ข้อมูล สเปคและ อธิบายฟังชั่น Samsung Galaxy Note 3

เปิดตัวอย่างเป็นทางการสักทีนะครับ ^^ มือถือหน้าจอใหญ่ที่มาพร้อมกับปากกา S-Pen Samsung Galaxy Note 3 ผมเอารายละเอียดข้อมูลมาฝากครับจากงาน IFA2013 ที่จัดขึ้นในที่กรุงเบอร์ลิน รวมๆและเรียบเรียงมาให้เพื่อนๆได้ดูกันง่ายๆหน่อยครับ

Cr.Ton Panasit รับหน้าที่นั้งทำให้เราอ่านเมื่อคืน ขอบคุณมากๆครับ


ข้อมูลต่างๆที่มีการเปิดเผยในงานนี้มีดังนี้ครับ

Specification
สเปคเครื่องของเจ้า Samsung Galaxy Note 3 ก็ไม่ต่างไปจากที่มีข่าวหลุดออกมาก่อนหน้าเท่าไหร่ ซึ่งสเปคตัวเครื่องมีดังนี้ครับ
CPU: 2.3GHz quad-core processor / 1.9GHz octa-core processor (ขึ้นกับแต่ละประเทศ)
RAM: 3GB
OS:  Android 4.3 Jelly Bean
ขนาดหน้าจอ:  5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED
ความละเอียด:  1,920 x 1,080 (386ppi)
แบตเตอร์รี่: 3,200mAh
หน่วยความจำภายใน:  32 / 64GB
หน่วยความจำภายนอก:  microSD เพิ่มได้สูงสุด 64GB
กล้องหลัง: 13MP มีระบบ OIS ในตัวช่วยการถ่ายภาพในที่แสงน้อย
กล้องหน้า: 2MP
บันทึกวิดีโอ: 1080p 60FPS และระดับ 4K (สำหรับบางรุ่น)
การเชื่อมต่อ: NFC, Bluetooth 4.0
เครือข่ายที่รองรับ: HSPA+, LTE
ขนาด 151.2 x 79.2 x 8.3 มิลลิเมตร
น้ำหนัก: 168 กรัม

ดีไซด์
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างแรกของ Note 3 คือวัสดุ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ Samsung เปลี่ยนวัสดุจากพลาสติกมาเป็นหนังเทียม (Faux leather) ซึ่งช่วยให้ผิวสัมผัสของตัวเครื่องดีขึ้น และมีลูกเล่นที่คล้ายรอยเย็บตรงขอบเครื่องด้วย ซึ่งตรงนี้ผู้ใช้ที่ไม่ชอบผิวสัมผัสของพลาสติกน่าจะถูกใจครับ





ถึงแม้ Galaxy Note 3 จะมาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่กว่า Galaxy Note 2 แต่ว่ากลับเบากว่าและบางกว่า ซึ่งต้องยกประโยชน์ให้ทีมออกแบบ


Samsung ได้จ้างทีมออกแบบมากมายในส่วนของขั้นตอนการดีไซด์ รวมถึง Moschino และ Nicholas Kirkwood เพื่อทำอุปกรณ์เสริมมาเอาใจคนทุกกลุ่ม โดยเริ่มจากเคสหลากสีสันที่สามารถเลือกใช้งานได้ ฝาหลังที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้อีกหลากรูปแบบเช่นกัน (สำหรับคนที่ไม่ชอบฝาหลังแบบหนังครับ)


จุดเด่น
Galaxy Note 3 มีจุดเด่นอยู่ 5 ประการในการนำเสนอครับคือ บางกว่า, เบากว่า, ใหญ่กว่า, เร็วกว่า และใช้งานได้ยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy Note 2


ในด้านฮาร์ดแวร์ Samsung จัดเต็มตั้งแต่ RAM เครื่องที่ให้มาจุใจถึง 3GB


สิ่งที่ทำให้ Galaxy Note 3 สามารถจัดเต็มความสามารถด้านซอฟท์แวร์ได้มากมาย ส่วนหนึ่งเพราะพื้นที่การแสดงผลที่เพิ่มขึ้น และฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้น ทำให้เราสามารถทำงานได้หลายๆอย่างมากขึ้นนั่นเอง 5.7 นิ้ว Full HD Super Amoled


กล้องที่เพิ่มความละเอียดจากเดิม 8MP มาเป็น 13MP และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 4K ได้ (แต่ว่าเฉพาะกับรุ่นที่รองรับซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นที่ใช้ CPU ของ Qualcomm Snapdragon) และสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดแบบ Full HD ได้ที่ 60 FPS


ในด้านของเสียง Galaxy Note 3 เองก็รองรับเสียงคุณภาพสูงระดับ 192KHz, 24bit รองรับการเชื่อมต่อแบบ LTE ที่ครอบคลุม 6 คลื่นความถี่ซึ่งน่าจะสามารถใช้งานได้ทั่วทั้งโลกแล้วครับ แบตเตอร์รี่ขนาด 3,200 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม 40% ทั้งในด้านการใช้งานทั่วไปการใช้งานด้านความบันเทิง


ตัวเครื่องมีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สีคือสีดำ, ขาวและสีชมพู (!) จะวางจำหน่ายพร้อมกัน 149 ประเทศทั่วโลกในวันที่ 25 กันยายนนี้ (น่าจะรวมไทยด้วย) ส่วนราคายังไม่มีการระบุออกมาครับ


ซอฟท์แวร์และฟังชั่น
พระเอกในงานวันนี้จริงๆน่าจะต้องบอกว่าเป็นส่วนของซอฟท์แวร์มากกว่าฮาร์ดแวร์ครับ เพราะในส่วนของ Software นั้น ทาง Samsung ขนความสามารถด้านซอฟท์แวร์มาโชว์กันแบบเต็มๆ เช่นเคย เริ่มจาก S-Pen ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีคุณสมบัติใหม่ที่มากับเจ้าปากกานี้อีกเพียบเริ่มจากคุณสมบัติ Air command ที่เป็นการเรียกใช้งานฟังก์ชั่นใหม่ที่มีใน Galaxy Note 3 ได้จากส่วนใดก็ได้ของหน้าจอ

ตัวนี้คือตัวเด่นที่จะเป็นจุดเริ่มของการใช้งานอีกหลายอย่างเลยครับ


Air command เป็นรูปแบบการสั่งการรูปแบบใหม่ใน Galaxy Note 3 ซึ่งเราสามารถสั่งการจากตำแหน่งใดก็ได้บนหน้าจอเพื่อเรียกหน้าต่างคำสั่งย่อยอื่นๆขึ้นมา


คำสั่งย่อยที่สามารถสั่งการได้ผ่าน Air command มีดังนี้ครับ

Action memo -เป็นคุณสมบัติที่เราสามารถจดโน๊ตในส่วนใดก็ได้ของหน้าจอ จากนั้นระบบจะวิเคราะห์และมีคำสั่งต่างๆให้เราเลือกทำกับโน๊ตที่เราจดเอาไว้ (ในภาพด้านบนจะเห็นไอค่อนคำสั่งที่สามารถสั่งการได้หลากหลาย เช่น โทร, ส่งข้อความ ฯลฯ) ในงานเปิดตัวนั้นสาธิตโดยการจดโน๊ตที่เป็นเบอร์โทรศํพท์พร้อมชื่อของคนๆหนึ่ง ซึ่งเราก็สามารถเลือกคำสั่งจาก Action memo เพื่อเก็บเบอร์โทรและชื่อของคนๆนั้นเอาไว้ในรายชื่อได้ทันที (หรือจะโทรออกจากเบอร์ที่เราโน๊ตเอาไว้เลยก็ได้)


Scrapbook-เป็นการใช้ S-Pen สำหรับลากเส้นรอบบริเวณข้อมูลที่เราต้องการเก็บเข้าสมุด (Scrapbook) ของเรา จากนั้นระบบก็จะจัดเก็บโน๊ตพวกนั้นให้เราเอง ในกรณีที่เป็นเว็บไซต์ ระบบก็จะเก็บ URL ให้ด้วย


S Finder-เป็นคุณสมบัติสำหรับการหาโน๊ตต่างๆที่เราจดเอาไว้ผ่าน keyword ในการค้นหา ที่สำคัญเราสามารถโน๊ตที่เราจดด้วยลายนิ้วมือของเราได้อีกด้วย

Pen Window-ฟังก์ชั่นนี้เป็นคุณสมบัติที่น่าตื่นเต้นครับ เพราะเราสามารถลากเส้นเป็นกรอบสี่เหลี่ยม (หรือหน้าต่างตามชื่อของมัน) จากนั้นระบบจะแสดงรายชื่อแอพที่เราสามารถเรียกมาแสดงในกรอบที่เราวาดเอาไว้ได้ ซึ่งทำให้เราสามารถเรียกใช้งานแอพได้ 2 แอพพร้อมกันได้ง่ายๆโดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปที่อื่นเลย แค่วาดแล้วเลือกแอพที่อยากใช้
ตัวอย่างที่แสดงในงานคือ เราสามารถลากกรอบเพื่อเรียกแอพเครื่องคิดเลขขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังแชทกับเพื่อนและต้องการคำนวนเงินที่ต้องหารกันได้เลย โดยไม่ต้องกลับไปหน้าโฮมก่อน


ฟังชั่นในส่วนอื่นๆ

Multi Windows Full multi-tasking-นี่ก็เป็นอีกคุณสมบัติเด่นที่ต่อยอดมาจากคุณสมบัติ multi windows เดิมครับ แต่ที่เยี่ยมคือ เราสามารถเปิดแอพเดียวกันได้พร้อมกัน 2 หน้าต่าง โดยตัวอย่างที่แสดงในงานคือ เราสามารถเปิดหน้าต่าง Chat-On 2 หน้าต่างเพื่อคุยกับเพื่อน 2 คน จากนั้นเราสามารถใช้ S-Pen จิ้มข้อความที่ต้องการก๊อปปี้ให้เพื่อนอีกคนนึงอ่าน จากนั้นก็ลากและโยนลงไปในหน้าต่างแชทของเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ทันที ซึ่งเป็นการทำงานแบบ Full multi-tasking จริงๆครับ



My Magazine -เป็นบริการคล้ายๆกับแอพพลิเคชั่น Flipboard ติดตามขาวจาก Social ได้เหมือนหน้าหนังสือนิตยสารครับ


Multi Vision-ฟังชั่นที่พัฒนาเพิ่มเติมจาก Group Play จากที่เคยช่วยกันเล่นเพลงได้หลายเครื่องพร้อมกันใน Galaxy S4 มาวันนี้ Galaxy Note3 สามารถเชื่อมต่อหน้าจอร่วมกัน เรียงเครื่องเพื่อแสดงผลภาพยนต์หรือคลิปวีดีโอเดียวกันในขนาดที่ใหญ่ขึ้น


New S-Note - หน้าตาใหม่ ความสามารถใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงและทำงานแบบ Cloud service พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับบริการจดโน๊ตชื่อดังอย่างแอพพลิเคชั่น Evernote ได้ด้วยครับ


และสุดท้าย "KNOX" กลับมาแล้ว หลังจากเปิดตัวไปพร้อมๆกันกับ Galaxy S4 แต่ก็เงียบหายไป เป็นฟังชั่นที่แสดงให้เห็นว่า Samsung เริ่มรุกสู่ตลาดองค์กร เพราะคุณสมบัติรักษาความปลอดภัยที่ชื่อว่า KNOX ตัวนี้ เป็นคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยของเครื่องระดับองค์กร (Enterprise security solution) ที่จะถูกติดตั้งมากับ Galaxy Note 3 ทุกเครื่อง ด้วยคุณสมบัตินี้จะทำให้องค์กรใหญ่ๆสามารถอนุญาตให้พนักงานใช้อุปกรณ์ของตัวเองในการทำงานได้ (Bring your own device: BYOD) เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เขื่อถือได้นั้นเองครับ


ทั้งหมดคือจุดเด่นที่เรารวบรวมมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ ขาดตกสิ่งไหนแสดงว่าตามคนฟรีเซนต์ไม่ทัน เพราะเมื่อคืน Samsung พรีเซนต์เยอะและไปเร็วมากจริงๆครับ สามคนช่วยกันยังเซฟไม่ค่อยจะทันเลย - -

สิ่งหนึ่งที่คงสไตล์ Samsung ได้เหมือนเดิม คือออกผลิตภัณฑ์ที่เน้นฟังชั่นแบบจุใจ จับจุดเรียกความอยากลองของผู้ใช้ได้เช่นเคย
ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านครับ ^^

http://www.appdisqus.com/2013/09/05/samsung-revelaed-galaxy-note-3-available-25-september-worldwide.html

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่