สุดทางของหน่าผาหินอันหมิ่นเหม่ ส้นเท้าเล็กสัมผัสได้ถึงขอบผาหินกว้างที่
เม็ดหินร่วงหล่นสู่หุบเหวเบื้องล่างเป็นเศษเล็กเศษน้อย ลมหนาวพร้อมใจกันพัดเสียด
ทั่วร่างจนขนลุกชัน เสมือนมีเเรงดึงดูดบางประการที่พร้อมจะฉุดดึงกายลงไปได้ทุก
เมื่อ ไม่มีทางไปนอกจากนี้อีกเเล้ว นอกจากจะมีปีกพาร่างอันสะบักสะบอมของตนเอง
หนีไป
"เธอหนีไม่รอดเเล้วเมฆา เดชะฤทธิ์ "
ถ้อยคำนั้นดังกึกก้องสะท้อนไปมาในหุบเหวราวกับตอกย้ำ จนเธอนึกรำคาญ
"มีเเน่ ถ้านายล้มเลิกความตั้งใจที่จะไล่ตามตัวฉันซะ!"
เธอกระเเทกเสียงกลับไปอย่างดุดัน เเละต่อจากนั้นก็ทำในสิ่งที่บ้าที่สุดเข้าให้เเล้ว
เด็กสาวหันหลังให้ ชายหนุ่มผู้คุกคามเลิกคิ้วขึ้นสูงยังนึกไม่ออกว่าเธอจะทำสิ่ง
ใด ดวงตาสีเทาสาดประกายตื่นเต้นขึ้นทันที ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้ม เมื่อเห็นเด็ก
สาวเกร็งกำลังที่ขาจนพื้นหินจมเป็นรอยเเละดีดตัวทะยานขึ้นสัมผัสกับห้วงอากาศ
ก่อนดิ่งลงสู่ธรณีเบื้องล่าง
เมฆผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งถึงขีดสุด สายลมเข้าเเล่นปะทะอย่างรุนเเรง
ความเร็วในการตกทวีความเร็วขึ้นตามเเรงโน้มถ่วงของโลก ตาคมกริบเห็นที่หมาย
สุดท้ายชัดเจน คือมวลน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากช่องเเคบๆที่ทั้งเร็วเเละเเรง ลำตัว
เตรียมพร้อมพุ่งเคลื่อนที่ไปในน้ำ โดยการรวบขาให้ชิดกัน และเก็บศีรษะไว้ระหว่าง
แขนที่เหยียดตรง อดกลั้นลมหายใจสุดชีวิต
ตูม!
ราวกับทั้งร่างถูกบีบอัด รอบข้างเป็นม่านน้ำสีฟ้าใสเเต่ไม่สามารถมองทะลุขึ้น
ไปถึงด้านบนได้ ปลาหลากสีสันว่ายผ่านไปอย่างตระหนก ระดับที่ค่อนข้างสูงของหน้า
ผาทำให้เธอหล่นมาลึกพอสมควร ลึกจนเห็นเเนวปะการังเเละสาหร่ายสีเขียวที่พันกัน
ยุ่งเหยิง หากเธอโดดตูมลงมาโดยไม่รู้จักพื้นที่มาก่อนก็อาจไม่รอดเพราะ ถ้าความลึก
ของธารน้ำสายนี้ไม่พอ เธอคงต้องตกลงมากระเเทกพื้นดับอนาถ ช่องเเคบเล็กๆที่น้ำ
ทะลักออกมาเป็นทะเลใหญ่ เเละน้ำเค็มจะมาบรรจบกับเเม่น้ำที่ห่างออกไปไม่ไกล
ความเร็วลดลงเเล้วเมื่อมองขึ้นไปยังเบื้องบนเห็นเพียงผืนน้ำทะมึนที่บัดนี้เชี่ยว
กราก เธอจะต้องขึ้นไปผจญกับมันอีกครั้งเมฆพยายามว่ายขึ้นให้เร็วที่สุดด้วยกำลังที่
มีก่อนจะหมดลม เหมือนเห็นเเสงสว่างเล็กๆใกล้เเค่เอื้อม เมฆไขว่คว้าอากาศจาก
เบื้องบนสุดตัว ครั้นขึ้นมากลับพบท้องฟ้าสีเข้มเข้ามาเเทนที่เสียเเล้ว รายงาน
พยากรณ์อากาศของหนังสือพิมพ์เมื่อวานกล่าวว่าจะมีพายุเข้า เเล้วนี่เธอมาทำบ้า
อะไรอยู่กลางน้ำกัน!
เมฆสูดลมหายใจลึกจนเต็มท้อง เเสงสว่างที่สังเกตเห็นในตอนเเรกเป็นเพราะ
ฟ้าเเลบนี่เอง ขอบฟ้าสวยถูกเเยกชั้นด้วยสีเเดงของพระอาทิตย์ที่ริบหรี่ลงเรื่อยๆกับชั้น
ของสีม่วงช้ำๆเหมือนรอยเเผลไม่นานมันถูกอาบกลืนด้วยสีเทาดำจนไม่เหลือเค้าเดิม
ห่าฝนใหญ่เทกระหน่ำรัวลงมาเหมือนเขื่อนเเตกเมฆยกมือซีดๆบังใบหน้าของตนไว้
ปล่อยให้ร่างกายถูกกระเเสน้ำรุนเเรงพัดพาไปภาวนาไม่ให้ตนพลาดท่าจมหายลงไป
กับคลื่นเสียก่อน
ที่ริมผาเบื้องบน ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยังคงมองด้วยความฉงนสนเท่ห์ต่างพา
กันกลืนน้ำลายกันเป็นเเถบๆอยู่เช่นนั้น
"มันเป็นอมนุษย์ประเภทไหนกันเเน่ครับท่านวายุ ถึงบ้าดีเดือดได้ขนาดนี้คงไม่รอด
เเล้วล่ะครับ"
ชายหนุ่มร่างสูงเดินตรงไปยังริมผา มือขาวเสยผมสีเงินที่ปรกใบหน้าขึ้นปล่อย
ให้สายฝนชโลมทั่วร่างในชุดสูทสีขาว ตาสีเทามองร่องรอยเท้าของเธอที่ยังเห็นเป็น
ร่องรอยชัดเจนว่าสามารถบดหินเป็นร่องลึกลงไปได้เล็กน้อย
เขาตรวจสภาพหุบเหวเบื้องล่างธารน้ำไหลเชี่ยวที่ไม่เห็นเเม้เเต่เงาของ
สิ่งมีชีวิตใดอาจถูกกระเเสน้ำพัดพาไปอย่างรวดเร็ว พลังที่เห็นเเละความจงใจที่จะกระ
โดดลงไป คงยังไม่ตายง่ายๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องงมหาศพในตอนนี้
"ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร เเต่มันเป็นผู้เกี่ยวพันกับการหายตัวไปของเรเวนมือขวาของ
ฉัน สั่งการออกไปให้ออกสำรวจป่าดูดเลือดข้างล่าง หาถ้ำที่อาจเป็นที่ซ่อนตัวเเละ
ต้นไม้สูงทุกต้นที่มันอาจจะขึ้นไป"
"ป่านั่นค่อนข้างอันตรายนะครับ ถึงมันอาจจะใช้เป็นทางลัดในการหลบหนีได้ก็เถอะ"
โฮปลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยอย่างกังวล
"ก็จริงเเต่ว่าคุณเรเวนน่าจะต้องการบอกความนัยบางอย่างที่เกี่ยวกับเด็กนี่"
โรเบิร์ตชายร่างใหญ่ผิวคล้ำผู้เป็นมือซ้ายคาดเดา
"ข้อความที่เขาทิ้งไว้ให้มีเเค่'ให้ระวังคนใกล้ เเละอย่าตามอมนุษย์นัยต์ตาสีมรกต'ข้อ
ความหลังก็คือยัยเด็กนั่นที่ไวยังกับลิง เเต่คุณเรเวนยิ่งห้ามพวกเราก็ยิ่งสงสัย เพราะ
เธออยู่ในที่เกิดเหตุ จากบัตรนร.ของเธอนั่นเองที่นายพบว่าจมอยู่ในกองเลือดของเร
เวนไม่ใช่หรือโฮป เรื่องนี้ต้องด่วนมากๆขนาดจำเป็นต้องส่งสารสั้นๆเเค่นี้มา"
"เขาอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยังพูดอะไรไม่ได้มากในตอนนี้ ในวันที่ฉันถูกลอบฆ่าน่า
เเปลกที่เป็นวันเดียวกันกับที่พวกตระกูลโนอาห์ก็เดินทางมาที่นี่ด้วย"
วายุพยายามเชื่อมโยงทุกๆอย่างเข้าด้วยกัน
"จุดมุ่งหมายของทุกคนมุ่งตรงมายังดินเเดนนี้ทั้งสิ้น อาจจะรวมถึงเด็กนั่นด้วยเธออาจ
เกี่ยวข้องกับพวกโนอาห์สินะครับ"
โรเบิร์ตตั้งข้อสังเกต
"ยังสรุปไม่ได้"
"ข้อความดูขาดๆหายๆเหมือนรีบเขียน เเละในบัตรนร.นั่นเธอก็ไม่ได้มีดวงตาสีเขียว
หากเรเวนไม่อยากให้พวกเราตามหาเธอ ทำไมต้องระบุด้วยว่าเธอมีตาสีเขียว"
วายุเเละโรเบิร์ตหันมองโฮปที่หยิบบัตรในซองพลาสติคขึ้นมาดูอีกครั้ง
"นั่นอาจสรุปได้ว่า ตามหาได้เเต่ไม่ใช่ตอนนี้สินะเรเวน ถอนคำสั่งเมื่อครู่ให้หมด ฉัน
เชื่อว่าเขากำลังหาทางในการยุติเรื่องราวทั้งหมด"
วายุสรุปเสียงราบเรียบ ลมฝนปะทะที่โครงใบหน้าอันดุดัน ผมสีเงินเปียกลู่ระ
ต้นคอ ชายหนุ่มเดินจากมาพร้อมกับ เหล่าคนนับร้อยที่ตัดสินใจล่าถอยลงจากหุบเขา
ลงสู่พื้นเบื้องล่างตามคำสั่ง ผาสูงชันยังคงถูกสายลมกระหน่ำรุนเเรงยิ่งขึ้น พายุฝน
ยังคงดำเนินต่อไปเเต่การไล่ล่าอาจจะหยุดลงเพียงเท่านี้ เเละเชื่อว่าจะต้องได้เจอเธอ
อีกครั้งอย่างไม่นานเกินรอ
เปลือกกล้วยถูกโยนทิ้งเรี่ยราดเป็นทางเพราะความหิวโหยตั้งเเต่ตะเกียกตะกาย
ตนเองขึ้นพ้นมาจากกระเเสน้ำเชี่ยว ชายฝั่งของที่นี่เธอไม่รู้เเล้วว่ามันคือที่ไหนรู้เพียง
ว่าหากไม่ขึ้นฝั่งเสียที่นี่ก็คงคนอืดอยู่ในน้ำ เธอถูกกระเเสน้ำที่ไหลเร็วรุนเเรงพัดพามา
ไกลพอสมควรจนเรียกได้ว่าไม่ได้ออกเเรงทำอะไรนอกจากคอยควบคุมลมหายใจ
เวลาที่คลื่นน้ำรุนเเรงซัดใส่จนจมลงไป จนมาถึงฝั่งที่เป็นดินปนทรายยวบยาบเเห่งนี้
เมื่อเดินมาหน่อยเท้าเปลือยเปล่าจึงได้สัมผัสกับพื้นดินร่วนที่เปียกชุ่มของป่า
ขึ้นฝั่งมีต้นของผลไม้นานาชนิด รวมถึงกล้วยน้ำหว้าสุกงอมที่พอประทังความหิว
ในตอนนี้ได้ เด็กสาวเบาใจเมื่อเห็นสัตว์ที่ตนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่เต็มไปหมดเหล่าลิง
กระโดดโหยงเหยงส่งเสียงต้อนรับผู้มาเยือน เมฆขำเมื่อเห็นงูเหลือมคลานเยื้องย่าง
อืดอาดขึ้นไปบนต้นไม้ เจ้าลิงที่ใช้เงาไม้ใหญ่หลบฝนอยู่เพิ่งสังเกตเห็นเจ้างูมันร้อง
เสียงดังระงมกระโดดหลบเเทบไม่ทัน เเละภายในโพรงไม้ยังมีดวงตาของสัตว์ต่างๆ
อัดเเน่นอยู่เต็มไปหมด
ฝนครานี้หนักพอสมควร เเต่ลักษณะอันเเปลกของต้นไม้ที่นี่กลับสามารถใช้
กำบังลมฝนได้เป็นอย่างดี เพราะกิ่งไม้ที่เเตกก้านสาขาออกมา มีลักษณะดัดโค้งเป็น
โครงใหญ่เสมือนร่มขนาดยักษ์อีกทั้งยังมีใบไม้หนาสีม่วงขึ้นปกคลุมอย่างหนาเเน่น
เมฆเด็ดใบไม้ใบยักษ์มารองน้ำฝนดื่มอย่างกระหาย เมื่อกี้เธอกินน้ำเค็มๆในลำธารไป
หลายอึกจนเเสบคอไปหมด
เมฆโยนเปลือกกล้วยสุดท้ายทิ้งไป นึกปลงกับสัมภาระของใช้ของตนที่ทิ้งไว้ยัง
ที่พักเเรมสุดท้ายก่อนถูกตามเจอ เธอถอนหายใจไล่ระบายความกลัดกลุ้มทิ้งไป ว่าจะ
ขึ้นไปหลบฝนยังต้นไม้ใหญ่เเละอาศัยนอนบนนี้เสียเลย ฟ้ามืดเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง
ต่อการเดินทาง ที่นี่ไม่ใช่เขตเเดนของมนุษย์อีกเเล้ว รอเช้าค่อยเดินทางต่อยังไม่สาย
เด็กสาวคว้าได้ท่อนไม้ยาวๆเหมาะมือมาท่อนหนึ่งใช้มีดพกที่เก็บไว้ในเสื้อเเจ๊กเกท
เหลาปลายของมันจนเเหลมใช้ได้ เเละเกร็งกำลังขาดีดตัวขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ได้สำเร็จ
เวลาดึกสงัดเมฆรู้สึกนอนไม่หลับ มือกำหลาวไม้เเน่นไว้ทั้งคืน มีบ้างที่งูขึ้นมา
อาศัยหลบฝนบนนี้เช่นกัน เเละเธอก็ใช้หลาวนั่นเหวี่ยงมันลงไปเบื้องล่างหลายตัวเเล้ว
น่าเเปลกที่ดวงตาของเธอมองเห็นได้ดียิ่งนักในความมืด ความพร่าเลือนของสายฝน
ไม่เป็นอุปสรรค ถึงพายุฝนเช่นนี้จะสามารถดำเนินไปตลอดทั้งคืนก็ตาม ร่างกายของ
เธอปรับตัวได้ดีกับความหนาวเย็นที่เเล่นปะทะ เด็กสาวสังเกตเห็นดวงตาสัตว์หลายๆ
คู่ซุกซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้เบื้องล่างดวงตาหลากสีชุกชุมขึ้นเรื่อยๆ
เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้อยู่ร่วมกันกับเหล่าสัตว์ป่าที่ดูไร้พิษภัยเหล่านี้
เท่านั้น ก็ตอนที่มันได้เยื้องย่างออกมาจากป่าลึก เหล่าสัตว์ทั้งหลายเหมือนถูกเขย่า
ประสาท เมื่อเสียงขู่คำรามของมันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เเค่ภายในเวลาไม่กี่วินาทีพวก
มันกระโจนหายเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้น ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง
"ตัวบ้าอะไรกัน" เธอพึมพำ ปรับลมหายใจเเผ่วเบาอัติโนมัติ ความกลัวเข้าเกาะกุม
จิตใจ ไม่กล้าเเม้ขยับตัว เเต่ก็อยากกระโจนหนีไปดั่งเช่นสัตว์อื่นเพื่อไปให้พ้นจากตรง
นี้เสียให้ได้
ไอตัวนี้จะเป็นสิ่งใดก็ตามเธอรู้เพียงว่ามันกิน'เนื้อ' ก็ตอนที่เมือกเขียวที่เยิ้มออก
จากปากนั้นปนกับเลือดเเละเศษเนื้อย้อยลงมาเป็นทางก่อนที่มันจะทำการสำรอกเอา
เศษกระดูกออกมาจากท้องติดซี่โครงของมัน ระดับความสูงที่เธออยู่ทำให้มันไม่
สังเกตเห็นเธอ
ปากยื่นๆที่มีเขี้ยวเหมือนใบเลื่อยมีรอยคราบเลือดกรังเเสยะยิ้ม ตาของมันสี
เหลือง เป็นขีดเหมือนตาจระเข้ไม่ก็งู หากเเต่ร่างกายของมันมีเเขนขาเหมือนมนุษย์ไม่
มีผิด มนุษย์ที่มีผิวหนังสีเขียวขึ้นลายเกล็ด!
มันเเลบเลียริมฝีปากด้วยลิ้นยาวสีเหลืองที่มีลายจุดๆสีน้ำเงินไปมาอย่างน่า
สยอง ตัวประหลาดนั่งคุกเข่าก้มตัวลงเอามือล้วงไปยังโพรงไม้ใหญ่ด้วยมือเขียวๆที่
มีกงเล็บเเหลมล้วงลึกเข้าไปในโพรงได้คอของเเมวป่าตัวหนึ่งออกมา มันดิ้นพราดไป
มาเช่นนั้นในอุ้งมือ สิ่งมีชีวิตประหลาดอ้าปากออกกว้าง ฟันที่เหมือนใบเลื่อยเเสยะ
ออก เผยให้เห็นลิ้นเหลืองจุดน้ำเงินอีกครั้ง ความหิวกระหายทำให้มันงับจมเขี้ยว
กระชากเนื้อสดๆออกมาจนขาดวิ่นอย่างรวดเร็ว เครื่องในสีเเดงร่วงผล็อยตกลงสู่พื้น
เธอไม่อยากนึกเปรียบเทียบลิ้นของมันกับผิวหนังตุ๊กเเกในเวลานี้นักหรอกเเต่
ภาพของมันกำลังเเล่นในสมองของเธอเข้าเต็มๆ อยากจะออกวิ่งหนีไปให้ไกลเกลือ
เกิน เเต่ขาเเละเเขนเจ้ากรรมดันชานิ่งจนขยับไม่ได้ ภาพของสัตว์ต่างๆก็เเล่นผ่านเข้า
มาอีกครั้งฝูงลิงเริงร่าที่เห็นในคราเเรกหนีด้วยความหวาดกลัวจนหัวซุกหัวซุน
คราวนี้มันพยายามล้วงเข้าไปในโพรงอีกไม่ทันสังเกตเมฆที่จับหลาวในมือ
ขึ้นมา เกร็งกำลังไปที่เเขนจนเส้นเลือดปูด เห็นกล้ามเนื้อที่ขยับได้ราวกับมีชีวิต ออก
เเรงขว้างจนลำไม้พุ่งตรงเสียบทะลุกระโหลกศีรษะของมัน สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดเกิดขึ้น
มือเขียวเพียงดึงหลาวไม้โยนทิ้งไปเท่านั้น เเละเเหงนหน้ามองไปยังทิศทางที่หลาวพุ่ง
ตรงออกมา ตาสีอัมพันสาดประกายกร้าว ลิ้นสีเหลืองเเลบเลียไปมาอย่างรวดเร็ว
เธอกัดริมฝีปากเเน่น บดกรามขึ้นเป็นสัน สมองที่หน้าจะกลายเป็นจุดอ่อนของ
สิ่งมีชีวิตเเต่กลับใช้ไม่ได้กับเจ้าตัวนี้
"ไม่ได้เห็นมนุษย์ที่ป่าเเห่งนี้นานเท่าไหร่กันนะ" เสียงเเหบพร่าน่าขนลุกเอ่ยออกมา
อย่างยากลำบาก หัวที่ทะลุเป็นรูมีเมือกเขียวๆปนกับของเหลวสีดำที่น่าจะเป็นเลือ
ดพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุเเต่สามารถพูดภาษามนุษย์ออกมาได้
"เเกเป็นมนุษย์กลายพันธุ์งั้นเหรอ"
เด็กสาวกระโดดลงมาเบื้องล่าง เเต่เว้นระยะห่างจากมันพอสมควร
"เรียกข้าว่า 'คิเมร่า' ส่วนหนึ่งของความล้มเหลว ของโปรเจ็คลิงค์"
มันพยายามพูดต่ออย่างยากลำบาก
"การเอามนุษย์มาดัดเเปลงร่างกายด้วยการยัดเยียดDNA สกัดของสัตว์ไม่ใช่การ'ถ่าย
เลิอด'ของอมนุษย์เข้าสู่ร่างเเบบมนุษย์กลายพันธุ์หรือเป็นมนุษย์ที่มีพลังเเฝงโดย
กำเนิด เเต่เป็นการดัดเเปลงมนุษย์ให้มียีนผ่าเหล่า นั่นเเหละโปรเจ็คลิงค์"
"เพราะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าการถ่ายเลือดเป็นไหนๆ เเละทำให้มนุษย์สามารถมี
พลังที่ทัดเทียมกับพวกอมนุษย์"
The Unwavering ภาค เกมส์พิสดาร
เม็ดหินร่วงหล่นสู่หุบเหวเบื้องล่างเป็นเศษเล็กเศษน้อย ลมหนาวพร้อมใจกันพัดเสียด
ทั่วร่างจนขนลุกชัน เสมือนมีเเรงดึงดูดบางประการที่พร้อมจะฉุดดึงกายลงไปได้ทุก
เมื่อ ไม่มีทางไปนอกจากนี้อีกเเล้ว นอกจากจะมีปีกพาร่างอันสะบักสะบอมของตนเอง
หนีไป
"เธอหนีไม่รอดเเล้วเมฆา เดชะฤทธิ์ "
ถ้อยคำนั้นดังกึกก้องสะท้อนไปมาในหุบเหวราวกับตอกย้ำ จนเธอนึกรำคาญ
"มีเเน่ ถ้านายล้มเลิกความตั้งใจที่จะไล่ตามตัวฉันซะ!"
เธอกระเเทกเสียงกลับไปอย่างดุดัน เเละต่อจากนั้นก็ทำในสิ่งที่บ้าที่สุดเข้าให้เเล้ว
เด็กสาวหันหลังให้ ชายหนุ่มผู้คุกคามเลิกคิ้วขึ้นสูงยังนึกไม่ออกว่าเธอจะทำสิ่ง
ใด ดวงตาสีเทาสาดประกายตื่นเต้นขึ้นทันที ริมฝีปากบางเหยียดรอยยิ้ม เมื่อเห็นเด็ก
สาวเกร็งกำลังที่ขาจนพื้นหินจมเป็นรอยเเละดีดตัวทะยานขึ้นสัมผัสกับห้วงอากาศ
ก่อนดิ่งลงสู่ธรณีเบื้องล่าง
เมฆผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งถึงขีดสุด สายลมเข้าเเล่นปะทะอย่างรุนเเรง
ความเร็วในการตกทวีความเร็วขึ้นตามเเรงโน้มถ่วงของโลก ตาคมกริบเห็นที่หมาย
สุดท้ายชัดเจน คือมวลน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากช่องเเคบๆที่ทั้งเร็วเเละเเรง ลำตัว
เตรียมพร้อมพุ่งเคลื่อนที่ไปในน้ำ โดยการรวบขาให้ชิดกัน และเก็บศีรษะไว้ระหว่าง
แขนที่เหยียดตรง อดกลั้นลมหายใจสุดชีวิต
ตูม!
ราวกับทั้งร่างถูกบีบอัด รอบข้างเป็นม่านน้ำสีฟ้าใสเเต่ไม่สามารถมองทะลุขึ้น
ไปถึงด้านบนได้ ปลาหลากสีสันว่ายผ่านไปอย่างตระหนก ระดับที่ค่อนข้างสูงของหน้า
ผาทำให้เธอหล่นมาลึกพอสมควร ลึกจนเห็นเเนวปะการังเเละสาหร่ายสีเขียวที่พันกัน
ยุ่งเหยิง หากเธอโดดตูมลงมาโดยไม่รู้จักพื้นที่มาก่อนก็อาจไม่รอดเพราะ ถ้าความลึก
ของธารน้ำสายนี้ไม่พอ เธอคงต้องตกลงมากระเเทกพื้นดับอนาถ ช่องเเคบเล็กๆที่น้ำ
ทะลักออกมาเป็นทะเลใหญ่ เเละน้ำเค็มจะมาบรรจบกับเเม่น้ำที่ห่างออกไปไม่ไกล
ความเร็วลดลงเเล้วเมื่อมองขึ้นไปยังเบื้องบนเห็นเพียงผืนน้ำทะมึนที่บัดนี้เชี่ยว
กราก เธอจะต้องขึ้นไปผจญกับมันอีกครั้งเมฆพยายามว่ายขึ้นให้เร็วที่สุดด้วยกำลังที่
มีก่อนจะหมดลม เหมือนเห็นเเสงสว่างเล็กๆใกล้เเค่เอื้อม เมฆไขว่คว้าอากาศจาก
เบื้องบนสุดตัว ครั้นขึ้นมากลับพบท้องฟ้าสีเข้มเข้ามาเเทนที่เสียเเล้ว รายงาน
พยากรณ์อากาศของหนังสือพิมพ์เมื่อวานกล่าวว่าจะมีพายุเข้า เเล้วนี่เธอมาทำบ้า
อะไรอยู่กลางน้ำกัน!
เมฆสูดลมหายใจลึกจนเต็มท้อง เเสงสว่างที่สังเกตเห็นในตอนเเรกเป็นเพราะ
ฟ้าเเลบนี่เอง ขอบฟ้าสวยถูกเเยกชั้นด้วยสีเเดงของพระอาทิตย์ที่ริบหรี่ลงเรื่อยๆกับชั้น
ของสีม่วงช้ำๆเหมือนรอยเเผลไม่นานมันถูกอาบกลืนด้วยสีเทาดำจนไม่เหลือเค้าเดิม
ห่าฝนใหญ่เทกระหน่ำรัวลงมาเหมือนเขื่อนเเตกเมฆยกมือซีดๆบังใบหน้าของตนไว้
ปล่อยให้ร่างกายถูกกระเเสน้ำรุนเเรงพัดพาไปภาวนาไม่ให้ตนพลาดท่าจมหายลงไป
กับคลื่นเสียก่อน
ที่ริมผาเบื้องบน ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยังคงมองด้วยความฉงนสนเท่ห์ต่างพา
กันกลืนน้ำลายกันเป็นเเถบๆอยู่เช่นนั้น
"มันเป็นอมนุษย์ประเภทไหนกันเเน่ครับท่านวายุ ถึงบ้าดีเดือดได้ขนาดนี้คงไม่รอด
เเล้วล่ะครับ"
ชายหนุ่มร่างสูงเดินตรงไปยังริมผา มือขาวเสยผมสีเงินที่ปรกใบหน้าขึ้นปล่อย
ให้สายฝนชโลมทั่วร่างในชุดสูทสีขาว ตาสีเทามองร่องรอยเท้าของเธอที่ยังเห็นเป็น
ร่องรอยชัดเจนว่าสามารถบดหินเป็นร่องลึกลงไปได้เล็กน้อย
เขาตรวจสภาพหุบเหวเบื้องล่างธารน้ำไหลเชี่ยวที่ไม่เห็นเเม้เเต่เงาของ
สิ่งมีชีวิตใดอาจถูกกระเเสน้ำพัดพาไปอย่างรวดเร็ว พลังที่เห็นเเละความจงใจที่จะกระ
โดดลงไป คงยังไม่ตายง่ายๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องงมหาศพในตอนนี้
"ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร เเต่มันเป็นผู้เกี่ยวพันกับการหายตัวไปของเรเวนมือขวาของ
ฉัน สั่งการออกไปให้ออกสำรวจป่าดูดเลือดข้างล่าง หาถ้ำที่อาจเป็นที่ซ่อนตัวเเละ
ต้นไม้สูงทุกต้นที่มันอาจจะขึ้นไป"
"ป่านั่นค่อนข้างอันตรายนะครับ ถึงมันอาจจะใช้เป็นทางลัดในการหลบหนีได้ก็เถอะ"
โฮปลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยอย่างกังวล
"ก็จริงเเต่ว่าคุณเรเวนน่าจะต้องการบอกความนัยบางอย่างที่เกี่ยวกับเด็กนี่"
โรเบิร์ตชายร่างใหญ่ผิวคล้ำผู้เป็นมือซ้ายคาดเดา
"ข้อความที่เขาทิ้งไว้ให้มีเเค่'ให้ระวังคนใกล้ เเละอย่าตามอมนุษย์นัยต์ตาสีมรกต'ข้อ
ความหลังก็คือยัยเด็กนั่นที่ไวยังกับลิง เเต่คุณเรเวนยิ่งห้ามพวกเราก็ยิ่งสงสัย เพราะ
เธออยู่ในที่เกิดเหตุ จากบัตรนร.ของเธอนั่นเองที่นายพบว่าจมอยู่ในกองเลือดของเร
เวนไม่ใช่หรือโฮป เรื่องนี้ต้องด่วนมากๆขนาดจำเป็นต้องส่งสารสั้นๆเเค่นี้มา"
"เขาอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยังพูดอะไรไม่ได้มากในตอนนี้ ในวันที่ฉันถูกลอบฆ่าน่า
เเปลกที่เป็นวันเดียวกันกับที่พวกตระกูลโนอาห์ก็เดินทางมาที่นี่ด้วย"
วายุพยายามเชื่อมโยงทุกๆอย่างเข้าด้วยกัน
"จุดมุ่งหมายของทุกคนมุ่งตรงมายังดินเเดนนี้ทั้งสิ้น อาจจะรวมถึงเด็กนั่นด้วยเธออาจ
เกี่ยวข้องกับพวกโนอาห์สินะครับ"
โรเบิร์ตตั้งข้อสังเกต
"ยังสรุปไม่ได้"
"ข้อความดูขาดๆหายๆเหมือนรีบเขียน เเละในบัตรนร.นั่นเธอก็ไม่ได้มีดวงตาสีเขียว
หากเรเวนไม่อยากให้พวกเราตามหาเธอ ทำไมต้องระบุด้วยว่าเธอมีตาสีเขียว"
วายุเเละโรเบิร์ตหันมองโฮปที่หยิบบัตรในซองพลาสติคขึ้นมาดูอีกครั้ง
"นั่นอาจสรุปได้ว่า ตามหาได้เเต่ไม่ใช่ตอนนี้สินะเรเวน ถอนคำสั่งเมื่อครู่ให้หมด ฉัน
เชื่อว่าเขากำลังหาทางในการยุติเรื่องราวทั้งหมด"
วายุสรุปเสียงราบเรียบ ลมฝนปะทะที่โครงใบหน้าอันดุดัน ผมสีเงินเปียกลู่ระ
ต้นคอ ชายหนุ่มเดินจากมาพร้อมกับ เหล่าคนนับร้อยที่ตัดสินใจล่าถอยลงจากหุบเขา
ลงสู่พื้นเบื้องล่างตามคำสั่ง ผาสูงชันยังคงถูกสายลมกระหน่ำรุนเเรงยิ่งขึ้น พายุฝน
ยังคงดำเนินต่อไปเเต่การไล่ล่าอาจจะหยุดลงเพียงเท่านี้ เเละเชื่อว่าจะต้องได้เจอเธอ
อีกครั้งอย่างไม่นานเกินรอ
เปลือกกล้วยถูกโยนทิ้งเรี่ยราดเป็นทางเพราะความหิวโหยตั้งเเต่ตะเกียกตะกาย
ตนเองขึ้นพ้นมาจากกระเเสน้ำเชี่ยว ชายฝั่งของที่นี่เธอไม่รู้เเล้วว่ามันคือที่ไหนรู้เพียง
ว่าหากไม่ขึ้นฝั่งเสียที่นี่ก็คงคนอืดอยู่ในน้ำ เธอถูกกระเเสน้ำที่ไหลเร็วรุนเเรงพัดพามา
ไกลพอสมควรจนเรียกได้ว่าไม่ได้ออกเเรงทำอะไรนอกจากคอยควบคุมลมหายใจ
เวลาที่คลื่นน้ำรุนเเรงซัดใส่จนจมลงไป จนมาถึงฝั่งที่เป็นดินปนทรายยวบยาบเเห่งนี้
เมื่อเดินมาหน่อยเท้าเปลือยเปล่าจึงได้สัมผัสกับพื้นดินร่วนที่เปียกชุ่มของป่า
ขึ้นฝั่งมีต้นของผลไม้นานาชนิด รวมถึงกล้วยน้ำหว้าสุกงอมที่พอประทังความหิว
ในตอนนี้ได้ เด็กสาวเบาใจเมื่อเห็นสัตว์ที่ตนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่เต็มไปหมดเหล่าลิง
กระโดดโหยงเหยงส่งเสียงต้อนรับผู้มาเยือน เมฆขำเมื่อเห็นงูเหลือมคลานเยื้องย่าง
อืดอาดขึ้นไปบนต้นไม้ เจ้าลิงที่ใช้เงาไม้ใหญ่หลบฝนอยู่เพิ่งสังเกตเห็นเจ้างูมันร้อง
เสียงดังระงมกระโดดหลบเเทบไม่ทัน เเละภายในโพรงไม้ยังมีดวงตาของสัตว์ต่างๆ
อัดเเน่นอยู่เต็มไปหมด
ฝนครานี้หนักพอสมควร เเต่ลักษณะอันเเปลกของต้นไม้ที่นี่กลับสามารถใช้
กำบังลมฝนได้เป็นอย่างดี เพราะกิ่งไม้ที่เเตกก้านสาขาออกมา มีลักษณะดัดโค้งเป็น
โครงใหญ่เสมือนร่มขนาดยักษ์อีกทั้งยังมีใบไม้หนาสีม่วงขึ้นปกคลุมอย่างหนาเเน่น
เมฆเด็ดใบไม้ใบยักษ์มารองน้ำฝนดื่มอย่างกระหาย เมื่อกี้เธอกินน้ำเค็มๆในลำธารไป
หลายอึกจนเเสบคอไปหมด
เมฆโยนเปลือกกล้วยสุดท้ายทิ้งไป นึกปลงกับสัมภาระของใช้ของตนที่ทิ้งไว้ยัง
ที่พักเเรมสุดท้ายก่อนถูกตามเจอ เธอถอนหายใจไล่ระบายความกลัดกลุ้มทิ้งไป ว่าจะ
ขึ้นไปหลบฝนยังต้นไม้ใหญ่เเละอาศัยนอนบนนี้เสียเลย ฟ้ามืดเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง
ต่อการเดินทาง ที่นี่ไม่ใช่เขตเเดนของมนุษย์อีกเเล้ว รอเช้าค่อยเดินทางต่อยังไม่สาย
เด็กสาวคว้าได้ท่อนไม้ยาวๆเหมาะมือมาท่อนหนึ่งใช้มีดพกที่เก็บไว้ในเสื้อเเจ๊กเกท
เหลาปลายของมันจนเเหลมใช้ได้ เเละเกร็งกำลังขาดีดตัวขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ได้สำเร็จ
เวลาดึกสงัดเมฆรู้สึกนอนไม่หลับ มือกำหลาวไม้เเน่นไว้ทั้งคืน มีบ้างที่งูขึ้นมา
อาศัยหลบฝนบนนี้เช่นกัน เเละเธอก็ใช้หลาวนั่นเหวี่ยงมันลงไปเบื้องล่างหลายตัวเเล้ว
น่าเเปลกที่ดวงตาของเธอมองเห็นได้ดียิ่งนักในความมืด ความพร่าเลือนของสายฝน
ไม่เป็นอุปสรรค ถึงพายุฝนเช่นนี้จะสามารถดำเนินไปตลอดทั้งคืนก็ตาม ร่างกายของ
เธอปรับตัวได้ดีกับความหนาวเย็นที่เเล่นปะทะ เด็กสาวสังเกตเห็นดวงตาสัตว์หลายๆ
คู่ซุกซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้เบื้องล่างดวงตาหลากสีชุกชุมขึ้นเรื่อยๆ
เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้อยู่ร่วมกันกับเหล่าสัตว์ป่าที่ดูไร้พิษภัยเหล่านี้
เท่านั้น ก็ตอนที่มันได้เยื้องย่างออกมาจากป่าลึก เหล่าสัตว์ทั้งหลายเหมือนถูกเขย่า
ประสาท เมื่อเสียงขู่คำรามของมันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เเค่ภายในเวลาไม่กี่วินาทีพวก
มันกระโจนหายเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้น ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง
"ตัวบ้าอะไรกัน" เธอพึมพำ ปรับลมหายใจเเผ่วเบาอัติโนมัติ ความกลัวเข้าเกาะกุม
จิตใจ ไม่กล้าเเม้ขยับตัว เเต่ก็อยากกระโจนหนีไปดั่งเช่นสัตว์อื่นเพื่อไปให้พ้นจากตรง
นี้เสียให้ได้
ไอตัวนี้จะเป็นสิ่งใดก็ตามเธอรู้เพียงว่ามันกิน'เนื้อ' ก็ตอนที่เมือกเขียวที่เยิ้มออก
จากปากนั้นปนกับเลือดเเละเศษเนื้อย้อยลงมาเป็นทางก่อนที่มันจะทำการสำรอกเอา
เศษกระดูกออกมาจากท้องติดซี่โครงของมัน ระดับความสูงที่เธออยู่ทำให้มันไม่
สังเกตเห็นเธอ
ปากยื่นๆที่มีเขี้ยวเหมือนใบเลื่อยมีรอยคราบเลือดกรังเเสยะยิ้ม ตาของมันสี
เหลือง เป็นขีดเหมือนตาจระเข้ไม่ก็งู หากเเต่ร่างกายของมันมีเเขนขาเหมือนมนุษย์ไม่
มีผิด มนุษย์ที่มีผิวหนังสีเขียวขึ้นลายเกล็ด!
มันเเลบเลียริมฝีปากด้วยลิ้นยาวสีเหลืองที่มีลายจุดๆสีน้ำเงินไปมาอย่างน่า
สยอง ตัวประหลาดนั่งคุกเข่าก้มตัวลงเอามือล้วงไปยังโพรงไม้ใหญ่ด้วยมือเขียวๆที่
มีกงเล็บเเหลมล้วงลึกเข้าไปในโพรงได้คอของเเมวป่าตัวหนึ่งออกมา มันดิ้นพราดไป
มาเช่นนั้นในอุ้งมือ สิ่งมีชีวิตประหลาดอ้าปากออกกว้าง ฟันที่เหมือนใบเลื่อยเเสยะ
ออก เผยให้เห็นลิ้นเหลืองจุดน้ำเงินอีกครั้ง ความหิวกระหายทำให้มันงับจมเขี้ยว
กระชากเนื้อสดๆออกมาจนขาดวิ่นอย่างรวดเร็ว เครื่องในสีเเดงร่วงผล็อยตกลงสู่พื้น
เธอไม่อยากนึกเปรียบเทียบลิ้นของมันกับผิวหนังตุ๊กเเกในเวลานี้นักหรอกเเต่
ภาพของมันกำลังเเล่นในสมองของเธอเข้าเต็มๆ อยากจะออกวิ่งหนีไปให้ไกลเกลือ
เกิน เเต่ขาเเละเเขนเจ้ากรรมดันชานิ่งจนขยับไม่ได้ ภาพของสัตว์ต่างๆก็เเล่นผ่านเข้า
มาอีกครั้งฝูงลิงเริงร่าที่เห็นในคราเเรกหนีด้วยความหวาดกลัวจนหัวซุกหัวซุน
คราวนี้มันพยายามล้วงเข้าไปในโพรงอีกไม่ทันสังเกตเมฆที่จับหลาวในมือ
ขึ้นมา เกร็งกำลังไปที่เเขนจนเส้นเลือดปูด เห็นกล้ามเนื้อที่ขยับได้ราวกับมีชีวิต ออก
เเรงขว้างจนลำไม้พุ่งตรงเสียบทะลุกระโหลกศีรษะของมัน สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดเกิดขึ้น
มือเขียวเพียงดึงหลาวไม้โยนทิ้งไปเท่านั้น เเละเเหงนหน้ามองไปยังทิศทางที่หลาวพุ่ง
ตรงออกมา ตาสีอัมพันสาดประกายกร้าว ลิ้นสีเหลืองเเลบเลียไปมาอย่างรวดเร็ว
เธอกัดริมฝีปากเเน่น บดกรามขึ้นเป็นสัน สมองที่หน้าจะกลายเป็นจุดอ่อนของ
สิ่งมีชีวิตเเต่กลับใช้ไม่ได้กับเจ้าตัวนี้
"ไม่ได้เห็นมนุษย์ที่ป่าเเห่งนี้นานเท่าไหร่กันนะ" เสียงเเหบพร่าน่าขนลุกเอ่ยออกมา
อย่างยากลำบาก หัวที่ทะลุเป็นรูมีเมือกเขียวๆปนกับของเหลวสีดำที่น่าจะเป็นเลือ
ดพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุเเต่สามารถพูดภาษามนุษย์ออกมาได้
"เเกเป็นมนุษย์กลายพันธุ์งั้นเหรอ"
เด็กสาวกระโดดลงมาเบื้องล่าง เเต่เว้นระยะห่างจากมันพอสมควร
"เรียกข้าว่า 'คิเมร่า' ส่วนหนึ่งของความล้มเหลว ของโปรเจ็คลิงค์"
มันพยายามพูดต่ออย่างยากลำบาก
"การเอามนุษย์มาดัดเเปลงร่างกายด้วยการยัดเยียดDNA สกัดของสัตว์ไม่ใช่การ'ถ่าย
เลิอด'ของอมนุษย์เข้าสู่ร่างเเบบมนุษย์กลายพันธุ์หรือเป็นมนุษย์ที่มีพลังเเฝงโดย
กำเนิด เเต่เป็นการดัดเเปลงมนุษย์ให้มียีนผ่าเหล่า นั่นเเหละโปรเจ็คลิงค์"
"เพราะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าการถ่ายเลือดเป็นไหนๆ เเละทำให้มนุษย์สามารถมี
พลังที่ทัดเทียมกับพวกอมนุษย์"