หยัมเซ็งงงงงงง.......น่อ.....อออออ
เมื่อวานผมเล่าให้ฟังไปแล้วว่า ในรูปที่พอมีอยู่..ผมพาเพื่อนไปเที่ยวประเทศสิงกะโปร์เป็นครั้งที่4.......ซึ่งหากรูปที่ผมส่งไปแปลงไฟล์เข้าเก็บไว้ในแผ่นดิสคฺ์ได้ครบเมื่อไหร่ก็จะมีเส้นทางใหม่ๆให้ผมพาเพื่อนพ้องน้องหลานไปเที่ยวอีกหลายเส้นทาง.........(ถนนในมาเลย์มีสายหลักๆอยู่3สายครับ)
คือเส้นผ่ากลางประเทศ ที่ผมกำลังเขียนเล่าอยู่นี่แหละ ส่วนอีกเส้นหนึ่ง ก็เป็นเส้นเลียบทะเลตะวันออก เป็นถนนสายเล็กๆเชื่อมระหว่างสุไหงโก-ลก รถวิ่งสวนกันได้แบบเดียวกับถนนเชื่อมหมู่บ้าน สองข้างทางเป็นป่ายางสลับกับต้นปาล์มน้ำมัน....ลิงแสมเยอะ(แต่ขี่ปลอดภัยดี เนื่องจากไม่ค่อยมีรถเข้ามาวิ่ง-เนื่องจากมันอ้อมกว่าการใช้ถนนสายกลาง)
ส่วนถนนสายกลางนั้น เมื่อ20ปีที่ผ่านมา........มันไม่ได้ตรงดิ่งและมีทางด่วนแบบที่เราไปดูการแข่งรถกันในปัจจุบัน).....เราจะต้องใช้ถนนแบบเดียวกับสายภาคตะวันออกที่อธิบายไปข้างต้นนั่นแล้ว-เป็นถนนแคบๆพอๆกับถนนเชื่อมระหว่างตำบลของไทยเรา(และไม่มีไหล่ทาง)แซงไม่ลงจังหวะก็จะตกทุ่งนา หรือชนกับรถที่สวนมา-แต่ถนนสายตะวันออกที่ผมบอกว่าปลอดภัยดีนั้น มันมีไหล่ทาง(ไม่ถึงกับตกทุ่งนา)......ผมเคยขี่กลับจากสิงกะโปร์มาตามทางที่กล่าว เคยทับลิงตายไป1ครั้งและหลับใน......วิ่งผ่าโค้งไป2ครั้ง(ถนนเส้นนี้มันมีโค้งหลอกตาเยอะด้วย-เผลองีบไปแปบเดียวเอง......555 มือตรีนกางเลย)
ุถนนสายที่ผมหลับในนี้ขับสบายดีแต่มันเสี่ยงกับการหลับในอย่างที่บอก เนื่องจากไม่ค่อยมีรถเข้ามาวิ่ง-ประสาทเลยเฉื่อย.ส่วนถนนสายกลางนั่นก็หลับไม่ลง เพราะมันเครียดตลอดเวลา.....
อีกเส้นหนึ่งก็คือเส้นตะวันตก....แต่มันไปไม่ตลอด จะไปตันเอาแค่ปีนังแล้วมีถนนวกกลับมาเชื่อมกับบัตเตอร์เวิร์ธ.แล้วตรงไปสู่เมืองยงเป็ง......ไปสุดท้ายที่เมืองทาปะ-ก่อนจะเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์เป็นด่านสุดท้าย.....
วกกลับมาที่ถนนสายซูเปอร์ไฮเวย์อีกครั้งนะครับ.......ช่วงที่ขี่ไปกัน5-6คัน(ที่รถผมไฟลุกท่อไอเสียนี่แหละ) ทางด่วนเริ่มเสร็จไปแล้วกว่าครึ่ง.....แต่ปั้มน้ำมันและที่พักรถยังมีไม่ครบแห่ง.......แต่ก็สามารถทำเวลาได้ดีพอสมควร ช่วงไหนที่ทางด่วนยังไม่เสร็จ เราก็ลงจากทางด่วน.........วิ่งเข้าไปผสมกับชาวบ้านทั่วไปสักพักหนึ่ง ก็มีจะป้ายโทลเวย์...เราก็รู้ได้เลยว่าช่วงข้างหน้านั้นทางด่วนเสร็จแล้ว.....เราก็วกตีกลับไปขึ้นทางด่วน
พอบ่ายโมง เราก็ผ่านทางแยกเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์.......ฮ่า เราผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว เพียงบ่ายโมงเอง.....เราแวะเข้าปั้มน้ำมันบนทางด่วน แล้วจัดการซื้อไก่ย่างเคเอฟซีกินกันตรงที่พักรถ(ที่พักรถบนทางด่วนของมาเลย์?เศียจะมีระยะห่างกันเฉลี่ย50กม.ครับ......มีเนื้อที่กว้างประมาณ50ไร่(ครึ่งสนามหลวง).........เขาแบ่งเป็นส่วนของรถเทรลเลอร์อยู่นอกสุด.....มีห้องอาบน้ำ(ฟรี)ให้ประมาณ20ห้อง พร้อมห้องละหมาด)....และมีสวนหย่อม-ไม่เปลี่ยวเพราะมีคนงานตัดหญ้าอยู่ทั้งปีทั้งชาติ.มีที่เอนหลังให้ด้วยถือว่าได้มาตรฐานที่เมืองไทยเราน่าจะเอาอย่าง
ผมเห็นในเมืองไทยอยู่แห่งเดียวเองที่มีบรรยากาศอย่างนี้......ก็ที่พักริมทางบนลำตะคองที่มีรูปน้าชาตินั่งขี่รถช็อปเปอร์อยู่นั่นแหละ......นอกนั้นไม่ติดฝุ่นของเขา
เลยเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นที่พักรถทัวร์และรถเก๋ง......ส่วนกลางจะเป็น Food centre.....ในฟูดเซ็นเตอร์นั่น อาหารยอดจะไม่อร่อยเลยก็แล้วกัน(ขอบอก) นอกจาก KFC ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก...ผมเคยเผลอไปสั่งก๋วยเตี๋ยวแกงกินทีหนึ่ง(ก๋วยเตี๋ยวแขกอย่างที่เราเรียก).ซึ่งปกติจะใส่ปีกไก๋ตุ๋นหรือเนื้อตุ๋น...แต่ที่มาเลย์ไม่ใช่ครับ........พี่แกดันใส่หอยแครงลงไปในก๋วยเตี๋ยว..........ผมละจ๋อยเลย
ที่พักรถระหว่างทางแบบนี้จะมีครอบครัวพ่อ-แม่-ญาติโกโหติกา เข้ามอาศัยโรงอาหารที่กล่าวนี้ ด้วยการทำอาหารมากินกันเอง......เขาใช้ใบตองปูแทนชามข้าว และใช้มือเปิบกินตามมาตรฐานของพวกเขา (อินโดเนเซียก็กินแบบนี้..........ไว้จะแยกเล่ตอนที่ผมไปอินโดนะครับ)
......การเปิบของชาวมาเลฯและชาวอินโดฯไม่ยักได้มาตรฐานสมกับที่เขาเปิบข้าวด้วยมือจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันแฮะ
ผมเชื่อแน่ว่าพวกเราก็คงจะเคยกินข้าวด้วยมือโดยเฉพาะคนท้องไร่ท้องนานั่น-เป็นของแน่นอนอยู่แล้ว......ซึ่งปกติเราจะใช้นิ้วมือทั้ง4กอบ+ขยุ้มข้าว+กึ่งกดให้ข้าวเป็นก้อน.....เมื่อจะป้อนเข้าปาก...ไทยเราจะใช้หัวแม่โป้งดันข้าวจากขยุ้มนิ้วที่กล่าวนั้นเข้าปาก
แต่มาเลย์และอินโดฯไม่ทำแบบนี้ พี่แกใช้มือทั้งขยุ้มยัดเข้าปากไปแบบไม่มีศิลป์แต่อย่างใดทั้งสิ่น....และรับประกันซ่อมฟรี3ปีเลยว่า พี่แกไม่เคยตะล่อมข้าวที่กระจุยกระจายอยู่ในใบตองสักคนเดียว-ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือสุภาพผู้หญิงที่ควรจะละเมียดละมัยกว่ามนุษย์ตัวผู้..(ว่าซะเสียเลยแฮะ).....พี่แกเปิบข้าวกันเหมือนเด็กๆกินข้าวนี่แหละ......และไม่มีการเตรียมขันน้ำเอาไว้"ชุบมือเปิบ"เหมือนคนไทยเรา
คุณคงเคยได้ยินคำว่าชุบมือเปิบนะครับ.มันเป็นคำ-ดันสำหรับคนที่ถือโอกาสมั่วนิ่ม.....มาตักตวงผลประโยชน์เอาจากส่วนกลางแบบหน้าด้านๆ....อันนี้แสดงให้เห็นเลยว่าคนไทยเรานั้น ก่อนกินข้าว......จะมีขันน้ำมาชำระมือก่อน(หลังจากควรล้างให้สะอาดมาแล้วครั้งหนึ่ง)....จากนั้นเมื่อกินข้าวไปได้สักพัก...ข้ามจะติดมือเกระกรัง....เราก็จะต้องชุบมือให้มันเริ่มต้นทำหน้าที่เปิบใหม่อีกครั้งหนึ่ง.......
อ้าว.......เพิ่งกินข้าวกลางวันเองแหละ......ดันผ่านไปเขียนถึงเรื่องกรรมวิธีการกินของคนมาเลย์ได้ไงเนี่ย........
กลับมาบนทางด่วนใหม่นะครับ......ออกจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้ไม่ไกลนัก ผมก็ยังเกตุเห็นว่ารถของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเกิดอาการควันดำโขมงโฉงเฉง.......ผมเลยโบกมือเป็นสัญญานให้ขบวนจอด เพราะดูมันผิดปกติไปค่อนข้างมาก.......พอจอดขบวนก็รู้สาเหตุเลยละ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์ของรถคันที่กล่าวนี้ดังเจา๊ะแจ๊ะ-แบบรถวาล์วห่างให้ได้ยินอย่างชัดเจน และเข็มน้ำมันของรถก็ตกลงเกือบถึงขีดแดง ทั้งๆที่เราเพิ่งเติมน้ำมันมาไม่ถึง100กม.ที่ผ่านมานี่เอง.........
วันนี้ขออนุญาติจบแบบห้วนๆกว่าเมื่อวานนี้ เพราะลูกสาวมาขอใช้คอมฯ เพื่อทำงานส่งครูตอนเช้า-ขออภัยเด้อ.......ลูกสาวคนนี้ผมเลี้ยงมาตั้งแต่คลาน2คนพี่น้อง.....ตอนนี้เรียนอยู่ม.ดุสิตปี2-ส่วนเจ้าตัวเล็กอยู่ม.4ที่ผมเป็นประธานเครือข่ายอยู่(สรุปก็คือเป็นประธานเครืข่ายมันเกือบ10ปี เพราะลูกบุญธรรมคู่นี้เรียนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นป.1-ยันจบม6....แล้วต่อด้วยเจ้าตัวเล็กที่ปัจจุบันอยู่ม4....อีก2ปีก็คงออกไปขี่รถเล่นอย่างเดียวไม่ต้องดูแลนักเรียนอีกต่อไป.......
.วันนี้ขอทิ้งทวนไปแบบง่ายๆงี้แหละ...
..
รูปนี้เป็นตอนที่ผมหมดสภาพ เนื่องจากขับรถสูดกลิ่นน้ำมันเบ็นซินเข้าไปจนสมองเลอะ-จะหลับเสียให้ได้ เลยขอแวะนอนริมถนนมันดื้อๆแบบนี้แหละ ส่วนได้ตัวต้นเหตุยืนถอนหนวดอยู่ที่แผงกั้นเหล็ก......และน้าอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆผมนั่น ตอนกลับมาถึงเมืองไทย-พี่แกดัยขี่รถไปเสยกับรถ10ล้อที่สวนทางมาแถวประจวบฯเสียหายหลายแสน.........พรุ่งนี้ค่อยมาเล่าต่อเด้อ
อยากให้กระทู้มีสาระ(ไปเที่ยวสิงค์โปร์กันต่อ)
เมื่อวานผมเล่าให้ฟังไปแล้วว่า ในรูปที่พอมีอยู่..ผมพาเพื่อนไปเที่ยวประเทศสิงกะโปร์เป็นครั้งที่4.......ซึ่งหากรูปที่ผมส่งไปแปลงไฟล์เข้าเก็บไว้ในแผ่นดิสคฺ์ได้ครบเมื่อไหร่ก็จะมีเส้นทางใหม่ๆให้ผมพาเพื่อนพ้องน้องหลานไปเที่ยวอีกหลายเส้นทาง.........(ถนนในมาเลย์มีสายหลักๆอยู่3สายครับ)
คือเส้นผ่ากลางประเทศ ที่ผมกำลังเขียนเล่าอยู่นี่แหละ ส่วนอีกเส้นหนึ่ง ก็เป็นเส้นเลียบทะเลตะวันออก เป็นถนนสายเล็กๆเชื่อมระหว่างสุไหงโก-ลก รถวิ่งสวนกันได้แบบเดียวกับถนนเชื่อมหมู่บ้าน สองข้างทางเป็นป่ายางสลับกับต้นปาล์มน้ำมัน....ลิงแสมเยอะ(แต่ขี่ปลอดภัยดี เนื่องจากไม่ค่อยมีรถเข้ามาวิ่ง-เนื่องจากมันอ้อมกว่าการใช้ถนนสายกลาง)
ส่วนถนนสายกลางนั้น เมื่อ20ปีที่ผ่านมา........มันไม่ได้ตรงดิ่งและมีทางด่วนแบบที่เราไปดูการแข่งรถกันในปัจจุบัน).....เราจะต้องใช้ถนนแบบเดียวกับสายภาคตะวันออกที่อธิบายไปข้างต้นนั่นแล้ว-เป็นถนนแคบๆพอๆกับถนนเชื่อมระหว่างตำบลของไทยเรา(และไม่มีไหล่ทาง)แซงไม่ลงจังหวะก็จะตกทุ่งนา หรือชนกับรถที่สวนมา-แต่ถนนสายตะวันออกที่ผมบอกว่าปลอดภัยดีนั้น มันมีไหล่ทาง(ไม่ถึงกับตกทุ่งนา)......ผมเคยขี่กลับจากสิงกะโปร์มาตามทางที่กล่าว เคยทับลิงตายไป1ครั้งและหลับใน......วิ่งผ่าโค้งไป2ครั้ง(ถนนเส้นนี้มันมีโค้งหลอกตาเยอะด้วย-เผลองีบไปแปบเดียวเอง......555 มือตรีนกางเลย)
ุถนนสายที่ผมหลับในนี้ขับสบายดีแต่มันเสี่ยงกับการหลับในอย่างที่บอก เนื่องจากไม่ค่อยมีรถเข้ามาวิ่ง-ประสาทเลยเฉื่อย.ส่วนถนนสายกลางนั่นก็หลับไม่ลง เพราะมันเครียดตลอดเวลา.....
อีกเส้นหนึ่งก็คือเส้นตะวันตก....แต่มันไปไม่ตลอด จะไปตันเอาแค่ปีนังแล้วมีถนนวกกลับมาเชื่อมกับบัตเตอร์เวิร์ธ.แล้วตรงไปสู่เมืองยงเป็ง......ไปสุดท้ายที่เมืองทาปะ-ก่อนจะเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์เป็นด่านสุดท้าย.....
วกกลับมาที่ถนนสายซูเปอร์ไฮเวย์อีกครั้งนะครับ.......ช่วงที่ขี่ไปกัน5-6คัน(ที่รถผมไฟลุกท่อไอเสียนี่แหละ) ทางด่วนเริ่มเสร็จไปแล้วกว่าครึ่ง.....แต่ปั้มน้ำมันและที่พักรถยังมีไม่ครบแห่ง.......แต่ก็สามารถทำเวลาได้ดีพอสมควร ช่วงไหนที่ทางด่วนยังไม่เสร็จ เราก็ลงจากทางด่วน.........วิ่งเข้าไปผสมกับชาวบ้านทั่วไปสักพักหนึ่ง ก็มีจะป้ายโทลเวย์...เราก็รู้ได้เลยว่าช่วงข้างหน้านั้นทางด่วนเสร็จแล้ว.....เราก็วกตีกลับไปขึ้นทางด่วน
พอบ่ายโมง เราก็ผ่านทางแยกเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์.......ฮ่า เราผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว เพียงบ่ายโมงเอง.....เราแวะเข้าปั้มน้ำมันบนทางด่วน แล้วจัดการซื้อไก่ย่างเคเอฟซีกินกันตรงที่พักรถ(ที่พักรถบนทางด่วนของมาเลย์?เศียจะมีระยะห่างกันเฉลี่ย50กม.ครับ......มีเนื้อที่กว้างประมาณ50ไร่(ครึ่งสนามหลวง).........เขาแบ่งเป็นส่วนของรถเทรลเลอร์อยู่นอกสุด.....มีห้องอาบน้ำ(ฟรี)ให้ประมาณ20ห้อง พร้อมห้องละหมาด)....และมีสวนหย่อม-ไม่เปลี่ยวเพราะมีคนงานตัดหญ้าอยู่ทั้งปีทั้งชาติ.มีที่เอนหลังให้ด้วยถือว่าได้มาตรฐานที่เมืองไทยเราน่าจะเอาอย่าง
ผมเห็นในเมืองไทยอยู่แห่งเดียวเองที่มีบรรยากาศอย่างนี้......ก็ที่พักริมทางบนลำตะคองที่มีรูปน้าชาตินั่งขี่รถช็อปเปอร์อยู่นั่นแหละ......นอกนั้นไม่ติดฝุ่นของเขา
เลยเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นที่พักรถทัวร์และรถเก๋ง......ส่วนกลางจะเป็น Food centre.....ในฟูดเซ็นเตอร์นั่น อาหารยอดจะไม่อร่อยเลยก็แล้วกัน(ขอบอก) นอกจาก KFC ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก...ผมเคยเผลอไปสั่งก๋วยเตี๋ยวแกงกินทีหนึ่ง(ก๋วยเตี๋ยวแขกอย่างที่เราเรียก).ซึ่งปกติจะใส่ปีกไก๋ตุ๋นหรือเนื้อตุ๋น...แต่ที่มาเลย์ไม่ใช่ครับ........พี่แกดันใส่หอยแครงลงไปในก๋วยเตี๋ยว..........ผมละจ๋อยเลย
ที่พักรถระหว่างทางแบบนี้จะมีครอบครัวพ่อ-แม่-ญาติโกโหติกา เข้ามอาศัยโรงอาหารที่กล่าวนี้ ด้วยการทำอาหารมากินกันเอง......เขาใช้ใบตองปูแทนชามข้าว และใช้มือเปิบกินตามมาตรฐานของพวกเขา (อินโดเนเซียก็กินแบบนี้..........ไว้จะแยกเล่ตอนที่ผมไปอินโดนะครับ)
......การเปิบของชาวมาเลฯและชาวอินโดฯไม่ยักได้มาตรฐานสมกับที่เขาเปิบข้าวด้วยมือจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันแฮะ
ผมเชื่อแน่ว่าพวกเราก็คงจะเคยกินข้าวด้วยมือโดยเฉพาะคนท้องไร่ท้องนานั่น-เป็นของแน่นอนอยู่แล้ว......ซึ่งปกติเราจะใช้นิ้วมือทั้ง4กอบ+ขยุ้มข้าว+กึ่งกดให้ข้าวเป็นก้อน.....เมื่อจะป้อนเข้าปาก...ไทยเราจะใช้หัวแม่โป้งดันข้าวจากขยุ้มนิ้วที่กล่าวนั้นเข้าปาก
แต่มาเลย์และอินโดฯไม่ทำแบบนี้ พี่แกใช้มือทั้งขยุ้มยัดเข้าปากไปแบบไม่มีศิลป์แต่อย่างใดทั้งสิ่น....และรับประกันซ่อมฟรี3ปีเลยว่า พี่แกไม่เคยตะล่อมข้าวที่กระจุยกระจายอยู่ในใบตองสักคนเดียว-ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือสุภาพผู้หญิงที่ควรจะละเมียดละมัยกว่ามนุษย์ตัวผู้..(ว่าซะเสียเลยแฮะ).....พี่แกเปิบข้าวกันเหมือนเด็กๆกินข้าวนี่แหละ......และไม่มีการเตรียมขันน้ำเอาไว้"ชุบมือเปิบ"เหมือนคนไทยเรา
คุณคงเคยได้ยินคำว่าชุบมือเปิบนะครับ.มันเป็นคำ-ดันสำหรับคนที่ถือโอกาสมั่วนิ่ม.....มาตักตวงผลประโยชน์เอาจากส่วนกลางแบบหน้าด้านๆ....อันนี้แสดงให้เห็นเลยว่าคนไทยเรานั้น ก่อนกินข้าว......จะมีขันน้ำมาชำระมือก่อน(หลังจากควรล้างให้สะอาดมาแล้วครั้งหนึ่ง)....จากนั้นเมื่อกินข้าวไปได้สักพัก...ข้ามจะติดมือเกระกรัง....เราก็จะต้องชุบมือให้มันเริ่มต้นทำหน้าที่เปิบใหม่อีกครั้งหนึ่ง.......
อ้าว.......เพิ่งกินข้าวกลางวันเองแหละ......ดันผ่านไปเขียนถึงเรื่องกรรมวิธีการกินของคนมาเลย์ได้ไงเนี่ย........
กลับมาบนทางด่วนใหม่นะครับ......ออกจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้ไม่ไกลนัก ผมก็ยังเกตุเห็นว่ารถของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเกิดอาการควันดำโขมงโฉงเฉง.......ผมเลยโบกมือเป็นสัญญานให้ขบวนจอด เพราะดูมันผิดปกติไปค่อนข้างมาก.......พอจอดขบวนก็รู้สาเหตุเลยละ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์ของรถคันที่กล่าวนี้ดังเจา๊ะแจ๊ะ-แบบรถวาล์วห่างให้ได้ยินอย่างชัดเจน และเข็มน้ำมันของรถก็ตกลงเกือบถึงขีดแดง ทั้งๆที่เราเพิ่งเติมน้ำมันมาไม่ถึง100กม.ที่ผ่านมานี่เอง.........
วันนี้ขออนุญาติจบแบบห้วนๆกว่าเมื่อวานนี้ เพราะลูกสาวมาขอใช้คอมฯ เพื่อทำงานส่งครูตอนเช้า-ขออภัยเด้อ.......ลูกสาวคนนี้ผมเลี้ยงมาตั้งแต่คลาน2คนพี่น้อง.....ตอนนี้เรียนอยู่ม.ดุสิตปี2-ส่วนเจ้าตัวเล็กอยู่ม.4ที่ผมเป็นประธานเครือข่ายอยู่(สรุปก็คือเป็นประธานเครืข่ายมันเกือบ10ปี เพราะลูกบุญธรรมคู่นี้เรียนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นป.1-ยันจบม6....แล้วต่อด้วยเจ้าตัวเล็กที่ปัจจุบันอยู่ม4....อีก2ปีก็คงออกไปขี่รถเล่นอย่างเดียวไม่ต้องดูแลนักเรียนอีกต่อไป.......
.วันนี้ขอทิ้งทวนไปแบบง่ายๆงี้แหละ...
..
รูปนี้เป็นตอนที่ผมหมดสภาพ เนื่องจากขับรถสูดกลิ่นน้ำมันเบ็นซินเข้าไปจนสมองเลอะ-จะหลับเสียให้ได้ เลยขอแวะนอนริมถนนมันดื้อๆแบบนี้แหละ ส่วนได้ตัวต้นเหตุยืนถอนหนวดอยู่ที่แผงกั้นเหล็ก......และน้าอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆผมนั่น ตอนกลับมาถึงเมืองไทย-พี่แกดัยขี่รถไปเสยกับรถ10ล้อที่สวนทางมาแถวประจวบฯเสียหายหลายแสน.........พรุ่งนี้ค่อยมาเล่าต่อเด้อ