ท่านที่เคารพรักครับ ช่วงเวลาแห่งความบันเทิงจากนี้ไป คือการไปสู่จุดมุ่งหมายของ อุดมการณ์ ในการพูดถึง " การเมือง "
การเมืองอันเป็น อาชีพที่ได้รับคำนิยามว่า " ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร " พูดตรงๆคือเป็นอาชีพที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ หากมันลงตัว ศัตรูก็กลายเป็นมิตร หากมันไม่ลงตัว มิตรก็กลายเป็นศัตรูไปในพริบตา
นี่คือ อาชีพการเมือง ที่มีคนให้คำนิยามไว้ เหมือนจะบอกเรากลายๆว่า
ไม่ว่ามิตรหรือ ศัตรู อะไรก็ไม่แน่นอน ในเส้นทางนี้ ภาษานักพนันแถวแม่สายเรียกว่า อย่าทุ่มสุดตัว เทหมดหน้าตัก ให้เหลือเงินค่ารถไว้บ้าง บางคนเวลาอยู่ในบ่อน กำเงินเป็นฟ่อน เสียงดังไม่ยั้งคิด เฮด้วยความลุ่มหลงมัวเมา พอกลับมาบ้าน เสียงดังก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง อยู่หลังบ้าน ต้มมาม่ากิน เพราะเสียเงินหมด แทงผิดทาง
ในวงการการเมือง ก็เหมือนกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะการเชื่อหรือฝักใฝ่ไปกับการเมือง โดยไม่มีความรู้ลึกในรายละเอียด ก็เป็นแต่การลุ่มหลง มัวเมาไปกับความเชื่อที่ผิดๆ ที่พอเวลาผ่านไป กว่าจะเข้าใจ ทุกอย่างก็สายเกิน แล้วมากุมขมับว่า เพื่อนชวนไป ไปตามเพื่อน และเวลาที่ไปร่วมงาน ก็เดินหาของฟรีกิน ตรงไหนอร่อย ก็ตั้งใจไปกิน ตรงไหนดารามา ก็แห่ไปดูดารา หรือไม่ก็ถ่ายเซลฟี่สนุกสนาน แค่นั้นกับชีวิต การติดตาม การเมือง
โดยไม่รู้ตัวว่า ตกเป็นเหยื่อของการทำลายล้าง ทางการเมืองหลังฉาก ที่แยบยล
ซึ่งทุกวันนี้เมื่อพบเจอกับความจริงอันเจ็บปวด ก็อาจจะตกผลึกเป็นความคิดว่า ในอนาคตวันข้างหน้า หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าจะยังไงให้อยู่กับบ้าน อยู่กับบ้าน อยู่กับบ้าน อย่าออกไปเดินถนนปิดกรุงเทพฯอีกเด็ดขาด
ไม่ว่าจะอาหารฟรี อร่อยเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าจะดาราคนไหนมาก็ตาม
เมื่อพูดถึงการเมือง เราจะแบ่งแยกกันชัดเจนคือ อุดมการณ์นักการเมือง การเมืองคือ อาชีพที่ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ส่วนอาชีพอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับการมีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวร เพราะส่วนมาก อาชีพอื่นๆ เวลาพูดถึง ก็พูดกันเพียง เฮงหรือซวย ราคาดี หรือราคาตก ซึ่งก็มักจะมีคนอวดรู้ต่ออาชีพคนอื่น เช่นชี้ให้ไปทำยังงั้น แนะให้ไปทำอย่างงี้ ทั้งๆที่คนแนะ ก็ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้น เป็นอันมาก่อนเลย
แต่แปลก อาชีพการเมือง ไม่มีใครไปแนะนำให้ไปทำอย่างอื่น เช่น ทำไม ไม่มีใครไปแนะนำว่า มาร์คควรไปแสดงหนัง นายชวนควรเป็นแค่ทนายหรือ เทพไท ศิริโชคควรเป็นพิธีกรก็พอแล้ว หรือ มัลลิกาควรแสดงหนังเป็นนางร้าย
นั่นเพราะอาชีพการเมือง ลงหนักปักฐานแน่น ปานหลักศิลากลางลำธาร ที่โยกคลอนยาก ในแต่ละจังหวัดจึงมี ตระกูลการเมือง ที่ผูกปีเล่นการเมือง แต่ก็ไปทำอาชีพอื่นได้ด้วยสายสัมพันธ์ เช่นทำปั๊มน้ำมัน ทำโรงสี ทำรับเหมา ทำร้านทอง ด้วยญาติพี่น้อง
นักการเมืองจึงมีแบบ รวยแล้วจึงมาเล่นการเมือง กับอีกแบบคือ ไม่ทำอาชีพอะไรเลย เล่นการเมืองแล้วรวย ซึ่งการคัดกรองตรวจสอบขั้นตอนนี้ ควรจะเริ่มที่พรรคการเมือง ที่รับสมัครคน “ เล่นการเมือง “ มาเข้าพรรค
ย้อนกลับมาถึงนักการเมืองที่ทำได้หลายๆอย่าง อย่างหนึ่งที่ปรากฏเวลานี้คือ การทำทีมฟุตบอล ซึ่งนักการเมือง ทำทีมฟุตบอล แทบทุกจังหวัด
ต่อไปอาจจะมีการปฏิรูปวงการฟุตบอล หรือกีดกันนักการเมือง ไม่ให้เข้าสู่วงการฟุตบอลก็เป็นได้ เพราะหากตั้งแง่รังเกลียดนักการเมืองแบบสร้างกระแสขึ้นมา
แต่ความเป็นจริงคือ นักการเมือง ผูกพันกับประชาชน เป็นที่รักและศรัทธาของประชาชนในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด และก็สร้างความเจริญให้กับจังหวัดบ้านเกิดของแต่ละคน เพราะประชาชนเห็นว่า นักการเมืองนั้นๆ มีอุดมการณ์ทางการเมือง
ส่วนอุดมการณ์ต่อมาคือ คนคุยการเมือง คนสนใจการเมืองนั้น ก็มี หรือควรจะมี “ อุดมการณ์ “ ทางการพูดคุยการเมือง
อันเป็นความหมายว่า เราต่างก็มาพบปะกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการเมือง
นั่นคือเราตระหนักในใจว่า การต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม การเรียกร้องความเป็นอยู่อย่างสันติของมนุษย์ การเรียกร้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
การเรียกร้องทวงสิทธิอันชอบธรรมของคนจนผู้ยากไร้ อันขมขื่นปวดร้าว
ซึ่งเรานับว่า เป็นเพื่อนร่วมแผ่นดินเกิด อันสมควรที่จะใช้ปากกา เขียนถึงเพื่อเรียกร้องเรื่องราวต่างๆนานา ให้แสงสว่างส่องไปถึงมุมที่มืดมิด ให้ประชาชนได้รับรู้และช่วยกันเยียวยา แก้ไขนั้น
นั่นก็คือ อุดมการณ์ การพูดคุยกันทางการเมือง เราจึงเข้าสู่บอร์ด การเมือง
คนอ่าน ก็อยากเข้ามาอ่าน การเมือง อ่านความคิด เหมือนคำพูดที่ว่า ดูคน ดูหนังสือที่เขาอ่าน
และดูคน ดูภาษา ดูกริยา สำเนียง ที่เขาใช้ บอร์ดจึงแบ่งแยกย่อย แตกแขนงเป็นบอร์ดต่างๆ
ซึ่งบทสรุปของการพัฒนาประเทศไปในวันข้างหน้า นอกจากนักการเมืองจะปรับปรุงแล้ว คนพูดคุยการเมือง ก็สมควรที่จะ ปรับปรุงตัวเอง เพื่อความสมานฉันท์กัน ด้วยความมี “ สติปัญญา “ มี “ อุดมการณ์ “ ด้วยตนเองว่า
อะไรควร อะไรไม่ควร ดีกว่าให้คนอื่นมาเรียกร้องความปรองดอง มาคืนความสุข ให้จนสำลัก อย่างที่เป็นทุกวันนี้ครับ
ขอน้อมคารวะ พี่ๆทุกๆท่าน ที่นับถือเสมอมา และขอขอบคุณพี่ อเวราโหตุ ด้วยครับ
ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ
การเมืองอันเป็น อาชีพที่ได้รับคำนิยามว่า " ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร " พูดตรงๆคือเป็นอาชีพที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ หากมันลงตัว ศัตรูก็กลายเป็นมิตร หากมันไม่ลงตัว มิตรก็กลายเป็นศัตรูไปในพริบตา
นี่คือ อาชีพการเมือง ที่มีคนให้คำนิยามไว้ เหมือนจะบอกเรากลายๆว่า
ไม่ว่ามิตรหรือ ศัตรู อะไรก็ไม่แน่นอน ในเส้นทางนี้ ภาษานักพนันแถวแม่สายเรียกว่า อย่าทุ่มสุดตัว เทหมดหน้าตัก ให้เหลือเงินค่ารถไว้บ้าง บางคนเวลาอยู่ในบ่อน กำเงินเป็นฟ่อน เสียงดังไม่ยั้งคิด เฮด้วยความลุ่มหลงมัวเมา พอกลับมาบ้าน เสียงดังก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง อยู่หลังบ้าน ต้มมาม่ากิน เพราะเสียเงินหมด แทงผิดทาง
ในวงการการเมือง ก็เหมือนกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะการเชื่อหรือฝักใฝ่ไปกับการเมือง โดยไม่มีความรู้ลึกในรายละเอียด ก็เป็นแต่การลุ่มหลง มัวเมาไปกับความเชื่อที่ผิดๆ ที่พอเวลาผ่านไป กว่าจะเข้าใจ ทุกอย่างก็สายเกิน แล้วมากุมขมับว่า เพื่อนชวนไป ไปตามเพื่อน และเวลาที่ไปร่วมงาน ก็เดินหาของฟรีกิน ตรงไหนอร่อย ก็ตั้งใจไปกิน ตรงไหนดารามา ก็แห่ไปดูดารา หรือไม่ก็ถ่ายเซลฟี่สนุกสนาน แค่นั้นกับชีวิต การติดตาม การเมือง
โดยไม่รู้ตัวว่า ตกเป็นเหยื่อของการทำลายล้าง ทางการเมืองหลังฉาก ที่แยบยล
ซึ่งทุกวันนี้เมื่อพบเจอกับความจริงอันเจ็บปวด ก็อาจจะตกผลึกเป็นความคิดว่า ในอนาคตวันข้างหน้า หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าจะยังไงให้อยู่กับบ้าน อยู่กับบ้าน อยู่กับบ้าน อย่าออกไปเดินถนนปิดกรุงเทพฯอีกเด็ดขาด
ไม่ว่าจะอาหารฟรี อร่อยเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าจะดาราคนไหนมาก็ตาม
เมื่อพูดถึงการเมือง เราจะแบ่งแยกกันชัดเจนคือ อุดมการณ์นักการเมือง การเมืองคือ อาชีพที่ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ส่วนอาชีพอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับการมีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวร เพราะส่วนมาก อาชีพอื่นๆ เวลาพูดถึง ก็พูดกันเพียง เฮงหรือซวย ราคาดี หรือราคาตก ซึ่งก็มักจะมีคนอวดรู้ต่ออาชีพคนอื่น เช่นชี้ให้ไปทำยังงั้น แนะให้ไปทำอย่างงี้ ทั้งๆที่คนแนะ ก็ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้น เป็นอันมาก่อนเลย
แต่แปลก อาชีพการเมือง ไม่มีใครไปแนะนำให้ไปทำอย่างอื่น เช่น ทำไม ไม่มีใครไปแนะนำว่า มาร์คควรไปแสดงหนัง นายชวนควรเป็นแค่ทนายหรือ เทพไท ศิริโชคควรเป็นพิธีกรก็พอแล้ว หรือ มัลลิกาควรแสดงหนังเป็นนางร้าย
นั่นเพราะอาชีพการเมือง ลงหนักปักฐานแน่น ปานหลักศิลากลางลำธาร ที่โยกคลอนยาก ในแต่ละจังหวัดจึงมี ตระกูลการเมือง ที่ผูกปีเล่นการเมือง แต่ก็ไปทำอาชีพอื่นได้ด้วยสายสัมพันธ์ เช่นทำปั๊มน้ำมัน ทำโรงสี ทำรับเหมา ทำร้านทอง ด้วยญาติพี่น้อง
นักการเมืองจึงมีแบบ รวยแล้วจึงมาเล่นการเมือง กับอีกแบบคือ ไม่ทำอาชีพอะไรเลย เล่นการเมืองแล้วรวย ซึ่งการคัดกรองตรวจสอบขั้นตอนนี้ ควรจะเริ่มที่พรรคการเมือง ที่รับสมัครคน “ เล่นการเมือง “ มาเข้าพรรค
ย้อนกลับมาถึงนักการเมืองที่ทำได้หลายๆอย่าง อย่างหนึ่งที่ปรากฏเวลานี้คือ การทำทีมฟุตบอล ซึ่งนักการเมือง ทำทีมฟุตบอล แทบทุกจังหวัด
ต่อไปอาจจะมีการปฏิรูปวงการฟุตบอล หรือกีดกันนักการเมือง ไม่ให้เข้าสู่วงการฟุตบอลก็เป็นได้ เพราะหากตั้งแง่รังเกลียดนักการเมืองแบบสร้างกระแสขึ้นมา
แต่ความเป็นจริงคือ นักการเมือง ผูกพันกับประชาชน เป็นที่รักและศรัทธาของประชาชนในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด และก็สร้างความเจริญให้กับจังหวัดบ้านเกิดของแต่ละคน เพราะประชาชนเห็นว่า นักการเมืองนั้นๆ มีอุดมการณ์ทางการเมือง
ส่วนอุดมการณ์ต่อมาคือ คนคุยการเมือง คนสนใจการเมืองนั้น ก็มี หรือควรจะมี “ อุดมการณ์ “ ทางการพูดคุยการเมือง
อันเป็นความหมายว่า เราต่างก็มาพบปะกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการเมือง
นั่นคือเราตระหนักในใจว่า การต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม การเรียกร้องความเป็นอยู่อย่างสันติของมนุษย์ การเรียกร้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
การเรียกร้องทวงสิทธิอันชอบธรรมของคนจนผู้ยากไร้ อันขมขื่นปวดร้าว
ซึ่งเรานับว่า เป็นเพื่อนร่วมแผ่นดินเกิด อันสมควรที่จะใช้ปากกา เขียนถึงเพื่อเรียกร้องเรื่องราวต่างๆนานา ให้แสงสว่างส่องไปถึงมุมที่มืดมิด ให้ประชาชนได้รับรู้และช่วยกันเยียวยา แก้ไขนั้น
นั่นก็คือ อุดมการณ์ การพูดคุยกันทางการเมือง เราจึงเข้าสู่บอร์ด การเมือง
คนอ่าน ก็อยากเข้ามาอ่าน การเมือง อ่านความคิด เหมือนคำพูดที่ว่า ดูคน ดูหนังสือที่เขาอ่าน
และดูคน ดูภาษา ดูกริยา สำเนียง ที่เขาใช้ บอร์ดจึงแบ่งแยกย่อย แตกแขนงเป็นบอร์ดต่างๆ
ซึ่งบทสรุปของการพัฒนาประเทศไปในวันข้างหน้า นอกจากนักการเมืองจะปรับปรุงแล้ว คนพูดคุยการเมือง ก็สมควรที่จะ ปรับปรุงตัวเอง เพื่อความสมานฉันท์กัน ด้วยความมี “ สติปัญญา “ มี “ อุดมการณ์ “ ด้วยตนเองว่า
อะไรควร อะไรไม่ควร ดีกว่าให้คนอื่นมาเรียกร้องความปรองดอง มาคืนความสุข ให้จนสำลัก อย่างที่เป็นทุกวันนี้ครับ
ขอน้อมคารวะ พี่ๆทุกๆท่าน ที่นับถือเสมอมา และขอขอบคุณพี่ อเวราโหตุ ด้วยครับ