การให้ที่สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ (สนับสนุนให้เขารู้วิธีหาปลา ดีกว่าให้ปลาเขาไปกินฟรีๆ)

วันนี้ขออนุญาตเล่าประสบการณ์หน่อยนะคะ  บ้านเราอยู่ในชนบทแห่งหนึ่ง รับราชการ แต่มีสวนผลไม้  ไว้กิน เหลือแจกจ่ายเพื่อนบ้าน และเอาไว้ขาย  มีผลไม้หลายประเภทเลย  อยู่อย่างพอเพียง  เมื่อไม่นานมานี้  ทราบว่าเพื่อนสมัยเรียน ที่ทำงานอัตราจ้างหน่วยงานแห่งหนึ่งเงินเดือนไม่กี่พันบาท  ต้องหารายได้เสริมนอกเวลา  เพราะคุณแม่ของเพื่อนล้มป่วย  เพื่อนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เลยติดต่อกันให้มารับมะม่วงที่สวนไปยำขาย  (มะม่วงที่ว่านี้ดกมาก  ออกผลทั้งปี)  ขายมะม่วงให้เพื่อนไปถูกมากๆ  เพราะเรากับคุณของเราคุยกันว่าอยากช่วยจริงๆ แต่ให้เขามาสอยเองนะ  ผลปรากฏว่าเพื่อนนำไปยำขายหลังเลิกงาน ตรงหน้า ร.ร. มีคนอุดหนุนขายดี  มารับมะม่วงที่บ้านเกือบทุกวัน  ครั้งละเป็นสิบกิโล  รู้สึกดีใจจริงๆที่เพื่อนมีรายได้เพิ่ม  
    แล้วก็มาคุยกันกับคุณแม่ อยากช่วย น้า  น้องสาวคนหนึ่งของคุณแม่ ที่รายได้ไม่เพียงพอค่าใช้จ่ายเพราะต้องหาหมอรักษาโรคประจำตัว  เลยมาคิดว่าจะนำเสื้อผ้าที่บ้าน ที่เราใส่ไม่ได้ ให้น้าไปวางขายที่ตลาดนัด  ถ้าขายได้ มีช่องทาง จะได้ติดต่อเสื้อผ้าเพื่อนที่ทำงาน(ที่เขายินดีขายถูก) ให้น้ารับไปขาย  
         เรารู้สึกว่าชอบช่วยเหลือคนที่รู้จักหาช่องทางทำมาหากินแต่เรามาสนับสนุนคนที่ชอบขอยืมเงินคนอื่นฟรีๆ  คุณพ่อเราเป็นคนใจดี  เลยมีเพื่อนฝูงมาหยิบยืม น้อยคนมากที่จะคืนตามเวลาและคืนยอดครบ  ที่เหลือหลบหน้า  เราว่าการให้ยืมเงินนี่เหมือนเสียมิตรกันไปเลย  แต่เราชอบคนที่อยากมีรายได้   ถ้าคนที่รู้จักหาหนทางทำอาชีพ ก็จะรู้จักวิธีการบริหารเงิน ในทางกลับกันคนที่ชอบหยิบยืมใครฟรีๆ  เพราะไม่รู้จักบริหารการใช้จ่ายตนเอง  บางคนเป็นหนี้แต่กินใช้อย่างฟุ่มเฟือย  ไม่สมฐานะ จากเหตุการณ์ที่พบทุกวันนี้ที่บ้านจะไม่ให้ใครยืมเงิน (ยกเว้นญาติที่ไว้ใจได้จริง)
    ตอนนี้คิดจะอุปการะนักเรียนที่ยากจน  ขาดแคลน  เราอยากให้ค่าขนม  จะให้น้องเค้ามาทำงานที่บ้านทุกวันเสาร์  ปัดกวาดบริเวณบ้าน   น้องจะได้ภูมิใจที่รู้จักหารายได้ หาเงินใช้เอง
           ใครมีประสบการณ์การช่วยเหลือคนอื่น มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

แก้ไขเพิ่มเติมนะคะ โพสต์ครั้งแรก ข้อความไม่ขึ้น ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่จ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่