บ้านแสนดี กว่าจะมีวันนี้ จากเราสอง นาวีเฮ้าส์ 30

กระทู้สนทนา
บ้านแสนดี
เป็นชื่อแบบบ้านที่เราเลือก กว่าจะได้บ้านหลังนี้มา เราผ่านอะไรมาเยอะมากมาย สามีของเราเป็นช่างทหารเรือ เราพักอยู่แฟรตทหาร  เราสร้างครอบครัวเล็กๆของเรา เริ่มจากศูนย์เลยทีเดียว เราเริ่มจากไม่มีอะไร เราแต่งงานกันปี 2550 มีลูกชายแสนซนหนึ่งคน เงินไม่ค่อยพอใช้ เพราะสามีทำงานคนเดียว เราหางานทำเท่าไหร่ก็ไม่ได้ซักที จนเราท้อง เลี้ยงลูก โดยที่สามีหารายได้คนเดียว เงินเดือนหมื่นต้นๆ แล้วคิดดูซิ เด็กคนนึง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ไหนจะค่าของใช้ภายในบ้าน ไหนจะกิน อีก เราต้องค่อยๆขายทองที่เราได้จากสินสอดงานแต่ง ขายจนหมดไม่มีเหลือ แต่เราก็อยู่ได้ อย่างมีความสุขนะ จนลูกเราอายุได้ 1 ขวบเราจึงทำงาน ฐานะครอบครัวจึงดีขึ้น มีทรัพย์สิน ค่อยๆเพิ่มมาทีละเล็ก ทีละน้อย เราทำงานเป็นเซลล์ เงินเดือนไม่ได้เยอะไรเลย 9,000 บาท แต่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระของสามีบ้าง สามีเราออกรถกะบะ ซึ่งการที่ได้รถกะบะคันนี้มาเรา เราต้องแลกกับรถเก๋งที่เรามีอยู่ด้วยความโง่เขลา โดยเฉพาะเพื่อนพี่สาวซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันดี  มาหลอกเรา การที่เราออกรถกะบะเพราะมันสะดวกกับงานของเรา เราต้องขนของเพื่อไปส่งให้ลูกค้า ซึ่งรถเก๋งมันไม่เหมาะ มันเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำ  เราทำงานมาได้สองปีกว่า คิดที่จะอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยที่ ณ ตอนนั้นมีหนี้ที่เกิดจากกู้ธนาคารออมสินเหลืออยู่แสนกว่า  มีหนี้รถที่ผ่อนเดือนละ เจ็ดพันกว่า ซึ่งผ่อนมาแล้ว เหลือยอดผ่อนอยู่สองแสนกว่า แต่เราก็อยากที่จะสร้างครอบครัวเล็กๆของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น  
                เราจึงเริ่มดูบ้าน และมีนายหน้าซึ่งรู้จักกับพี่สาวเราพาไปดูบ้าน เป็นบ้านมือสอง ยังไม่มีบ้านหลังไหนถูกใจเรา ซึ่งเราก็มานั่งคิดว่าบ้านมือสองผ่านอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ เราเป็นคนกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น เอามือหนึ่งดีไหม เพิ่มตังค์ไม่กี่แสนแต่ได้บ้านใหม่เลย ก็เลยมีความคิดเอาบ้านมือหนึ่งดีกว่า ตอนแรกเราเกือบจะได้บ้านมือสองแล้วนะ มีถูกใจอยู่หลังนึง เพราะมีสนามหญ้าหน้าบ้านกว้างอยู่เพราะเรานึกถึงลูกเรา แต่กลับมีคนอื่นจองไปแล้วเราเลยอด เพื่อนเราบอกว่า เจ้าที่เค้าจะเลือกคนอยู่ อันนี้เราก็ว่าจริงนะ เราเชื่ออย่างนั้น เราถึงไม่ได้บ้านหลังนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่