ไม่เหนื่อยกันบ้างหรอครับ...? นักประชาธิปไตยทั้งหลาย ^^

กระทู้สนทนา
ผมเป็นคนนึงที่ติดตามข่าวสารการเมืองบาง แต่ส่วนใหญ่จะดูผ่านๆ มันจะมีติดมาบ้างตามข่าวเศรษฐกิจที่ผมติดตาม
นี้เป็นวันแรกที่ผมแวะเข้ามาในห้องนี้ ตั้งแต่เล่นพันทิพย์มา เห็นแล้วก็แอบตกใจเหมือนกัน แต่ล่ะกระทู้มีแต่ เสียดสีเหน็บแหนม
อีกฝ่ายทั้งนั้น บางก็ข่าวจริง บางก็ข่าวเท็จ เยอะแยะมากมาย.. เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนสำหรับคนเลือกข้าง ที่จะต้องต่อสู้ ฝ่าฝัน โต้แย้ง
หาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาโต้ตอบอีกฝ่าย เพื่อเสนอข้อมูลอีกด้าน เพื่ออธิบาย เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจหรือชนะ สะใจ อะไรก็แล้วแต่
ผมดูแล้วมันเหมือนลัทธิ เหมือนพวกหมกมุ่นอะไรซักอย่างสำหรับผมเลือกข้างนะครับ ผมดูแล้วเราหมกมุ่นกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์หรือสร้างสรรค์ให้กับชีวิตเลย(ในมุมมองผมนะครับ) ลองคิดดู จะว่าไปนักการเมืองก็คล้ายๆกับดารา คือมีแฟนคลับมีคนเชียร์เหมือนกัน ส่วนใหญ่เรามองพวกบ้าดารา บ้านักร้อง บ้าเกาหลี ยังไงครับ? บ้าในความหมายผมคือ แห่ตามเขาไปทั่ว เขาไปไหนกูตามไปกรี๊ดหมด ของเล็กน้อยราคาแพงแค่ไหนกูซื้อหมด ยอมขาดงาน ยอมเสียเงินมากมายบินไปต่างประเทศ ใครว่าใครแตะต้องไม่ได้ เขาผิดบอกถูก แต่ถ้าดาราที่ตัวเองไม่ได้ชอบผิดหน่อยแถบจะเหยียบจมดิน ฯลฯ ต่างๆมากมาย  ถามว่าเขาเหลานี้ รักพ่อแม่ได้มากกว่าดารานักร้อง พวกนี้มั้ย? บางคนก็บอกว่ามันสิทธิของเขา ไม่เบียดเบียนใครนั้นมันก็ถูกและ ผมว่ามันก็ถูกต้องถ้าเราไม่เบียนเบียดใคร แต่ถ้ามองในตัวเองบุคคล สิ่งที่เขาบ้าอยู่นี้ก่อเกิดประโยชน์ ความเจริญเก้าหน้า ความเจริญของชีวิตมั้ย? หลายคนไม่นะครับ.. เขาได้ประโยชน์จากความชอบของพวกคุณ แต่คุณไม่ได้มีส่วนได้อะไรจากกิจกรรมของเขาอาจจะมี แต่ก็น้อยมาก แต่ถ้าคนที่บ้าแล้วได้เข้าวงการ ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการนี้ ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ได้เงิน3-5ล้าน นั้นก็อีกเรื่อง ส่วนใหญ่บางคนบ้าด้วยใจครับ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้หรอก... แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนที่เขาไม่ได้บ้าด้วย เขามองแบบนี้..
       แต่กับนักการเมืองจะต่างกันตรงที่ พวกนี้เป็นพวกบริหารบ้านเมืองเราครับ ถึงคุณจะบ้าไม่บ้า ยังไงก็เกี่ยวข้องกับเราทั้งนั้นไม่ว่าจะดีจะเสีย
แต่ความบ้าในเรื่องพวกนี้ส่งผลการดำเนินชีวิต ต่อความคิดเรามากกว่า อย่าง ศาสนา การเมือง ฟุตบอล เงี้ย คนเก่าๆเขาถึงบอกว่า ห้ามคุยกันในวงเหล้า หลายๆคนก็คงเข้าใจ การเมืองบ้านเราค่อนข้างรุนแรงครับ เลยส่งผลให้ความคิดของกองเชียร์รุนแรงด้วย ทัศนคติ ความคิด ส่งผลต่อพฤติกรรม.. ผมในฐานะคนดู อยากถามกองเชียร์แต่ล่ะฝ่ายว่า ชีวิตคุณดีขึ้นมั้ย? กับเรื่องที่จริงจังกันอยู่นี้(สำหรับพวกที่ไปชุมนุนจริง อะไรจริง ปฏิบัตกันจริง นั้นก็อีกเรื่องนะครับ^^)อาจจะดีขึ้น สำหรับคนบางกลุ่มนะครับในมุมมองผม ถ้าคุณ เป็นนักวิชาการหากินเกี่ยวกับการเมือง อาจารย์สอนกฏหมาย สอนรัฐศาสตร์ แกนนำไรงี้ แล้วในที่นี้พวกคุณเป็นแบบนี้หรือป่าว? เวลานักการเมืองเขากินกัน เราไม่ค่อยมีส่วนได้กับเขาหรอกครับ มีแต่ส่วนเสีย(ภาษี) อย่างมากก็เป็นแค่กองเชียร์ คอยสนับสนุน คอยกัน คอยปกป้องให้พวกเขากินได้สะดวก หรือเวลาเขาทะเลาะกัน
       ผมเข้าใจพวกที่เลือกข้างเลยนะครับ ว่ามันรู้สึกยังไงเวลามีใครมาโจมตี มาว่าสิ่งที่เราเชื่อเรายึดมั่นถึงแม้จะถูกไม่ถูกก็ตาม มันตอบยากครับ บางครั้งมันไม่ต้องมีเหตุผล อารมณ์ ความรู้สึกล้วนๆ คือทำยังไงก้ได้ ขอให้กูได้ตอบโต้ โต้แย้งฝ่ายตรงข้าม อาจจะเหน็บแหนม ขุดเรื่องที่ก้เคยทำบาง เสนอเรื่องจริงบางฯลฯ อะไรก็ได้ที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจและยิ้มได้ ^^ นี้คือความจริงครับ..
     ในความเป็นจริง พวกคุณไม่ได้ทำพวกนักการเมืองโน้นที่ทำ แล้วทำมั้ยพวกที่เลือกข้างอย่างพวกคุณถึงได้จริงจังกันนัก ทำเหมือนว่ากูเป็นคนทำเองคิดเองรู้ไปซะทุกอย่าง แล้วทำมั้ยบางคนต้องทะเลาะกันจริงจังก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ขนาดวลีเด็ดในทางการเมืองยังมีว่า ''ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่แท้จริงในการเมือง''เลย ดูซิบางคนบางกลุ่มยังเปลี่ยนสี เปลี่ยนพวกกันได้ ตลบตะแลงกันไป มันก็เรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้นคุณก็รู้ แล้วเราประชาชนคนธรรมดาล่ะ? จะไปยึดติดกับพวกนี้ทำมั้ย เขาเปลี่ยนได้เราก็เปลี่ยนได้ ถูกก้ว่าถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด อะไรดีก็หนับหนุนไป อะไรไม่ดีก็ว่ากันไป ไม่ใช่ทำเหมือนคนที่เรารักทำอะไรก็ถูกหมด ผมว่าแบบนี้มันไม่ใช่..
      ส่วนแกนนำหรือผู้ชี้นำของสีต่างๆ พวกนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแกนนำ ยอมต้องมีผู้ตาม แต่ยุคนี้ ใครๆก็รู้ว่าถ้าไม่มีเรื่องเงินๆทองๆ หรือสิ่งยั่วใจเข้ามาใครจะเป็นแกนนำ? ผมว่าเรื่องนี้คนไทยรู้ครับ แต่เลือกที่จะปิดใจมากกว่า มันไม่ใช่เหมือนตอนเราเด็กๆนะครับ เวลาจะเลือกหัวหน้าห้องที ต้องมีเพื่อนๆผลักออกไป แล้วลองไปถามมันซิ ในใจจริงๆมันอยากเป็นมั้ย? ^^ แต่ถ้าครูบอกว่าใครเป็นหัวหน้าห้องจะได้เกรด4 วิชาโน้น วิชานี้... เชื่อซิไม่ต้องมีเพื่อนๆผลัก^^ นี้คือนิสัยส่วนใหญ่ของคนไทยจริงๆครับ เพราะฉะนั้นคงไม่ต่างครับกับตรรกะที่ผมยกมาเปรียบเทียบกับพวกแกนนำการเมืองเหล่านี้... มันคงไม่มีหรอกมั้งครับแกนนำจำเป็นหรือจำใจเป็นอะ^^ เปิดใจเถอะครับ ''ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่แท้จริงในการเมือง''
      การเมืองการปกครองเป็นหนึ่งในศาสตร์ ในรัฐศาสตร์ ซึ่งก็จัดอยู่ในศาสตร์สายศิลป์ ซึ่งศิลป์ก็คือศิลปะ ที่ว่าด้วย การเจรจา การสื่อสาร การนำการปกครอง มนุษย์ จิตใจ ธรรมชาติ ฯลฯ เยอะแยะมากมายในสายนี้ ซึ่งศิลปะในมุมมองผมมันเปลี่ยนแปลงได้ มันเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ มันมีหลักการ แต่ไม่มีกฏที่ตายตัวเสมอไปตลอด อะไรที่มันเล่นเกี่ยวกับคน ความรู้สึก ความเชื่อ มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดครับ มันยึดติดไม่ได้ครับ มันไม่เหมือน 1+1=2 ที่ผมอยากจะสื่อก็คืออยากให้ทุกคนรู้จักปรับตัว และเปิดใจ อย่าไปยึดติดมากครับ ลองฟังในสิ่งที่คนอื่นคิด ถึงแม้ว่าจะขัดต่อความรู้สึกหรือความเชื่อของเราบาง ฟังแล้วคิดตามแล้วจะตัดสินใจยังไงค่อยว่ากันอีกที มันจะเปิดมุมมองใหม่ทางความคิดของเราครับ ^^ และเข้าใจตัวเองและคนที่คิดต่างกับเรามากขึ้นครับ ผมยังหวังให้สังคมเราเป็นแบบนั้นครับ..
       พูดมาซะยาวแล้วผมอยู่ฝ่ายไหน? เท่าที่ผมดูตัวเองคงคล้ายกับพวกสลิ่มมากกว่าครับ วิจารณ์ตัวเองก่อนดีกว่า ก่อนจะมีคนบอกว่าอยู่ฝ่ายไหน555 ^^ ที่ผมติดตามข่าวบ้างเพราะผมเองเล่นหุ้นครับ เลยต้องติดตามเรื่องพวกนี้ด้วยเพราะการเมืองมันมีผลกระทบจริง ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่วงการนี้อาจจะไม่เข้าใจ อาจจะบ้าไปวันๆแบบไร้สาระ(แน้ะ!! แอบเหน็บแหนมครับ อิอิ ^^) แต่ก็ไม่ได้ติดตามแบบเจาะลึกมากมายนะครับ ผมมองว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรขนาดที่ต้องค้นคว้าหาข้อมุล ทำวิจัยอะไรขนาดนั้น แค่พอรู้ให้ได้เข้าวงคุยกับเขาได้^^ ผมก็วิพากษ์วิจารณ์รัฐฯชุดนี้เหมือนกันนะครับ ชุดก่อนก็เล่นเหมือนกัน... ก็ว่ากันไปตามถูกผิดแหละครับ ผิดก็ว่าผิด ดีก็ว่าดี จะไปแก้ตัวให้ท้ายให้กันทำมั้ยล่ะครับ เสื้อแดงว่ามาผมก็ฟัง เหลืองมาผมก็ฟัง ใครว่าใครผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร นี้อาจจะเป็นข้อดีของพวกไม่เลือกข้างก็ได้ครับ แต่นี้เป็นยุคของเสื้อแดง เสื้อแดงอาจมองว่าพวกสลิ่มเป็นศัตรู แต่ถ้าสมมุติวันนึง เรื่องไม่คาดฝันพรรคตรงกันข้ามได้เป็นรัฐฯ แล้วรัฐฯนั้นทำเรื่องไม่ดีบาง สลิ่มพวกนี้อาจเป็นมิตรสำคัญก็ได้ครับ ^^ ลองมองอีกแง่ซิครับ... ถ้าถึงวันนั้นจริงพวกคุณจะไม่คิดว่าพวกสลิ่มอยู่ข้างเดียวกับคุณ ^^ ก็อย่างที่บอก''ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่แท้จริงในการเมือง'' สุดท้ายที่ขอขอบคุณที่ใครบางคนอ่านจบ บางคนอ่านแล้วอยากจะเปลี่ยนหัวข้อผมเป็น ความในใจของคนที่ถูกเรียกว่าสลิ่มคนนึงก็ได้นะครับ ต่างๆนาๆ 555 จริงๆคนไทยไม่มีสีหรอกครับ(ยืมคำพูดเขามาใช้นิดนึง ซึ่งมันก้จริงตามนั้น^^)แต่เรานั้นแหละที่แบ่งกันเอง.. ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่