมอ แล้วได้เข้ารับการผ่าตัด

                                              หนูรู้สึกขอบคุณท่านมาก ที่คอยช่วยเหลือหนูทุกอย่าง ตอนที่อยู่ในห้องผ่าตัดท่านก็เอามือมาลูบหัวหนูแล้วพูดปลอบใจหนู ท่านเป็นคนที่มีพระคุณต่อหนูมาก เป็นหมอที่ดีที่สุดของหนู หนูไม่รู้จะขอบคุณและตอบแทนความดีของท่านยังไง

                                           ท่าน ชื่อ นพ. ปิยะวัฒน์ จิรัปปภา ค่ะ พ่อหนูตัดขาเสร็จมันเหมือนทุกอย่างโล่งมากความเจ็บปวดที่มีมันหายไป แต่ก็ยังหนี้ไม่พ้นอยู่ดี เพราะตรวจพบว่าเชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปที่ปอด หลายจุด แล้วไม่สมารถผ่าตัดได้ แต่สามารถให้คีโมได้แต่ให้ไปแล้วอาจจะหายหรือเป็นหนักกว่าเดิม หมอบอกว่าตามหลักคนเป็นระยะนี้จะดู อยู่ได้อีกสามเดิอน

                                           หนูตัดสินใจไม่ให้คีโมค่ะ หนูพยามกินยาทุกอย่างที่แม่ให้กิน แล้วก็ทำทุกอย่างที่หนูอยากทำหนู ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งหนูไม่เคยคิดว่าหนูพิการ ท้อบ้างแต่ไม่เคยถอย หนูสู้สุดใจเพื่อให้ได้อยู่กับแม่ และครอบครัวและคนที่หนูรักให้ได้นานที่สุด ถ้าเกิดอะไรขึ้นหนูจะไม่เสียใจเพราะหนูทำทุกอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว หนูสันยากับตัวเองว่าจะร้องไห้ตอนตัดขาครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่ร้องไห้กับมันอีก เพราะ น้ำตาเป็นสิ่งที่ทำให้แม่หนูลำบากใจมากท แล้วน้าหนู ที่ค่อยสงเสียก็ประสบอุบัติเหตุ จน สมองไม่ดี เลิกทำงานไปหนูอยากขอบคุณญาติพี่น้องทุกคนในครอบครัว ขอบคุณคุณหมอ ขอบคุณแฟนหนู ขอบคุณเพื่อนๆ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแม่ ที่ทำให้หนู รู้ว่าหนูต้อง อยู่แล้วสู้ไปเพื่อใคร ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
พี่ก็เป็นมะเร็งเต้านม ระยะที่ 4 เหมือนกันค่ะ  เชื้อแพร่กระจายไปที่ ต่อมน้ำเหลือง กระดูก และ ปอด แล้ว   ตอนนี้ กำลังรักษา โดย รับ ยาคีโมอยู่ค่ะ  และ รักษาที่ รพ พระมงกุฏ เหมือนกัน  อยากให้สู้นะค่ะ  พี่เองไม่ยอมแพ้  ทำทุกวิธี ที่จะผ่านจุดนี้ ไปให้ได้  ขอให้น้องสู้ เหมือนกัน  กำลังใจ สำคัญที่สุด  ดูแล เรื่อง อาหาร ด้วยนะค่ะ งด เนื้อสัตว์ และ น้ำตาล ไปเลยค่ะ   หมั่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ

อยากเป็นกำลังใจ ให้น้อง นะค่ะ  อย่าท้อแท้ ถ้าน้องยังมีแรง สู้ ก็ขอให้สู้ให้ถึงที่สุดก่อน ผลเป็นอย่างไร ค่อยว่ากันอีกที

เราต้องสู้ไปด้วยกันนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่