มานั่งคำนวณรายได้ของยางกับข้าวดูแล้วสงสัยว่าทำไมชาวสวนยางถึงลำบากนัก มาดูกันว่าคำนวณยังไงครับ
1. ผลผลิตต่อไร่ต่อปีของยางพารา อยู่ที่ 280 - 300 ก.ก./ไร่/ปี ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านเราถือว่าต่ำมาก
ถ้าดูแลดีกว่านี้ผลิตก็จะมากขึ้นอีก เช่นใน มาเลเซีย 400 ก.ก./ไร่/ปี ในละตินอเมริกา ราว 1,000 ก.ก./ไร่/ปี
ผมเอาแบบผลิตได้ต่ำสุดแล้วกันคือ 280 ก.ก./ไร่/ปี
2. ราคาต่อ ก.ก. ก็ซัก 60 บาท ไม่รวมเศษอย่างอื่นที่พอเก็บขายได้เพิ่มเติม
3. ค่าปุ๋ยต่อเดือน
- ยางก่อนเปิดกรีด(สำหรับพื้นทีทที่ปลูกยางพาราใหม่) ใช้สูตร 20-10-12 หรือ 25-7-7 อัตรา 200 กรัมต่อต้น(ต้นยางฯอายุ 6 ปี)
ราคา 50 ก.ก. 1050 บาท
- ยางหลังเปิดกรีด ใส่สูตร 30-5-18 หรือ 29-5-18 อัตรา 1 ก.ก.ต่อต้นต่อปี ราคา ประมาณ 1000บาท ต่อ 50 ก.ก.
- ทั้งก่อนเปิดกรีดและหลังเปิดกรีด ควรใส่ปุ๋ยคอกเสริม 2 กิโลกรัมต่อต้นต่อปีครับ
4. ปลูกเล็กๆน้อยๆก็ 10 ไร่ 1 ไร่ปลูกได้ 70 ต้น ก็เป็น 700 ต้น
คำนวณ 1. รายได้ 280kg x 10ไร่ x 60บาท / 12เดือน) = 14,000บาท ต่อ เดือน
2. ค่าปุ๋ยต่อเดือน หลังจากเปิดกรีด 1000บาท x (700ต้น x 1kg) / (50kg x 12เดือน) = 1166.66 ปัดเป็น 1200 บาทเลย
3. รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 14000 - 1200 = 12,800บาทต่อเดือน ถ้าจ้างกรีด 60/40 ก็เหลือ 12,800 x 60% = 7680บาทต่อเดือน
มาดูข้าวกันบ้าง
1. ผลิตต่อไร่ต่อรอบ จาก www.dit.go.th/uploads/ผลผลิตต่อไร%20ปี%202555.pdf
ข้าวเจ้าปทุมธานี 1 ความชื้น 15% ได้ 751 ก.ก.ต่อไร่ 10 ไร่ได้ 7510 ก.ก.
2. ราคาต่อต้น จาก
http://www.thairiceexporters.or.th/Local%20news/News_2013/news_010413-1.html
ตันละ 16,000บาท ตก ก.ก. ละ 16 บาท
3.ค่าปุ๋ยค่ายา จาก
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=828773
ค่าเช่าไร่ละ 700 บาท
ค่าจ้างทุบตอซัง จ้างไถคราดก่อนหว่าน(ขั้นตอนการเตรียมดิน) ค่าจ้างไร่ละ 350 บาท
จ้างหว่านข้าว ค่าจ้างต่อไร่ 50 บาท
จ้างฉีดยาคุมหญ้า ค่าจ้างต่อไร่ 50 บาท
จ้างฉีดยาคุม(ฆ่าเพลี้ย) 4 ครั้งๆละ 50 บาท/ไร่ รวม 200 บาท/ไร่
ค่าจ้างรถเกี่ยว ไร่ละ 300 บาท
ค่าขนส่งข้าวเข้าโรงสีไร่ ละ 200 บาท
ค่าปุ๋ยไร่ละ 50 กก. 850 บาท
ค่ายาเพลี้ย ยาคุมหญ้าไร่ละ 333 บาท
ค่าข้าวปลูก ไร่ละ 3 ถังๆละ 200 บาท รวม 600 บาท
ค่าน้ำมันโซล่าร์ ไร่ละ 1,000 บาท
สรุป ค่าเช่า 700 ค่าจ้าง 1,150 ค่าของ 2,783 รวมใช้เงินทุนไร่ละ 4,633 บาท
4. ปลูก 10 ไร่เท่ากัน หนึงปีได้ 2 รอบ 7510kg x 2 = 15020 kg = 15.02 ตัน
คำนวณ 1. รายได้ หนึงปีปลูกได้ 2 รอบ 7510kg x 2 = 15,020 kg = 15.02 ตัน; 15.02ตัน x 16,000บาท = 240,320 บาทต่อปี
2. ค่าใช้จ่าย 4,633บาทต่อไร่ x 10ไร่ x 2รอบ = 80,660 บาทต่อปี
3. เหลือ 240,320 - 80,660 = 159,660 บาทต่อปี = 13,305 บาทต่อเดือน
สรุป ชาวสวนยาง ช่วงที่ลำบากที่สุด รายได้มากพอๆกับ ช่วงที่ชาวนาได้ราคาข้าวสูงที่สุดเลย(กรีดเอง)
ผมเลยสงสัยว่าทำไมชาวสวนยางอยู่ไม่ได้?
ทำไมถึงกล้าพูดได้ว่า "ทีชาวนายังจำนำข้าวช่วยได้ ทำไมไม่ช่วยชาวสวนยาง"
ช่วงที่ลำบาก ลองออกไปกรีดยางเองน่าจะเห็นผลเร็วกว่าไหมครับ เครื่องมือก็ไม่ต้องถึงกับซื้อรถไถ รถเกี่ยว กล้ายางก็ได้รับแจกนี่
สงสัยเรื่องยาง กับ ข้าว
1. ผลผลิตต่อไร่ต่อปีของยางพารา อยู่ที่ 280 - 300 ก.ก./ไร่/ปี ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านเราถือว่าต่ำมาก
ถ้าดูแลดีกว่านี้ผลิตก็จะมากขึ้นอีก เช่นใน มาเลเซีย 400 ก.ก./ไร่/ปี ในละตินอเมริกา ราว 1,000 ก.ก./ไร่/ปี
ผมเอาแบบผลิตได้ต่ำสุดแล้วกันคือ 280 ก.ก./ไร่/ปี
2. ราคาต่อ ก.ก. ก็ซัก 60 บาท ไม่รวมเศษอย่างอื่นที่พอเก็บขายได้เพิ่มเติม
3. ค่าปุ๋ยต่อเดือน
- ยางก่อนเปิดกรีด(สำหรับพื้นทีทที่ปลูกยางพาราใหม่) ใช้สูตร 20-10-12 หรือ 25-7-7 อัตรา 200 กรัมต่อต้น(ต้นยางฯอายุ 6 ปี)
ราคา 50 ก.ก. 1050 บาท
- ยางหลังเปิดกรีด ใส่สูตร 30-5-18 หรือ 29-5-18 อัตรา 1 ก.ก.ต่อต้นต่อปี ราคา ประมาณ 1000บาท ต่อ 50 ก.ก.
- ทั้งก่อนเปิดกรีดและหลังเปิดกรีด ควรใส่ปุ๋ยคอกเสริม 2 กิโลกรัมต่อต้นต่อปีครับ
4. ปลูกเล็กๆน้อยๆก็ 10 ไร่ 1 ไร่ปลูกได้ 70 ต้น ก็เป็น 700 ต้น
คำนวณ 1. รายได้ 280kg x 10ไร่ x 60บาท / 12เดือน) = 14,000บาท ต่อ เดือน
2. ค่าปุ๋ยต่อเดือน หลังจากเปิดกรีด 1000บาท x (700ต้น x 1kg) / (50kg x 12เดือน) = 1166.66 ปัดเป็น 1200 บาทเลย
3. รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 14000 - 1200 = 12,800บาทต่อเดือน ถ้าจ้างกรีด 60/40 ก็เหลือ 12,800 x 60% = 7680บาทต่อเดือน
มาดูข้าวกันบ้าง
1. ผลิตต่อไร่ต่อรอบ จาก www.dit.go.th/uploads/ผลผลิตต่อไร%20ปี%202555.pdf
ข้าวเจ้าปทุมธานี 1 ความชื้น 15% ได้ 751 ก.ก.ต่อไร่ 10 ไร่ได้ 7510 ก.ก.
2. ราคาต่อต้น จาก http://www.thairiceexporters.or.th/Local%20news/News_2013/news_010413-1.html
ตันละ 16,000บาท ตก ก.ก. ละ 16 บาท
3.ค่าปุ๋ยค่ายา จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=828773
ค่าเช่าไร่ละ 700 บาท
ค่าจ้างทุบตอซัง จ้างไถคราดก่อนหว่าน(ขั้นตอนการเตรียมดิน) ค่าจ้างไร่ละ 350 บาท
จ้างหว่านข้าว ค่าจ้างต่อไร่ 50 บาท
จ้างฉีดยาคุมหญ้า ค่าจ้างต่อไร่ 50 บาท
จ้างฉีดยาคุม(ฆ่าเพลี้ย) 4 ครั้งๆละ 50 บาท/ไร่ รวม 200 บาท/ไร่
ค่าจ้างรถเกี่ยว ไร่ละ 300 บาท
ค่าขนส่งข้าวเข้าโรงสีไร่ ละ 200 บาท
ค่าปุ๋ยไร่ละ 50 กก. 850 บาท
ค่ายาเพลี้ย ยาคุมหญ้าไร่ละ 333 บาท
ค่าข้าวปลูก ไร่ละ 3 ถังๆละ 200 บาท รวม 600 บาท
ค่าน้ำมันโซล่าร์ ไร่ละ 1,000 บาท
สรุป ค่าเช่า 700 ค่าจ้าง 1,150 ค่าของ 2,783 รวมใช้เงินทุนไร่ละ 4,633 บาท
4. ปลูก 10 ไร่เท่ากัน หนึงปีได้ 2 รอบ 7510kg x 2 = 15020 kg = 15.02 ตัน
คำนวณ 1. รายได้ หนึงปีปลูกได้ 2 รอบ 7510kg x 2 = 15,020 kg = 15.02 ตัน; 15.02ตัน x 16,000บาท = 240,320 บาทต่อปี
2. ค่าใช้จ่าย 4,633บาทต่อไร่ x 10ไร่ x 2รอบ = 80,660 บาทต่อปี
3. เหลือ 240,320 - 80,660 = 159,660 บาทต่อปี = 13,305 บาทต่อเดือน
สรุป ชาวสวนยาง ช่วงที่ลำบากที่สุด รายได้มากพอๆกับ ช่วงที่ชาวนาได้ราคาข้าวสูงที่สุดเลย(กรีดเอง)
ผมเลยสงสัยว่าทำไมชาวสวนยางอยู่ไม่ได้?
ทำไมถึงกล้าพูดได้ว่า "ทีชาวนายังจำนำข้าวช่วยได้ ทำไมไม่ช่วยชาวสวนยาง"
ช่วงที่ลำบาก ลองออกไปกรีดยางเองน่าจะเห็นผลเร็วกว่าไหมครับ เครื่องมือก็ไม่ต้องถึงกับซื้อรถไถ รถเกี่ยว กล้ายางก็ได้รับแจกนี่