https://news.ch7.com/detail/827458
หมอเหรียญทองขอผู้ป่วยช่วยทวงหนี้ เริ่มวันนี้ผู้ป่วยบัตรทองต้องนำใบสั่งยาไปรับยาจากร้านยาตามที่ สปสช. จัดให้ เนื่องจากยอดหนี้สูงจน รพ. ขาดกระแสเงินสด ไม่สามารถปันยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองได้
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวแจ้งไปยัง ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาท ที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ยกเว้นโครงการบัตรทองแพลตตินั่ม - ผู้ป่วยโรคมะเร็ง - ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง - ผู้ป่วยโรคเอดส์ - หญิงตั้งครรภ์ และ คนพิการ เพื่อโปรดทราบว่า สปสช. ค้างชำระหนี้เป็นจำนวนมาก จนทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขาดกระแสเงินสด ไม่สามารถจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในวันนี้ (16 ก.ย.68)
ดังนั้นผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาทที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะในวันนี้จึงต้องนำใบสั่งยาไปรับยาจากร้านขายยาตามที่ สปสช. จัดให้ หรือ ซื้อยาในราคา รพ.รัฐ แล้วเก็บใบเสร็จไว้ เมื่อใดก็ตามที่ สปสช. เริ่มมีการชำระหนี้ที่ค้างชำระให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อนั้น รพ.มงกุฎวัฒนะ จะประกาศให้ท่านนำใบเสร็จค่ายาที่ท่านซื้อจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ในราคา รพ.รัฐ เพื่อรับเงินคืนเต็มจำนวน
หมอเหรียญทอง ยังขอให้ผู้ป่วยช่วยกันทวงหนี้ที่ สปสช. ค้างชำระให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะโดยเร็วเพื่อให้สถานการณ์การรักษาพยาบาลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองใน รพ.มงกุฎวัฒนะกลับคืนสูสถานการณ์ปกติโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ หมอเหรียญทอง ชี้แจงถึงความจำเป็นที่ไม่สามารถปันยา ให้แก่ผู้ป่วยบัตรทอง โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ปัญหาสืบเนื่องจาก รพ.มงกุฎวัฒนะไม่สามารถจ่ายค่าจ้างแพทย์ ซึ่งต้องเลื่อนออกไปจนกว่า สปสช. จะจ่ายเงิน ขณะนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ งดการจ่ายเงินค่ายาให้แก่บริษัทยา เฉพาะยาสำหรับผู้ป่วยบัตรทองเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าแพทย์เสียก่อน
หมอเหรียญทอง ระบุด้วยว่า ยอดหนี้ที่ สปสช. ค้างค่าจ้างแพทย์มากกว่า 22 ล้านบาทที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องจ้างแพทย์ตรวจผู้ป่วยจากกรณีการส่งต่อผู้ป่วยนอกจากคลินิกคู่สัญญา สปสช. ตามโมเดล 5 ระหว่าง มี.ค.67 - ก.ย.67 ที่ สปสช. มีหน้าที่จะต้องเคลียร์หนี้ให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ แต่ สปสช. ยัวไม่ได้จ่ายเลย ปัจจุบันนานข้ามปีงบประมาณแล้ว สปสช. ก็ยังไม่พูดถึงหนี้ค่าแพทย์เลย ทั้งที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องจ้างค่าแพทย์ตรวจผู้ป่วยบัตรทองมากกว่า 22 ล้านบาท
ยอดหนี้ค่ายา-เวชภัณฑ์-ค่าตรวจอื่นๆทางห้องปฏิบัติการ-เอกซเรย์-ฯลฯ จากกรณีการส่งต่อผู้ป่วยนอกจากคลินิกคู่สัญญา สปสช แบ่งออกเป็น
-หนี้ระหว่าง ก.ค.63 - ก.ย.63 ยอดหนี้มากกว่า 13 ล้านบาท ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช ให้สัมภาษณ์ว่า สปสช มีเงินพร้อมจ่าย แต่ตราบจนปัจจุบัน นานถึง 5 ปีแล้ว สปสช ก็ยังไม่จ่าย
- หนี้ระหว่าง มี.ค.67 - ก.ย.67 และ ต.ค.67 - ก.พ.68 ยอดหนี้มากกว่า 41.5 ล้านบาท นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการ สปสช. แจ้งต่อสาธารณะผ่านเพจ สปสช. เมื่อวันที่ 8 ก.ย.68 ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และในส่วนของปีงบประมาณ 2568 สปสช. อยู่ระหว่างเร่งรัดการจ่ายตามประกาศหลักเกณฑ์การเบิกจ่าย ซึ่งก็ยังไม่จ่ายจนวันนี้
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยบัตรทองที่ขึ้นตรง รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องการย้ายสิทธิไปขึ้นตรงกับ รพ.เอกชน 9 แห่งตามที่ สปสช. จัดให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจะอำนวยความสดวก และช่วยดำเนินการให้อย่างเต็มที่ รวมถึงการสรุปประวัติ แต่หากผู้ป่วยบัตรทองที่ยังพึงพอใจที่จะยืนหยัดอดทนขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็ขอให้ช่วยกันโทร.ทวงหนี้ กับ สายด่วน สปสช. 1330 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ผู้ป่วยบัตรทอง รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องนำใบสั่งยาไปรับยาจากร้านยาที่ สปสช. จัดให้
https://news.ch7.com/detail/827458
หมอเหรียญทองขอผู้ป่วยช่วยทวงหนี้ เริ่มวันนี้ผู้ป่วยบัตรทองต้องนำใบสั่งยาไปรับยาจากร้านยาตามที่ สปสช. จัดให้ เนื่องจากยอดหนี้สูงจน รพ. ขาดกระแสเงินสด ไม่สามารถปันยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองได้
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวแจ้งไปยัง ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาท ที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ยกเว้นโครงการบัตรทองแพลตตินั่ม - ผู้ป่วยโรคมะเร็ง - ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง - ผู้ป่วยโรคเอดส์ - หญิงตั้งครรภ์ และ คนพิการ เพื่อโปรดทราบว่า สปสช. ค้างชำระหนี้เป็นจำนวนมาก จนทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขาดกระแสเงินสด ไม่สามารถจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในวันนี้ (16 ก.ย.68)
ดังนั้นผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาทที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะในวันนี้จึงต้องนำใบสั่งยาไปรับยาจากร้านขายยาตามที่ สปสช. จัดให้ หรือ ซื้อยาในราคา รพ.รัฐ แล้วเก็บใบเสร็จไว้ เมื่อใดก็ตามที่ สปสช. เริ่มมีการชำระหนี้ที่ค้างชำระให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อนั้น รพ.มงกุฎวัฒนะ จะประกาศให้ท่านนำใบเสร็จค่ายาที่ท่านซื้อจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ในราคา รพ.รัฐ เพื่อรับเงินคืนเต็มจำนวน
หมอเหรียญทอง ยังขอให้ผู้ป่วยช่วยกันทวงหนี้ที่ สปสช. ค้างชำระให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะโดยเร็วเพื่อให้สถานการณ์การรักษาพยาบาลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองใน รพ.มงกุฎวัฒนะกลับคืนสูสถานการณ์ปกติโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ หมอเหรียญทอง ชี้แจงถึงความจำเป็นที่ไม่สามารถปันยา ให้แก่ผู้ป่วยบัตรทอง โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ปัญหาสืบเนื่องจาก รพ.มงกุฎวัฒนะไม่สามารถจ่ายค่าจ้างแพทย์ ซึ่งต้องเลื่อนออกไปจนกว่า สปสช. จะจ่ายเงิน ขณะนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ งดการจ่ายเงินค่ายาให้แก่บริษัทยา เฉพาะยาสำหรับผู้ป่วยบัตรทองเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าแพทย์เสียก่อน
หมอเหรียญทอง ระบุด้วยว่า ยอดหนี้ที่ สปสช. ค้างค่าจ้างแพทย์มากกว่า 22 ล้านบาทที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องจ้างแพทย์ตรวจผู้ป่วยจากกรณีการส่งต่อผู้ป่วยนอกจากคลินิกคู่สัญญา สปสช. ตามโมเดล 5 ระหว่าง มี.ค.67 - ก.ย.67 ที่ สปสช. มีหน้าที่จะต้องเคลียร์หนี้ให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ แต่ สปสช. ยัวไม่ได้จ่ายเลย ปัจจุบันนานข้ามปีงบประมาณแล้ว สปสช. ก็ยังไม่พูดถึงหนี้ค่าแพทย์เลย ทั้งที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องจ้างค่าแพทย์ตรวจผู้ป่วยบัตรทองมากกว่า 22 ล้านบาท
ยอดหนี้ค่ายา-เวชภัณฑ์-ค่าตรวจอื่นๆทางห้องปฏิบัติการ-เอกซเรย์-ฯลฯ จากกรณีการส่งต่อผู้ป่วยนอกจากคลินิกคู่สัญญา สปสช แบ่งออกเป็น
-หนี้ระหว่าง ก.ค.63 - ก.ย.63 ยอดหนี้มากกว่า 13 ล้านบาท ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช ให้สัมภาษณ์ว่า สปสช มีเงินพร้อมจ่าย แต่ตราบจนปัจจุบัน นานถึง 5 ปีแล้ว สปสช ก็ยังไม่จ่าย
- หนี้ระหว่าง มี.ค.67 - ก.ย.67 และ ต.ค.67 - ก.พ.68 ยอดหนี้มากกว่า 41.5 ล้านบาท นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการ สปสช. แจ้งต่อสาธารณะผ่านเพจ สปสช. เมื่อวันที่ 8 ก.ย.68 ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และในส่วนของปีงบประมาณ 2568 สปสช. อยู่ระหว่างเร่งรัดการจ่ายตามประกาศหลักเกณฑ์การเบิกจ่าย ซึ่งก็ยังไม่จ่ายจนวันนี้
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยบัตรทองที่ขึ้นตรง รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องการย้ายสิทธิไปขึ้นตรงกับ รพ.เอกชน 9 แห่งตามที่ สปสช. จัดให้ รพ.มงกุฎวัฒนะจะอำนวยความสดวก และช่วยดำเนินการให้อย่างเต็มที่ รวมถึงการสรุปประวัติ แต่หากผู้ป่วยบัตรทองที่ยังพึงพอใจที่จะยืนหยัดอดทนขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็ขอให้ช่วยกันโทร.ทวงหนี้ กับ สายด่วน สปสช. 1330 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป