บรรจบรัก ตอนที่ 1 เวลาของความรักที่หยุดเดิน

กระทู้สนทนา
ก่อนที่จะอ่านนิยายของผม  ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ
นามปากกาของผมคือริคุโระครับ  เป็นสมาชิกได้มาไม่นานนี้เอง  อยากลองเขียนนิยายมาประเดิมพันทิปสักเรื่อง
อันที่จริงเรื่องนี้เป็นผลงานที่ส่งประกวดนักเขียนหน้าใสแล้วดันซิ่วครับ  ก็เลยคิดว่าเอามาลองให้ทุกคนในนี้อ่านดูมั่งดีกว่า
ผมขอฝากตัวและนิยายของผมด้วยนะครับ  เรื่องนี้เป็นแนวรัก+ดราม่านิด ๆ+ประสบการณ์ชีวิต 20% ครับ
ขอเชิญทุกท่านที่ผ่านมาลองเข้ามาสัมผัสนิยายผม ณ ตั้งแต่บรรทัดต่อไปได้เลยครับ

.................................................................................................................


          ปลัน Route.

          12 ตุลาคม

          ณ  ห้างสรรพสินค้าแถบชานเมือง  ที่แม้วันธรรมดาช่วงบ่าย ๆ  เช่นนี้ก็ยังมีคนเดินขวักไขว่อยู่ไม่น้อย  โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่น่าจะเพิ่งเลิกเรียกเพื่อมาเดินเที่ยวนั้น  มีให้เห็นพอสมควร

          อันที่จริงผมก็เป็นนักเรียนนะ  แต่พอดีว่าวันนี้เลิกเรียนครึ่งวันเลยว่างมาเดินเล่นที่นี่ได้

          แถมยังมีนัดบอดสำคัญกับผู้หญิงคนหนึ่งอีกด้วย > < ///

          และตอนนี้ผมกำลังยืนรอผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้าร้านหนังสือในห้าง

          ผมรู้จักกับเธอผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก  และแลกเปลี่ยนเบอร์มาคุยกันได้สักพักใหญ่แล้ว  และวันนี้เธอก็ว่างเหมือนกัน  ก็เลยนัดออกมาพบปะกันอย่างที่ได้ว่ามา

          ผมเรียนที่วิทยาลัยวารุเชษ  ในตัวเมืองสมุทรสาครชั้นปวช. 2  ส่วนเธอเรียนสายสามัญที่โรงเรียนบุศรินทร์อยู่ชั้น ม.6 ในแถบชานเมืองของกรุงเทพ ฯ

          อึก!  บ้าจริงแฮะ  ทั้ง ๆ  ที่ยังไม่ได้เจอหน้ากัน  แต่ไหงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ  ล่ะ -__-‘’

          ว่าแต่...  ตอนนี้เธอถึงไหนแล้วนะ

          ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  กดเบอร์ของเธอแล้วโทรออกผมรอสัญญาณประมาณ 2 วิฯ  เธอจึงรับ

          (คะ)

          “เอ่อ  ตอนนี้อยู่ไหนเหรอครับ”

          ถึงผมจะเป็นคนออกรั่ว ๆ  ไปบ้าง  เวลาคุยกับเธอก่อนจะถึงวันนี้ผมก็รีแลกซ์คุยกับเธอสบาย ๆ  แต่พอถึงวันนี้กลับ

          (หือ  เป็นอะไร  พูดซะเป็นทางการเชียว  ฮะ ๆๆ)

          นั่นไง  เธอยังฟังออกเลย =__=’’

          (ขึ้นมาด้านบนตรงด้านบน  อยู่ตรงหน้าร้านหนังสือแล้วแหละ  อ๊ะ!)

          ผมรู้สึกว่าเสียง ‘อ๊ะ’ ของเธอมันยังอยู่แถว ๆ  สะท้อนอยู่ข้างหลังผมจังหันหลังไปดู

          เธอทำให้ผมประหลาดใจอย่างมาก 0.o!!

          ใบหน้าเรียวกลม  ดวงตาที่เรียวเล็กแต่ดึงดูดคนที่สบตาได้  แก้มขาวผ่องก็อิ่มเติบได้ที่  ริมฝีปากบางแลดูสดใส  มัดผมหางม้า  ใส่ชุดนักเรียน ม. ปลาย  ดูท่าทางเรียบร้อยมองมาทางผม  อีกทั้งยังถือโทรศัพท์แนบหูไว้อีก

          แทบไม่ต้องอธิบายอะไรมาก  เธอคือคนผมที่นัดบอดเอาไว้นั่นเอง

          ที่จริงผมก็เคยเห็นรูปถ่ายเธอนะ  แต่ไม่เคยคิดว่าตัวจริงจะ...

          สวยอะไรอย่างนี้  อา... ชักประหม่าซะแล้ว -///-

         “อะ  เอ่อ  นิวใช่มั้ยครับ” โอย...ปากเกร็งไปหมดเลยแฮะ

          “ค่ะ  นี่มาคุโร่  ไม่สิ  ปลันใช่มั้ยเอ่ย”

          เอ่อ  ขอบอกไว้ก่อนว่า  ชื่อที่เธอเรียกผม  ชื่อแรก  เป็นนามแฝงที่ผมใช้ใน SNS แต่ชื่อหลังนั้นเป็นชื่อเล่นจริง ๆ  ที่บอกกับเธอในภายหลัง  ซึ่งปกติเธอจะเรียกผมว่ามาคุโร่  แต่วันนี้เธอเธอพูดชื่อเล่นจริงผมให้ฟังครั้งแรก  เลยยิ่งอึ้งกว่าเดิม  โอย  เริ่มหน้ามืด = =’’

          “ใช่ครับ  ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ  แหะ ๆ” ผมพูดพลางเกาหัวแก้เขิน

          “เอ๋  หมอนี่เหรอที่บอกว่าจะมาเจอน่ะ”

          อยู่ดี ๆ  ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดโพล่งมาจากด้านหลังของนิว  ท่าทางจะเป็นเพื่อนของเธอละมั้ง

          “เอาจริงดินิว” อีกคนนึงพูดเสริม

          “เอ่อ...” และมีอีกคนครางพึมพำปิดท้าย  เหมือนแอบรังเกียจ  นี่ ๆ  จะด่าว่ากันก็ได้นะ - -

          “ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ  นี่ปิง  ดรีม  แชร์  ทุกคน  นี่มาคุ...  เอ๊ย!  ปลันจ้ะ ^^///”

           เธอแนะนำให้ให้รู้จักกับทั้งสามคน  ปิงคือคนที่ผิวคล้ำ ๆ  ไว้ผมยาว  ดรีมเป็นคนที่หน้าตาดีระดับหนึ่งมัดผมหางม้า  และแชร์  คือคนที่หน้าตากลาง ๆ  ไว้ผมสั้นประบ่า  ทั้ง 3 คนต่างส่งสายตาที่มีลักษณะแบบเดียวกันมาทางผม

          ใช่  มันคือสายตาที่ดูรังเกียจผมอย่างเยือกเย็น

          โอ้ว  บร๊ะเจ้า  ทำไมเธอต้องเอาเพื่อนมาด้วยเนี่ย  นี่เธอไม่ไว้ใจผมขนาดนั้นเลยเหรอ T^T

          แต่มันก็น่าอยู่หรอก  เพราะผมเองหน้าตาก็ใช่ว่าดี  อยู่ในระดับกลาง ๆ  ที่ไม่มีจุดสนใจเป็นพิเศษ  แถมยังออกโหด ๆ  ด้วยซ้ำ  แต่ถ้าใครรู้นิสัยผมนะ  จะรู้เลยว่ามันช่างแตกต่างจากไอ้ใบหน้าโหด ๆ  นี่โดยสิ้นเชิง  เพราะผมทั้งบ้าทั้งรั่วเลยล่ะ

          และที่สำคัญ  ถ้าหากผมรักใครสักคน  ผมก็จะทั้งรักทั้งอ้อนเป็นแมวเชื่อง ๆ  ไปเลยแหละ

          แต่ให้เล่นมาเจอแบบนี้  มันก็ไม่ใช่นัดบอดแล้วน่ะสิ  อารมณ์เหมือนให้มาดูตัวกันชัด ๆ  แถมยังตั้ง 3 คนแน่ะ  โอ๊ย  อยากเอาหัวแทรกมุดดินชะมัดเลย T^T

          “เอ่อ...  พวกเธอไปไปที่อื่นกันก่อนก็ได้  ฉันขอเดินเล่นกับปลันนี่แหละ  ไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันดูแลตัวเองได้”

          เดี๋ยวสินิว  พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย  เหมือนจะบอกว่าเธอก็ไม่เชื่อใจผมเรอะ  นี่เธอกังวลว่าผมจะทำมิดีมิร้ายเธอเหรอเนี่ย  หน้าตาฉันมันเหมือนพวกโรคจิตงั้นสินะ  อ๊ากกก  อยากเอาหัวโขกเสา T^T~

          “งั้นก็...  ระวังตัวด้วยล่ะ  ไปกันเถอะพวกเรา”

          และแล้วยัยผู้หญิงผิวคล้ำที่ชื่อว่าปิงชัดชวนเพื่อนอีกสองคนเดินออกห่างจากผมกับนิวไป  ชักรู้สึกไม่ถูกชะตากับพวกนั้นอย่างแปลก ๆ  แฮะ  และดูเหมือนทุกคนจะระแวง  ไม่สิ

          รังเกียจผมเลยแหละ...

          เฮ้อ  จะเอายังไงต่อไปดีเนี่ย

          “เอ่อ  ปลัน”

          จู่ ๆ  นิวก็เรียกผม

          “อะไรเหรอ” ผมถามด้วยท่าทางเกร็ง ๆ  = =’’

          “ไปเดินเที่ยวกันเถอะ =__=’’ ”

          ประหม่าทั้งคู่สินะ  มันจะล่มมั้ยครับเนี่ยยย

          “เอ่อ  เห็นในโทรศัพท์เสียงร่าเริงนี่นา  แล้วทำไมคอนนี้ถึงเงียบ ๆ  ล่ะ”

          อึก!  ยิงคำถามได้แทบกระอักเลือดมาก

          “ก็...มันยังไม่ชินนี่นา  แถมผมเอง  ก็เพิ่งเคยเจอนิวครั้งแรกด้วย -///- ”

          “อือ  นั่นสิ  ไม่ต่างกันเลยเนอะ  ฮะ ๆๆ ^^’’ ”

           “เอ่อ  แล้วจะไม่เดินเที่ยวเหรอ” ผมจึงถามกลับมั่ง

          “อ๊ะ  เออแฮะ  นั่นสินะ  ฉันนี่ทึ่มใหญ่และ  อุตส่าห์ชวนเธอก่อนแท้ ๆ  ฮะ ๆๆ =w=” ’’



          หลังจากนั้นผมกับนิวก็เดินรอบห้างกัน  ตัวเธอนั้นบอกผมว่าไม่ค่อยได้มาเดินห้างแห่งนี้สักเท่าไหร่  แต่ก็มีร้านที่ชอบและพอจำได้เธอก็ไปดูร้านที่เธอแวะมาบ่อย ๆ  ส่วนผมก็พาเธอมาเล่นเกมเซ็นเตอร์กัน  แต่เธอบอกว่าเล่นไม่เป็น  ผมจึงเล่นอยู่คนเดียวแล้วให้นิวยืนมอง  เธอก็ยืนจ้องผมตาไม่กระพริบต่อความเทพของผม (ขอบอกว่าผมเองก็เป็นเซียนเกมเหมือนกัน  หึ ๆ) เราสองคนเดินไปเดินมาจนกระทั่ง...

          “เอ๊ะ  ป่านนี้แล้วเหรอ  ต้องกลับแล้วล่ะปลัน  เดี๋ยวขอโทรเรียกเพื่อนก่อนนะ”

          ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า  ตลอดเวลาที่เดินด้วยกัน  ผมรู้สึกเหมือนตื่นเต้นตลอด  หัวตื้อไปหมด  เวลาที่เธอยิ้มน้อย ๆ  ออกมา  เหมือนมันสดใสไปหมด  และยังมีอะไรอีกหลาย ๆ  อย่างที่ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

          ไม่แน่ว่า  ผมอาจจะเริ่มชอบเธอแล้วก็ได้

          เอาล่ะ  ผมรวมรวมสติที่กำลังจะขอสิ่ง ๆ  หนึ่งจากเธอ

          “นิว”

          “หืม  อะไรเหรอ?” เธอถือโทรศัพท์แล้วหันมามองอย่างงง ๆ

          “คือ...ผม  ขอจับมือ  ได้มั้ย”

          เธอเผลอทำโทรศัพท์ร่วงออกจากมือ

          “เหวออออ *0* ” ผมคว้าโทรศัพท์ไว้ได้ทันหวุดหวิดก่อนที่จะถึงพื้น

          “เอ่อ...นี่ = =’’ ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เธอ

          “ขะ  ขอบใจ ;__;”

          เธอรับโทรศัพท์จากผมไป  โดยไม่ได้แตะแม้แต่ปลายก้อย

          “เอ่อ  ได้มั้ย” ผมทวนคำถามอีกครั้ง  แต่ก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันแล้วแฮะ -///-

          “มะ  มาขอกันแบบนี้เนี่ยนะ *//0//* ”

          “ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ = =\\\”

          “ไม่หรอก  ก็...เอาสิ -//..//-”

          หน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย  ส่วนผมเหรอ  ลอยไปตั้งแต่เธอบอกว่า ‘เอาสิ’ แล้วล่ะ  เธอยื่นมือขาวอมชมพูมาให้ผม  ใจผมเต้นรัวเป็นกลองเปิงมาง  มือของเราสองคนกำลังจะประสานกัน

          ทว่า

          เธอค่อย ๆ  ชักมือเข้าหาตัวเอง  ยิ่งมือของผมเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่  เธอก็ยิ่งหดมือจนผมท้อที่จะไล่ตาม  ผมจึงหดมือกลับ  เช่นเดียวกับนิวที่เอามือกลับไปแนบลำตัวเรียบร้อยแล้ว

          “ขะ  ขอโทษนะ”

          นิวตอบผม  เสียงของเธอสั่นไปหมด  มือของเธอ  จากผิวสีขาวอมชมพูเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างชัดเจนและชุ่มเหงื่ออย่างเห็นได้ชัด

          “ไม่เป็นไรหรอก”

          ถึงผมจะตอบไปแบบนั้น  แต่ในใจผมปวดร้าวเป็นอย่างมาก

          เธอเองก็คง  กลัวผมเหมือนกันสินะ

          “อ้าวนิว  ทางนี้ ๆ

          ผมกับนิวหันขวับไปมอง

          “อ้าว  ปิง  ดรีม  แชร์”

          นิวพูดด้วยเสียงเริงร่า  เหมือนกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          “จะกลับยัง” ดรีมถามนิว

          “อื้อ ๆ  กลับแล้ว ๆ  ไป ๆๆ”

          นิวเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง  ด้วยท่าทางปกติ  ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกที่เห็นเธอทำท่าทางแบบนั้น

          แต่พอเดินไม่ถึง 3 ก้าว  เธอก็หันกลับมา

          “วันนี้สนุกมากเลยนะปลัน  ขอบคุณนะ  อย่างน้อย  ฉันก็รู้ว่าเธอเป็นคนดี”

          เธอพูดให้ผมด้วยรอยยิ้ม  ถึงไม่รู้ว่ามันจะเสแสร้งหรือเปล่า  แต่มันก็ทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้น

          และรู้สึก  ชอบเธอมากขึ้นเหมือนกัน

          “อื้ม  ถ้าเป็นไปได้  ไว้เจอกันอีกนะ”

          เธอไม่ตอบอะไรกลับมา  เพียงแค่ยิ้มให้  และโบกมือให้ผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อนและหายไปในกลุ่มคนที่รอรถตรงหน้าห้างฯ



          ผมนั่งอยู่บนรถเมล์ปรับอากาศพร้อมกับใจที่เต้นระรัว

          ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว  ว่าผมจะลองทำทุกอย่างให้เธอเห็น  และให้เธอยอมรับผม  ถึงแม้ว่าถ้าทำถึงขนาดนั้นแล้วเธอจะยังไม่ชอบก็ตาม  ผมก็ถือว่าคุ้มแล้วที่ได้ทำลงไป

          ทว่า

          นับจากวินาทีนี้ไป  สิ่งที่ผมคาดหวังไว้  กลับพังทลายลง

          กริ๊งงง

          โทรศัพท์ของผมดังขึ้น  ผมหยิบขึ้นมาดู  เบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของนิว  ผมจึงกดรับทันทีอย่างไม่ลังเล

          “ฮัลโหลมีอะไรเหรอ”

          (เธอ  เรามีอะไรจะบอก)

          หะ!!  อะไร  จะบอกอะไร  ใจผมเต้นระรัวไปหมด

          “เอ่อ  มีอะไรก็ว่ามาสิ”

          (เธอมันไม่ใช่สำหรับเราอะ  เป็นแค่เพื่อนกันเหอะ)

          ใจผมเหมือนโดนบีบอย่างทรมาณเมื่อผมได้ยินคำนั้นผ่านทางโทรศัพท์

          เผาะ...เผาะ...  ผมหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว  และไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่อยู่บนรถ

          น้ำเสียงของเธอเหมือนตัดเยื่อใยจากผม  แต่มันฟังดูแปร่ง ๆ  ชอบกล  เหมือนไม่ใช่เสียงปกติของเธอ

          “ฮึก...ทำไมกันล่ะ  ผมเอง  ฮึก  ขอโอกาสหน่อยไม่ได้เหรอ”

          (โอกาสเหรอ...  เฮอะ  ไม่มีให้หรอก  ถ้ายังคิดแบบนั้นอยู่  ฉันก็คงไม่มีอะไรจะพูด  ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้  ก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก!)

          ตึ๊ด  และแล้วเธอก็ตัดสายไป

          น้ำเสียงของเธอกระแทกกระทั้นสร้างแผลไว้ในใจของผมเป็นบริเวณกว้างมาก  น้ำตายิ่งไหลท่วมมากขึ้น ๆ  ไม่ยอมหยุด  แต่ผมก็พยายามไม่สะอื้นออกมาเพราะเกรงใจคนรอบข้าง

          อีกแล้ว

          เอาอีกแล้วเหรอครั้งนี้

          ความรักของฉันมันจะไม่มีวันสมหวังเลยใช่มั้ย

          ก็ได้...

          จนกว่าจะถึงปีใหม่  ฉันจะไม่มีใคร  แล้วจะโทรไปหาเธออีกครั้ง  ถ้าหากถึงตอนนั้นเธอยังพูดคำเดิมอีก  ผมก็จะถอดใจอย่างสมบูรณ์



          ต้องทำให้ได้  ไม่สิ  จะทำให้ดู  ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเองว่าฉันชอบเธอแค่ไหน

ติดตามตอน2อีกไม่นานครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่