นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานวิจัย พร้อมเตรียมรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เคลื่อนย้ายมาสู่ภูมิภาคเอเชีย และการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2015 ที่จะเป็นโอกาสของประเทศไทย โดยรัฐบาลได้เตรียมรองรับโอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดโดยการจัดทำแนวยุทธศาสตร์ประเทศ 4 แนวทางเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารประเทศ คือ 1. การเพิ่มรายได้อย่างมั่นคงด้วยการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศ 2. การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น 3. การเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 4. การพัฒนาระบบการบริหารจัดการของภาครัฐให้เกิดประสิทธิภาพและยกระดับการบริหารงานให้เป็นสากลมากขึ้น โดยในเรื่องการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันจะต้องสำรวจขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะยังมีอีกหลาย ๆ มิติที่จะร่วมกันพัฒนา ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่รัฐบาลมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อลดต้นทุนการขนส่งต่าง ๆ เพิ่มความสะดวกสบายในระยะยาว และต้องเพิ่มขีดความสามารถด้วยการลงทุนงานวิจัยและพัฒนา ที่รัฐบาลได้พยายามจัดสรรงบประมาณให้งานวิจัยและงานพัฒนาต่าง ๆ เข้าไปถึงและต้องต่อยอดในเชิงพาณิชย์ให้ได้ ซึ่งรัฐบาลอยากจะเห็นประเทศไทยมุ่งเป็นศูนย์กลางในด้านต่าง ๆ คือ การผลิตอาหารคุณภาพ การให้บริการเชิงสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน การผลิตรถยนต์หรือชิ้นส่วน การผลิตพลังงานสะอาด การผลิตวัสดุชีวภาพ การท่องเที่ยว การวิจัย ซึ่งรัฐบาลจะพัฒนาต่อยอดการเป็นศูนย์กลางเหล่านี้ ขณะเดียวกันการมองในมิติของอุตสาหกรรมก็มีความสำคัญ จึงต้องต่อเติมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยแต่ละอุตสาหกรรมต้องนำแนวคิดเรื่องงานวิจัย การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันไปต่อยอด เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมมีความแข็งแรงและมีการเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านสังคมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการวิจัยที่สอดคล้อง ตอบโจทย์การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ที่งานวิจัยไม่ควรจำกัดอยู่เพียงบริษัทใหญ่ แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอี ที่หากในส่วนนี้มีความแข็งแรงก็จะต่อยอดเสริมประโยชน์ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ด้วย และรัฐบาลจะบูรณาการงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยกันยกระดับการวิจัย ยกระดับขีดความสามารถ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวประมง ที่เป็นพื้นฐานสำคัญด้วย ขณะที่ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลก็มีการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพราะอยากเห็นความเจริญของอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงสภาวะภูมิอากาศต่าง ๆ เพื่อให้อุตสาหกรรมและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้ โดยได้มีการทำแผนกำหนดพื้นที่ทำเมืองสีเขียว เพื่อพัฒนาไปสู่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว ให้เป็นแหล่งรายได้ใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะร่วมงานกับภาคเอกชนและ SCG ในการหาจุดเริ่มต้นของการทำให้เกิดเมืองสีเขียวขึ้นให้ได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งนี้ รัฐบาลจะยึดแนวทางของยุทธศาสตร์ประเทศในการบูรณาการงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งงานวิจัยก็จะอยู่ในทุก ๆ ส่วนของรัฐที่จะเข้าไปบูรณาการ “ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นรูปธรรม เราได้เคยประชุมกับทางสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ก็เห็นแนวทางเดียวกัน โดยได้เสนอแผนเร่งด่วน ที่รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มาบูรณาการงานวิจัยที่มีการพัฒนาแล้วทั้งหมดของ 7 หน่วยงานหลัก เพื่อต่อยอดของเชิงพาณิชย์ให้ได้ และรัฐบาลจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้งานต่าง ๆ ได้ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทุก ๆ กลุ่มอย่างเต็มที่ รวมทั้งจะลดความซ้ำซ้อนเพื่อจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าในการเพิ่มงบประมาณในการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการจัดการประกวดส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยเพื่อพัฒนาในรูปแบบของเชิงพาณิชย์” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในระยะยาว รัฐบาลจะมีการพัฒนางานวิจัยและการพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ รวมถึงทบทวนสิทธิประโยชน์ กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อจูงใจการลงทุนของภาคเอกชน และเสริมให้ภาคเอกชนจัดสรรงบประมาณในการจัดทำวิจัยพัฒนา เพื่อเร่งการพัฒนาความหลากหลายและนวัตกรรมต่าง ๆ ควบคู่ไปกับภาครัฐ ที่จะบูรณาการงานวิจัยและส่งเสริมงบประมาณ ซึ่งภาครัฐจะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อเป็นแกนหลักทำงานร่วมกับภาคเอกชน ทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ จังหวัด และอุตสาหกรรม รวมถึงจะมีการเสริมเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หาแนวทางการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ที่มีศูนย์วิจัยและมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมจัดทำด้วย นอกจากนี้ อยากเห็นการเติบโตของบุคลากรนักวิจัยของประเทศไทยที่ขณะนี้มีนักวิจัยในสัดส่วน 7 คนต่อประชากร 10,000 คน ขณะที่ตัวเลขนักวิจัยของโลกอยู่ที่ 15 คนต่อประชากร 10,000 คน ซึ่งรัฐบาลจะมุ่งเสริมงบประมาณ และเสริมการสนับสนุนทั้งบุคลากร เครื่องมือ และผลงานต่าง ๆ รวมทั้งเวทีในการผลักดันงานวิจัยต่าง ๆ ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ภาครัฐมีความพร้อมที่จะทำงานกับภาคเอกชนและเสริมอุปกรณ์เครื่องมือในการทดลองต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก และหวังว่าความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ที่จะร่วมกันสานต่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาลงทุนเพื่อให้งานวิจัยและงานพัฒนาเป็นประโยชน์ในการสร้างความมั่นคงและรากฐานที่สำคัญของประเทศ
ตัดมาบางส่วนจาก
http://www.thaigov.go.th/th/component/k2/item/79203-inno.html
ตราบใดที่เธอ ยังเป็นแมวที่จับหนูได้
มีวิสัยทัศที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้าได้
สิ่งที่เธอพูด กับสิ่งที่เธอทำ
ผลงานที่ออกมาจะเป็นตัวตัดสิน ความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศนี้ต่อไปครับ
วิสัยทัศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานวิจัย พร้อมเตรียมรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เคลื่อนย้ายมาสู่ภูมิภาคเอเชีย และการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2015 ที่จะเป็นโอกาสของประเทศไทย โดยรัฐบาลได้เตรียมรองรับโอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดโดยการจัดทำแนวยุทธศาสตร์ประเทศ 4 แนวทางเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารประเทศ คือ 1. การเพิ่มรายได้อย่างมั่นคงด้วยการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศ 2. การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น 3. การเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 4. การพัฒนาระบบการบริหารจัดการของภาครัฐให้เกิดประสิทธิภาพและยกระดับการบริหารงานให้เป็นสากลมากขึ้น โดยในเรื่องการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันจะต้องสำรวจขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะยังมีอีกหลาย ๆ มิติที่จะร่วมกันพัฒนา ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่รัฐบาลมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อลดต้นทุนการขนส่งต่าง ๆ เพิ่มความสะดวกสบายในระยะยาว และต้องเพิ่มขีดความสามารถด้วยการลงทุนงานวิจัยและพัฒนา ที่รัฐบาลได้พยายามจัดสรรงบประมาณให้งานวิจัยและงานพัฒนาต่าง ๆ เข้าไปถึงและต้องต่อยอดในเชิงพาณิชย์ให้ได้ ซึ่งรัฐบาลอยากจะเห็นประเทศไทยมุ่งเป็นศูนย์กลางในด้านต่าง ๆ คือ การผลิตอาหารคุณภาพ การให้บริการเชิงสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน การผลิตรถยนต์หรือชิ้นส่วน การผลิตพลังงานสะอาด การผลิตวัสดุชีวภาพ การท่องเที่ยว การวิจัย ซึ่งรัฐบาลจะพัฒนาต่อยอดการเป็นศูนย์กลางเหล่านี้ ขณะเดียวกันการมองในมิติของอุตสาหกรรมก็มีความสำคัญ จึงต้องต่อเติมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยแต่ละอุตสาหกรรมต้องนำแนวคิดเรื่องงานวิจัย การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันไปต่อยอด เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมมีความแข็งแรงและมีการเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านสังคมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการวิจัยที่สอดคล้อง ตอบโจทย์การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ที่งานวิจัยไม่ควรจำกัดอยู่เพียงบริษัทใหญ่ แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอี ที่หากในส่วนนี้มีความแข็งแรงก็จะต่อยอดเสริมประโยชน์ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ด้วย และรัฐบาลจะบูรณาการงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยกันยกระดับการวิจัย ยกระดับขีดความสามารถ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวประมง ที่เป็นพื้นฐานสำคัญด้วย ขณะที่ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลก็มีการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพราะอยากเห็นความเจริญของอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงสภาวะภูมิอากาศต่าง ๆ เพื่อให้อุตสาหกรรมและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้ โดยได้มีการทำแผนกำหนดพื้นที่ทำเมืองสีเขียว เพื่อพัฒนาไปสู่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว ให้เป็นแหล่งรายได้ใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะร่วมงานกับภาคเอกชนและ SCG ในการหาจุดเริ่มต้นของการทำให้เกิดเมืองสีเขียวขึ้นให้ได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งนี้ รัฐบาลจะยึดแนวทางของยุทธศาสตร์ประเทศในการบูรณาการงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งงานวิจัยก็จะอยู่ในทุก ๆ ส่วนของรัฐที่จะเข้าไปบูรณาการ “ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นรูปธรรม เราได้เคยประชุมกับทางสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ก็เห็นแนวทางเดียวกัน โดยได้เสนอแผนเร่งด่วน ที่รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มาบูรณาการงานวิจัยที่มีการพัฒนาแล้วทั้งหมดของ 7 หน่วยงานหลัก เพื่อต่อยอดของเชิงพาณิชย์ให้ได้ และรัฐบาลจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้งานต่าง ๆ ได้ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทุก ๆ กลุ่มอย่างเต็มที่ รวมทั้งจะลดความซ้ำซ้อนเพื่อจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าในการเพิ่มงบประมาณในการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการจัดการประกวดส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยเพื่อพัฒนาในรูปแบบของเชิงพาณิชย์” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในระยะยาว รัฐบาลจะมีการพัฒนางานวิจัยและการพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ รวมถึงทบทวนสิทธิประโยชน์ กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อจูงใจการลงทุนของภาคเอกชน และเสริมให้ภาคเอกชนจัดสรรงบประมาณในการจัดทำวิจัยพัฒนา เพื่อเร่งการพัฒนาความหลากหลายและนวัตกรรมต่าง ๆ ควบคู่ไปกับภาครัฐ ที่จะบูรณาการงานวิจัยและส่งเสริมงบประมาณ ซึ่งภาครัฐจะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อเป็นแกนหลักทำงานร่วมกับภาคเอกชน ทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ จังหวัด และอุตสาหกรรม รวมถึงจะมีการเสริมเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หาแนวทางการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ที่มีศูนย์วิจัยและมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมจัดทำด้วย นอกจากนี้ อยากเห็นการเติบโตของบุคลากรนักวิจัยของประเทศไทยที่ขณะนี้มีนักวิจัยในสัดส่วน 7 คนต่อประชากร 10,000 คน ขณะที่ตัวเลขนักวิจัยของโลกอยู่ที่ 15 คนต่อประชากร 10,000 คน ซึ่งรัฐบาลจะมุ่งเสริมงบประมาณ และเสริมการสนับสนุนทั้งบุคลากร เครื่องมือ และผลงานต่าง ๆ รวมทั้งเวทีในการผลักดันงานวิจัยต่าง ๆ ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ภาครัฐมีความพร้อมที่จะทำงานกับภาคเอกชนและเสริมอุปกรณ์เครื่องมือในการทดลองต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก และหวังว่าความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ที่จะร่วมกันสานต่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาลงทุนเพื่อให้งานวิจัยและงานพัฒนาเป็นประโยชน์ในการสร้างความมั่นคงและรากฐานที่สำคัญของประเทศ
ตัดมาบางส่วนจาก http://www.thaigov.go.th/th/component/k2/item/79203-inno.html
ตราบใดที่เธอ ยังเป็นแมวที่จับหนูได้
มีวิสัยทัศที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้าได้
สิ่งที่เธอพูด กับสิ่งที่เธอทำ
ผลงานที่ออกมาจะเป็นตัวตัดสิน ความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศนี้ต่อไปครับ