เจาะลึกหนี้คนไทย เราจะไปสุดที่ตรงไหน หรือจะวนกลับมาเริ่มต้นใหม่?

กระทู้ข่าว

เวลาไถฟีดโซเชียลแล้วเห็นเพื่อนไปเที่ยวต่างประเทศทุกเดือน ซื้อแกดเจ็ตใหม่ล่าสุด หรือเพิ่งถอยรถป้ายแดงออกมาขับฉิวๆ แล้วในใจก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาว่า “ทำไมชีวิตเราไม่เป็นแบบนั้นบ้างนะ?” ความรู้สึกนี้แหละครับ คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของกับดักขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “หนี้”
ทุกวันนี้เรื่องหนี้สินกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยไปแล้ว มันใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด และหลายครั้งมันก็คืบคลานเข้ามาในชีวิตเราแบบไม่รู้ตัว วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันแบบถึงแก่น โดยหยิบเอาสาระสำคัญจากพอดแคสต์ดีๆ อย่าง Mission To The Moon EP.2511 ที่ได้พูดคุยกับ โค้ชหนุ่ม The Money Coach กูรูด้านการเงินที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี มาดูกันว่าทำไมคนไทยถึงติดกับดักหนี้กันง่ายนัก แล้วเราจะหาทางออกจากวงจรนี้ได้อย่างไร
ทำไม “หนี้” ถึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนไทย?
ถ้าลองมองย้อนกลับไปสัก 10-20 ปีก่อน การจะเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การจะขอสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิตสักใบต้องมีเอกสารมากมายและผ่านการอนุมัติที่เข้มงวด แต่ในยุคดิจิทัลแบบนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด
1. ค่านิยม “ใช้ก่อน ผ่อนทีหลัง” ที่ฝังรากลึก: สโลแกนนี้เราได้ยินกันจนชินหู ไม่ว่าจะอยากได้มือถือใหม่ เสื้อผ้าคอลเลกชันล่าสุด หรือแม้กระทั่งกาแฟแก้วละร้อยกว่าบาท ทุกอย่างสามารถ “ผ่อน 0%” ได้หมด มันทำให้เราตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นเยอะ เพราะภาระที่ต้องจ่ายต่อเดือนดูเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก แต่พอรวมๆ กันหลายๆ รายการเข้า ก็กลายเป็นเงินก้อนโตที่บั่นทอนสภาพคล่องของเราโดยไม่รู้ตัว
2. การเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายเหมือนสั่งกาแฟ: แค่มีแอปพลิเคชันธนาคารในมือถือ เราก็สามารถกดขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้ภายในไม่กี่นาที ยังไม่นับรวมบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” (Buy Now, Pay Later) ที่ผูกกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง ความสะดวกสบายเหล่านี้คือดาบสองคมที่ทำให้เราก่อหนี้ได้ง่ายและเร็วเกินกว่าจะทันได้คิดไตร่ตรอง
3. ขาดการวางแผนการเงินตั้งแต่ต้น: ต้องยอมรับความจริงว่าระบบการศึกษาไทยไม่เคยสอนเรื่องการเงินส่วนบุคคลอย่างจริงจัง เราเรียนสมการยากๆ ได้ แต่กลับไม่รู้วิธีจัดการเงินเดือนก้อนแรก ไม่เข้าใจว่าดอกเบี้ยทบต้นทำงานยังไง หรือทำไมการมีเงินสำรองฉุกเฉินถึงสำคัญ พอเรียนจบเข้าสู่โลกการทำงาน เราจึงเปรียบเสมือนนักรบที่ลงสนามโดยไม่มีเกราะป้องกัน ทำให้พลาดท่าเสียทีให้กับสมรภูมิการเงินได้ง่ายๆ
กับดักหนี้ของคนรุ่นใหม่: สวยหรูแต่ขมขื่น
คนรุ่นใหม่มักเจอกับกับดักหนี้ในรูปแบบที่ต่างออกไป มันไม่ใช่หนี้เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวเสมอไป แต่เป็นหนี้ที่เกิดจากการสร้าง “ไลฟ์สไตล์”
หนี้เพื่ออุปกรณ์ไลฟ์สไตล์: มือถือรุ่นท็อปที่ต้องเปลี่ยนทุกปี, รถคันแรกที่อาจจะเกินความจำเป็น แต่จำเป็นต้องมีเพื่อหน้าตาทางสังคม, หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ซื้อมาเพื่อถ่ายรูปสวยๆ ลงโซเชียล สิ่งเหล่านี้คือ “หนี้เพื่อความสุขชั่วคราว” ที่สร้างภาระผูกพันระยะยาว
หนี้เพื่อการลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง: ด้วยความฝันที่อยากจะรวยเร็ว หลายคนตัดสินใจกู้เงินไปลงทุนในสิ่งที่ไม่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนออนไลน์ราคาแพงที่การันตีรายได้ หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีความรู้ สุดท้ายผลตอบแทนที่วาดฝันไว้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เหลือไว้เพียงหนี้ก้อนโต
หนี้นอกระบบ: ทางลัดสู่หายนะ: เมื่อหมุนเงินไม่ทัน ทางออกที่ดูเหมือนจะง่ายที่สุดคือหนี้นอกระบบ แต่ดอกเบี้ยที่มหาโหดและการทวงหนี้ที่ไร้ความปรานี คือฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากเจอ มันคือกับดักสุดท้ายที่ทำให้ชีวิตพังทลายลงได้ในพริบตา
พลิกเกมด้วย “จิตวิทยาการเงิน”
โค้ชหนุ่มย้ำเสมอว่า “การเงินคือเรื่องของพฤติกรรมมากกว่าความรู้” เราอาจจะรู้ทฤษฎีการเงินดีแค่ไหน แต่ถ้าควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์
หลายครั้งที่เราใช้เงินเพื่อ “เติมเต็ม” ความรู้สึกบางอย่างที่ขาดหายไป เช่น รู้สึกเหนื่อยกับงานก็เลยต้องช้อปปิ้งบำบัด รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลยต้องซื้อของแพงๆ มาประดับตัว ความเครียดจากหนี้สินเองก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต ทำให้เรานอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิทำงาน และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
กุญแจสำคัญที่สุดคือการ “เปลี่ยน Mindset” เราต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเงินและหนี้สินเสียใหม่ เลิกเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นในโซเชียลมีเดีย หันกลับมาโฟกัสที่เป้าหมายของตัวเอง และเข้าใจว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากวัตถุภายนอก
จากหนี้หลักแสนสู่ชีวิตใหม่: เรื่องจริงที่เป็นไปได้
ในรายการมีการเล่าถึงเคสของคนที่เคยมีหนี้หลักแสนบาท รู้สึกมืดแปดด้านและคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางหลุดพ้นจากวงจรหนี้ไปได้ แต่จุดเปลี่ยนของเขาเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ นั่นคือ “การจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย”
การจดบันทึกเปรียบเสมือนการเปิดไฟในห้องที่มืดมิด มันทำให้เราเห็นชัดๆ ว่าเงินของเราหายไปไหนในแต่ละเดือน ค่ากาแฟ ค่าชานมไข่มุก ค่าสตรีมมิ่งต่างๆ ที่เราคิดว่าเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ พอรวมกันแล้วมันอาจจะน่าตกใจกว่าที่คิด เมื่อเห็นภาพรวมแล้ว การวางแผนขั้นต่อไปก็จะง่ายขึ้น การสร้างวินัยทางการเงินไม่ใช่การหักดิบ แต่คือการค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทีละเล็กทีละน้อย เหมือนการออกกำลังกายที่ต้องเริ่มจากเบาๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้น
คำแนะนำสุดท้ายจากโค้ชหนุ่ม: เริ่มต้นวันนี้!
ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมอยู่ในทะเลหนี้ โค้ชหนุ่มมีคำแนะนำที่อยากจะบอกคุณว่า:
“หนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องรู้วิธีจัดการ”: เลิกโทษตัวเองและรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น การยอมรับความจริงคือปราการด่านแรกที่แข็งแกร่งที่สุด
เปิดใจและเผชิญหน้า: อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว ลองพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจ การมีคนรับฟังและให้กำลังใจจะช่วยให้เรามีพลังในการสู้ต่อ
ใช้เครื่องมือให้เป็นประโยชน์: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันจัดการรายจ่ายดีๆ มากมายที่ช่วยให้การจดบันทึกเป็นเรื่องง่ายและสนุกขึ้น ลองหามาใช้ดู
เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ: อย่าเพิ่งตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป เช่น จะปลดหนี้ให้หมดภายในปีนี้ ลองเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ เช่น เดือนนี้จะลดค่ากาแฟลง 50% หรือจะเก็บเงินให้ได้ 1,000 บาท ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละคือเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะทำให้เราไปต่อได้
การเดินทางสู่การปลดหนี้อาจจะยาวไกลและไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันไม่ใช่การเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ มันเริ่มต้นจากการตัดสินใจของเราในวันนี้ ที่จะหยุดวงจรเก่าๆ และเริ่มต้นสร้างอนาคตทางการเงินที่ดีขึ้นด้วยมือของเราเอง
ถึงเวลาทวงคืนอิสรภาพทางการเงินของคุณแล้วหรือยังครับ?

ขอบคุณข้อมูลจาก เจาะลึกหนี้คนไทย จะไปสุดที่ตรงไหน? | Mission To The Moon EP.2511 - YouTube
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่