สวัสดีครับเพื่อนๆ
กระทู้นี้ไม่มีเจตนาที่จะวิพากษ์เกี่ยวกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศใดๆทั้งสิ้น
เพียงเพราะในระยะนี้เราจะได้ยินคำนี้ ก๊าซพิษซาริน (Sarin gas) บ่อยครั้ง
เรามารู้จักกับคำๆนี้กันคร่าวๆครับ
ในปี ค.ศ.1938 ด็อกเตอร์ เกฮาร์ด สชราเดอร์ (Gerhard Schrader :1903-1990) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน
ได้ค้นพบยาฆ่าแมลงชนิดใหม่ในกลุ่มสารประกอบออร์กาโนฟอสฟอรัส (Organophosphorus) และให้ชื่อว่า
ซาริน
ซาริน มีสูตรทางเคมีคือ [(CH3)2CHO]CH3P(O)F ซึ่งเป็นสารฆ่าแมลงกลุ่มใหญ่ซึ่งมีจำนวนชนิดของสารออกฤทธิ์มากที่สุด
ซึ่งด็อกเตอร์ สชราเดอร์ ตั้งความหวังว่าสารเคมีดังกล่าวจะช่วยให้หยุดความหิวโหยของมนุษย์ชาติในวันข้างหน้า
หากแต่สิ่งที่ที่ตามมากลับตรงกันข้าม เมื่อยาฆ่าแมลงดังกล่าวต่อมาได้ถูกพัฒนาเป็นอาวุธสงคราม
เป็นก๊าซพิษซึ่งมีผลต่อระบบประสาท โดยถูกนำมาประจำการในกองทัพต่างๆเพื่อเป็นอาวุธเคมีตั้งแต่ปี ค.ศ.1950
นอกจากนี้ยังถูกลักลอบนำมาใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะขบวนการก่อการร้าย
ส่งผลทำให้เขาได้รับฉายาว่า “บิดาแห่งก๊าซทำลายประสาท” ปัจจุบัน
ซาริน ถูกห้ามใช้โดยมติขององค์การสหประชาชาติ
ซาริน จัดเป็นก๊าซพิษที่มีความสามารถทำลายล้างสูง ในสภาวะปกติจะเป็นก๊าซไร้สี ไร้กลิ่น มีคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้ดี
และสามารถระเหยเป็นไอได้ดีที่อุณหภูมิห้อง และยิ่งสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นก็ยิ่งกลายเป็นไอได้ดี
และไอนี้เองที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ อย่างไรก็ตาม
ซารีน สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางทั้งการสูดดม การกลืนกิน
และทางผิวหนัง โดยปริมาณเล็กน้อยก็ทำให้เสียชีวิตได้ มีความเป็นพิษรุนแรงกว่าไซยาไนด์ 500 เท่า
การสัมผัสกับ ซารินจะมีอาการเริ่มต้นดังต่อไปนี้
การออกฤทธิ์จะเกิดขึ้นกับระบบประสาทที่ทำให้การสั่งการต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้ ส่งผลให้เกิดการหดตัวของหลอดลมใหญ่
เป็นเหตุให้หายใจลำบาก น้ำมูกไหล และเกิดการหดตัวของรูม่านตา ไม่นานหลังจากนั้นเหยื่อจะมีอาการหายใจไม่ออก
คลื่นไส้ น้ำลายไหล จากนั้นเหยื่อจะสูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกาย ทำให้เป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
ทั่วร่างกาย อาเจียน กลั้นอุจจาระและปัสสาวะไม่อยู่ ตามมาด้วยการบิดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และเกิดอาการชัก
ในที่สุดเหยื่อจะสลบและทนทุกข์ทรมานจากการชักถี่ๆเป็นชุด และอาจเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ยาที่ใช้ในการแก้พิษของ
ซารีน คือ อาโทรพิน (Atropine)
ก๊าซพิษซาริน
กระทู้นี้ไม่มีเจตนาที่จะวิพากษ์เกี่ยวกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศใดๆทั้งสิ้น
เพียงเพราะในระยะนี้เราจะได้ยินคำนี้ ก๊าซพิษซาริน (Sarin gas) บ่อยครั้ง
เรามารู้จักกับคำๆนี้กันคร่าวๆครับ
ในปี ค.ศ.1938 ด็อกเตอร์ เกฮาร์ด สชราเดอร์ (Gerhard Schrader :1903-1990) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน
ได้ค้นพบยาฆ่าแมลงชนิดใหม่ในกลุ่มสารประกอบออร์กาโนฟอสฟอรัส (Organophosphorus) และให้ชื่อว่า ซาริน
ซาริน มีสูตรทางเคมีคือ [(CH3)2CHO]CH3P(O)F ซึ่งเป็นสารฆ่าแมลงกลุ่มใหญ่ซึ่งมีจำนวนชนิดของสารออกฤทธิ์มากที่สุด
ซึ่งด็อกเตอร์ สชราเดอร์ ตั้งความหวังว่าสารเคมีดังกล่าวจะช่วยให้หยุดความหิวโหยของมนุษย์ชาติในวันข้างหน้า
หากแต่สิ่งที่ที่ตามมากลับตรงกันข้าม เมื่อยาฆ่าแมลงดังกล่าวต่อมาได้ถูกพัฒนาเป็นอาวุธสงคราม
เป็นก๊าซพิษซึ่งมีผลต่อระบบประสาท โดยถูกนำมาประจำการในกองทัพต่างๆเพื่อเป็นอาวุธเคมีตั้งแต่ปี ค.ศ.1950
นอกจากนี้ยังถูกลักลอบนำมาใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะขบวนการก่อการร้าย
ส่งผลทำให้เขาได้รับฉายาว่า “บิดาแห่งก๊าซทำลายประสาท” ปัจจุบัน ซาริน ถูกห้ามใช้โดยมติขององค์การสหประชาชาติ
ซาริน จัดเป็นก๊าซพิษที่มีความสามารถทำลายล้างสูง ในสภาวะปกติจะเป็นก๊าซไร้สี ไร้กลิ่น มีคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้ดี
และสามารถระเหยเป็นไอได้ดีที่อุณหภูมิห้อง และยิ่งสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นก็ยิ่งกลายเป็นไอได้ดี
และไอนี้เองที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ซารีน สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางทั้งการสูดดม การกลืนกิน
และทางผิวหนัง โดยปริมาณเล็กน้อยก็ทำให้เสียชีวิตได้ มีความเป็นพิษรุนแรงกว่าไซยาไนด์ 500 เท่า
การสัมผัสกับ ซารินจะมีอาการเริ่มต้นดังต่อไปนี้
การออกฤทธิ์จะเกิดขึ้นกับระบบประสาทที่ทำให้การสั่งการต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้ ส่งผลให้เกิดการหดตัวของหลอดลมใหญ่
เป็นเหตุให้หายใจลำบาก น้ำมูกไหล และเกิดการหดตัวของรูม่านตา ไม่นานหลังจากนั้นเหยื่อจะมีอาการหายใจไม่ออก
คลื่นไส้ น้ำลายไหล จากนั้นเหยื่อจะสูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกาย ทำให้เป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
ทั่วร่างกาย อาเจียน กลั้นอุจจาระและปัสสาวะไม่อยู่ ตามมาด้วยการบิดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และเกิดอาการชัก
ในที่สุดเหยื่อจะสลบและทนทุกข์ทรมานจากการชักถี่ๆเป็นชุด และอาจเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ยาที่ใช้ในการแก้พิษของ ซารีน คือ อาโทรพิน (Atropine)