ผมอยู่บนโลกใบนี้มา40ปีแล้ว (ไวมาก) แม้ว่าจะไม่ได้มากมายแต่ก็พอจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่อยากจะมาสนทนากันคือ "สินค้าราคาผ่อน" ถ้าใครที่อายุ35ขึ้นมา จะสังเกตุได้ว่า สมัยก่อนตอนเราเป็นเด็ก การที่พ่อแม่เราจะซื้อทีวี ตู้เย็นหรืออะไรก้อแล้วที่เป็นสินค้าทั่วไป พ่อแม่เราต้องเก็บเงินให้ได้ก่อนถึงจะไปซื้อเข้าบ้านมา วันนั้นจะเป็นวันที่มีความสุขมากของคนทั้งบ้าน มันเหมือนกับเราสามารถเก็บเงินซื้อมันมาได้ แต่สมัยนั้นก็มีพวกแขกเงินกู้เหมือนกันที่ขายพวกที่นอนแล้วผ่อนวัยละ20.- ตอนนั้นธนาคารก็เล็งเห็นจุดนี้ก็เลยเริ่มมีธุรกิจธนาคาร (ย้ำครับว่า ธุรกิจธนาคาร) คือไม่ใช่ธนาคารที่เราคุ้นเคยกันเหมือนตอนเด็กๆที่พยายามให้เราฝากเงินเก็บออม ธุรกิจธนาคารก็เหมือนธุรกิจอื่นๆคือ มุ่งเน้นหากำไรสูงสุด ดังนั้น ธนาคารยุคนี้จึงไม่ได้มีเป้าหมายหลักคือให้ปชช.อดออมเหมือนก่อนแล้ว แต่เป้าหมายหลักคือให้คนใช้เงินมากที่สุด โดยการกู้ยืม ผ่อน กับธนาคาร เพื่อธนาคคารจะได้ทำกำไรจากดอกเบี้ยบัตรเครดิต เราจึงเห็นการออกแคมเปญ ผ่อน0% 6เดือน 10เดือนกับธนาคารXXX ออกมาไม่ว่าจะซื้อสินค้าอะไร แม้กระทั่งการท่องเที่ยว เที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง หรือการทานอาหารตามโรงแรมหรู (ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ) เลยทำให้กำแพงความวู่วามของเราถูกทำลายลงไป ไม่ต้องคิดทบทวนมากมาย เอามาใช้มากินก่อนแล้วค่อยผ่อนทีหลัง มันเลยเกิดปัญหาหนี้เครดิต หนี้นอกระบบ ตามต่อมา
จริงๆก็ไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงอะไรหากเรารู้จักการบริหารเงินของเราให้ดี บางสิ่งบางอย่างเราก็ซื้อแบบราคาผ่อนก็ได้ หากการนำมาเพื่อทำให้เรามีอาชีพมีหนทางทำมาหากินเพิ่มรายได้ เศรษฐกิจก็หมุนเวียนด้วย แต่ก็รู้ๆกันอยู่ สังคมไทยไม่ค่อยมีวินัยทางการเงิน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้มาก มันก็เลยเป็นหนี้เป็นสินกันมากมาย
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ว่าผมจะต่อต้านการผ่อนสินค้า หรืออวยตัวเองว่าดีเด่นเกินใคร เพียงแต่มานั่งคิดทบทวนว่า เวลาเปลี่ยนความคิดของคนในสังคมก็เปลี่ยนไปตามเวลา ผมเองก็ซื้อบางอย่างด้วยเงินผ่อนเช่นกัน แต่ผมจะไม่ซื้ออะไรที่เป็นเงินผ่อนพร้อมๆกัน จะผ่อนสิ่งแรกให้หมดก่อน ค่อยคิดต่อไป บางอย่างถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ผมไม่อยากก่อหนี้ระยะยาว ตอนนี้ผมเหลือหนี้อยู่2ก้อน คือหนี้รถยนต์ที่ต้องผ่อนอีกแค่ไม่ถึงปี กับหนี้รักที่คงชดใช้ให้ภรรยาและลูกผมตลอดชีวิต ก็เท่านั้นเอง เอ้า! ฮิ้ว......
"สินค้าราคาผ่อน" เวลาเปลี่ยนความคิดเปลี่ยน
จริงๆก็ไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงอะไรหากเรารู้จักการบริหารเงินของเราให้ดี บางสิ่งบางอย่างเราก็ซื้อแบบราคาผ่อนก็ได้ หากการนำมาเพื่อทำให้เรามีอาชีพมีหนทางทำมาหากินเพิ่มรายได้ เศรษฐกิจก็หมุนเวียนด้วย แต่ก็รู้ๆกันอยู่ สังคมไทยไม่ค่อยมีวินัยทางการเงิน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้มาก มันก็เลยเป็นหนี้เป็นสินกันมากมาย
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ว่าผมจะต่อต้านการผ่อนสินค้า หรืออวยตัวเองว่าดีเด่นเกินใคร เพียงแต่มานั่งคิดทบทวนว่า เวลาเปลี่ยนความคิดของคนในสังคมก็เปลี่ยนไปตามเวลา ผมเองก็ซื้อบางอย่างด้วยเงินผ่อนเช่นกัน แต่ผมจะไม่ซื้ออะไรที่เป็นเงินผ่อนพร้อมๆกัน จะผ่อนสิ่งแรกให้หมดก่อน ค่อยคิดต่อไป บางอย่างถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ผมไม่อยากก่อหนี้ระยะยาว ตอนนี้ผมเหลือหนี้อยู่2ก้อน คือหนี้รถยนต์ที่ต้องผ่อนอีกแค่ไม่ถึงปี กับหนี้รักที่คงชดใช้ให้ภรรยาและลูกผมตลอดชีวิต ก็เท่านั้นเอง เอ้า! ฮิ้ว......