สืบซ่อนรัก (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) [บทนำ]

กระทู้สนทนา
บทนำ



ลำแสงสุดท้ายของวันกำลังหายลับลงกับขอบฟ้า อีกไม่นานความมืดมิดก็จะเข้าครอบคลุม กลบกลางวันให้อยู่ภายใต้รัตติกาล

    คล้ายกับความมืดหม่นที่กำลังแผ่เข้ามาปกคลุมดวงใจของอรนิจทีละน้อย คืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ จนอีกไม่นานใจทั้งดวงของหญิงสาวคงจมอยู่กับห้วงเหวสีดำลึก...ตลอดกาล

    หัวใจหล่อนจะไม่มีทางพบแสงสว่างใดอีกแล้ว

    “ภพคะ” น้ำตาหยดหนึ่งตกต้องใบหน้านิ่งสงบบนหมอน ดวงหน้านั้นหลับตาพริ้ม...ไม่มีวันลืมขึ้นมามองหล่อนด้วยแววตาอ่อนโยน ปากคู่นั้นจะไม่มีวันกระซิบบอกคำรักอ่อนหวาน มือคู่นั้นจะไม่มีทางดึงหล่อนเข้าไปอยู่ในอ้อมอกแข็งแรงของเขาได้อีกแล้ว ไม่มีวันที่เธอจะได้รับความรัก ความอบอุ่นจากเขาอีกแล้ว

    “คุณใจร้าย...ปล่อยให้นิจอยู่คนเดียวอย่างนี้ ใจร้ายที่สุด...” หญิงสาวสะอื้นหากไร้เสียง “ทำไมคะ ทำไมคุณไม่เอานิจไปด้วย ทำไมต้องไปจากนิจ ทำไมคุณถึงไม่เปิดโอกาสให้นิจได้อธิบายอะไรเลยแม้แต่คำเดียว นี่คุณจะหอบเอาความเข้าใจผิด ความเกลียดชังนิจติดตัวไปจนถึงชาติภพหน้าเลยเหรอคะ?”

    เสียงสะอื้นแผ่วดังเจือประโยคตัดพ้อ มือเรียวขาวหากเย็นเยือกลูบไล้แผ่วเบาบนใบหน้าที่ไออุ่นกำลังจางหาย สัญญาณแห่งชีวิตดับสิ้นไปแล้ว...คล้ายอยากเก็บความอบอุ่นสุดท้ายไว้กับตัวหล่อนเอง

    ริมฝีปากซีดขาวของหญิงสาวแตะบนเรียวปากเย็นเยียบแผ่วเบาประหนึ่งจุมพิตของผีเสื้อ ก่อนอรนิจจะหยัดกายขึ้น จับจ้องดวงหน้าชายคนรักเป็นครั้งสุดท้าย

    ก่อนจะเดินคล้ายล่องลอยไปยังระเบียงห้อง แสงดาววับวาวเต็มท้องฟ้า คล้ายอัญมณีที่กำลังรอให้เธอคว้าไปชื่นชม...

    ...คล้ายกับว่าเห็นใบหน้าคนรักอยู่ไกลๆ กำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

    “รอนิจนะคะ...รอนิจ”

    อรนิจพึมพำ หลับตาพริ้ม สายลมพัดผ่านมาต้องผิวกายคล้ายอ้อมกอดอบอุ่นของเขาเหลือเกิน

    เท้าทั้งสองข้างก้าวพ้นระเบียง ก่อนหญิงสาวจะกางแขนออก

    แล้วทิ้งตัวดิ่งลงไป





“หมายความว่ายังไงวะไอ้วรรธ”

    น้ำเสียงหงุดหงิดที่ดังลอดสมาร์ทโฟนเครื่องย่อมไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดตาม วรรธนิศน์หัวเราะน้อยๆ ในขณะที่คนอีกฝั่งยังเดือดต่อ

    “ต้นฉบับที่เพิ่งส่งมานี่คืออะไรของแก ไอ้ซีนพระเอกตาย นางเอกโดดตึกนี่คืออะไร!!! นี่แกยังให้มัน bad end ได้อีกเหรอเนี่ย! สามเรื่อง! สามเรื่องแล้วนะที่แกเขียนให้ตัวเอกตายตอนจบเนี่ย ทำไมยะ! แกจะเปลี่ยนไปเป็นดราม่าคิงแล้วรึไง งานแกมันรักโรแมนติก ตอนจบแฮปปี้เอนดิ้งนะเว้ย!”

    “คุณ บ.ก.” ชายหนุ่มยังหัวเราะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสียงหัวเราะของตนกวนประสาทสำหรับปลายสายขนาดไหน “นิยายรักมันจบได้ทั้งสุขทั้งโศกแหละ ยิ่งจบโศกก็ยิ่งเป็นที่จดจำไม่ใช่เหรอ ฉันก็...แค่อยากลองเปลี่ยนมาทำอะไรใหม่ๆ บ้างเท่านั้นเอง”

    “เหอะ! อะไรใหม่ๆ ของแกมันทำให้สำนักพิมพ์ต้องตอบคำถามแฟนคลับแกหูชาเลยรู้ไหม” ศิรพิชย์กระแทกเสียง นึกอยากจิ้มหน้าผากพ่อนักเขียนช้ำรักให้ได้สติขึ้นมาเสียที “ทำไมวะ แกเศร้าแล้วจำเป็นต้องทำให้คนอื่นเค้าเศร้าไปด้วยเหรอไอ้วรรธ เห็นใจคนอื่นเค้าบ้าง ที่เค้าอยากอ่านนิยายก็เพราะจะได้คลายเครียดจากโลกเน่าๆ ใบนี้ อยู่ในความฝันและความฟินเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ยังดี แต่นี่แกก็ยังตามไปทำลายฝันเค้าถึงที่ โหดร้ายว่ะ แกมันโหดร้ายมากๆ”

    คราวนี้นักเขียนหนุ่มถอนใจเสียงเบา น้ำเสียงก็พลอยหม่นลงไปด้วย “มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

    “มากกก...”

    “แต่ว่า...แกก็รู้นี่หว่าว่าตอนนี้ฉัน...”

    “อกหัก” บ.ก. สาวต่อให้ด้วยน้ำเสียงหน่าย “รู้สิ รู้ตั้งแต่วินาทีที่แกอกหักแล้ว แล้วฉันก็รู้ว่ามันผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้วนะ แต่คนอ่านเค้าไม่ได้อกหักไปกับแก เข้าใจมั้ย ถ้าแกยังเป็นนักเขียนนิยายรักมืออาชีพคนนั้น คนที่เคยออกนิยายรักแบบคอมโบเซ็ตจนเค้าเอาไปทำเป็นละครชุด คนที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลายจนต้องพิมพ์ซ้ำเกือบยี่สิบรอบนั่นอยู่ แกก็ห้ามทำให้คนอ่าน ‘อกหัก’ กับงานแกเด็ดขาด!”

    ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “งั้นแกก็ต้องให้ฉันหยุดงาน ช่วงนี้ฉันคงเขียนนิยายรักไม่ได้ว่ะ ฉัน...คิดถึงความสุขแบบนั้นไม่ออกจริงๆ”

    “แกไม่สบายใจขนาดนั้นเลยเหรอวรรธ”

    “อืม”

    “งั้น...” ศิรพิชย์ชะงัก เสียงกระดาษพลิกกรอบแกรบดังแทรกลำโพงโทรศัพท์ออกมาได้ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “...ถ้าฉันไม่ให้แกหยุดงาน แต่ให้แกเปลี่ยนไปเขียนอะไรที่มันไม่ใช่รักเพียวๆ แกจะ ok ขึ้นมั้ย?”

    “งานใหม่?”

    “อือฮึ”

    “ไม่จำเป็นต้อง happy end?”

    “เอ่อ...ขอเถอะว่ะ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้เน้นไปที่ความรักของพระนางมากเท่าไหร่น่า แกไม่น่าจะทรมานอะไรขนาดนั้น”

    “แนวไหน?”

    “สืบสวน...” เสียง บ.ก. สาวสดใสขึ้นเมื่อพูดเรื่องงาน “เป็นซีรี่ย์ที่ฉันกับพี่วีระกำลังคิดว่าจะทำ สืบสวน 3 เล่ม เน้นธีมอยู่ที่การใช้กฎหมาย วิทยาศาสตร์ ตัวเอกก็เป็นคนในวงการพวกนี้ สืบคดีไปเรื่อยๆ คดีแยกไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ตัวเอกเกี่ยวกัน งานนี้พี่วีระเสนอช่องสิบสามแล้วเขาก็สนใจ มีสิทธิได้ขายแน่ ตกลงสนใจมะ?”

    “ไอ้สนน่ะมันสนหรอก แต่ฉันไม่มีพื้นฐานเรื่องพวกนี้เลยนะ แกก็รู้ว่าฉันจบเอกประวัติศาสตร์ ไม่ได้จบนิติศาสตร์...”

    “เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายน่ะมีคนที่ฉันหมายตาไว้แล้ว ฉันว่าจะให้น้องส้มเป็นคนเขียน ส่วนเรื่องอีกเรื่องเกี่ยวกับชันสูตรศพ ฉันยังไม่ได้เล็งใครไว้ แต่คงไม่ใช่แกแหละ เพราะแกกลัวผี”

    วรรธนิศน์ไม่เถียงซักคำ

    “เพราะงั้นแกเอาเรื่องกลางไปละกัน สนมั้ย พล็อตใหญ่เดี่ยวค่อยมาคิดกัน ส่วนพล็อตเฉพาะเรื่องของแก แกก็จัดการเองไปเลย”

    “งั้นเหรอ...” ชายหนุ่มทวนคำเบาๆ ดวงตาหลุบลงอย่างใช้ความคิด “ก็น่าสนใจนะ...ฉัน...”

    “งั้นถือว่า ok แล้วนะ เพราะงั้นอาทิตย์หน้าแกเข้ามาที่สำนักพิมพ์ด้วย ฉันจะพยายามหานักเขียนอีกคนมาเขียนเรื่องที่เหลือก็แล้วกัน แล้วฉันจะนัดแกอีกทีละกันนะ เท่านี้ละกัน งานฉันยุ่ง...”

    วรรธนิศน์ส่งเสียงร้องห้ามอีกฝ่ายแทบไม่ทัน “เดี๋ยว...เดี๊ยววววว...เดี๋ยวๆๆๆ ฉันยังไม่ได้รับปากแกเลยนะว่าจะทำงานนี้น่ะ อีกอย่างฉันจะเอาอะไรไปเขียนวะ ต้องหาข้อมูลทางนี้อีก ฉันไม่ถนัดสุดๆ เลยนะ”

    “ไม่ต้องห่วง” เสียงศิรพิชย์กลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ต่างกับตอนโทรมาใหม่ๆ โดยสิ้นเชิง “ฉันมีตัวช่วยให้แก”
    


.....................................................

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้มาลงเรื่องในถนนนักเขียนนานมากเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส้มเขียนขึ้นมาใหม่ ส่วนเรื่องเก่าๆ ก็ยังไม่จบ 555 แต่ก็กำลังเขียนต่อไปค่ะ ลงที่เด็กดีและห้องสมุด เรื่องนี้อยากลองเขียนแบบโรแมนติก คอเมดี้ + สืบสวนตามสไตล์

ยังไงก็...ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ อ่านเสร็จแล้วก็...ฝากเม้นท์ไว้ด้วยนะคะ ^_^

ขอบคุณค่ะ

ปณัชญา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่