ความประทับใจในวัยเด็ก สู่วัยหนุ่ม กับบ้านบนต้นไม้

สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวชายคา และที่ผ่านเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ

          ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีกับกระทู้นี้ดี เพราะเป็นครั้งแรกที่มาตั้งกระทู้ที่ห้องนี้ เนื้อหาสารระอะไรคงไม่มีมากครับ แค่อยากแชร์ ความทรงจำดีๆ เมื่อหลายปีที่ผ่านมานั่นแหล่ะ

แต่ก่อนจะถึง เรื่อง บ้านบนต้นไม้ ผมข้อย้อนความหลัง ครั้งยังเด็กๆเสียหน่อย เพื่อจะได้รู้พื้นฐานที่มาและที่ไปของ จขกท นะครับ

          ผมเชื่อว่าหลายๆคนในวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้ชายแล้ว ต้องเคยสร้างบ้านแบบง่ายๆ ยิ่งเป็นเด็ก ตจว ด้วยแล้วน่าจะเป็นเรื่องถนัด ผมเองตอนเด็กๆก็เช่นกัน เริ่มตั้งแต่

          ในวัยที่จำความยังไม่ได้ แม่เล่าให้ฟัง ผมเป็นคนไม่อยู่นิ่ง คงจะเป็นเด็กซนๆทั่วๆไป แม่ผมเลยจับผมนั่งนิ่งๆอยู่ในลังกระดาษ แต่หารู้ไม่ว่า ไอ้ลังกระดาษนั้น มันคือสุดยอดของเล่นของผมเลยในตอนนั้น เพราะมันคือ ม้า รถ วัว ช้าง ผมทั้งโยก ทั้งขย่ม อย่างเมามัน ไม่รู้ว่าสนุกเพลิน หรือโยกแรงไปหน่อย ทำให้หน้าไปโขกกับขอบประตูจนคิ้วแตก ทุกวันนี้รอยแผลเป็นนั่นก็ยังอยู่



          โตมาพอที่จะจำความได้ เอาลังกระดาษ พวกลังทีวีมาทำเป็นบ้าน บางทีก็เอาลังเหล้ามาทำเป็นรถ (ยังไม่เข็ด) แม้แต่ในห้องนอน ผมก็เอาผ้าห่ม หมอน หมอนข้าง มาประกอบเป็นบ้าน แล้วมุดเข้าไปนอน มีตุ๊กตาเป็นทหารยามคอยเฝ้าหน้าปากทาง โดยเฉพาะบริเวณซอกเตียง มันเป็นมุมทำบ้านของผมที่ดีที่สุด

          เข้า ประถม โตมาอีกหน่อย ก็เอาผ้าใบมากางเป็นเต๊นท์ เอาถุงปุ๋ยมาผ้าออกบ้าง หักกิ่งกระถินมาทำเป็นโครงสร้างบ้านแบบง่ายๆ ต้นกระถินเลยกลายมาเป็นต้นไม้ยอดฮิตที่สุดที่ผมเอามาทำโครงบ้าน หลังคาก็กิ่งกระถินที่มีใบเยอะๆ ใบตองบ้าง ใบมะละกอบ้าง  อารมณ์ประมาณผีตองเหลือง แล้วแอบแม่ไปนอนเล่น บางทีก็เอาข้าวไปนั่งกินข้างในแบบภูมิใจ ยังไม่พอ ยังมีห้องเก็บเสบียงกรัง(มะม่วงสุก มะขามหวาน ลูกอม หมากฝรั่งตรานกแก้ว และ ยำยำช้างน้อย) แต่ใครจะมาเล่นในฐานทับของผมไม่ได้ เพราะรอบๆ กองบัญชาการ จะเต็มไปด้วยกับดัก ทั้ง เชือกสะดุด  กะลามรณะ(เอากะลามาใส่ขี้เถ้า) หลุมดูดวิญญาณ(ขุดหลุมตื่นๆแล้วเอาใบไม้มาปิดด้านบน) และบ่อยครั้งก็โดนกับตัวเอง เพราะลืมว่าทำเอาไว้

          โตมาอีกนิด ริทำบ้านยกพื้นสูง มีขุดหลุมฝังเสา (แต่ลึกแค่คืบกว่าๆ) หาตัดไม้กระถินมาทำเสาบ้าน โยกๆดูถ้าไม่แน่นก็หาหินก้อนเล็กๆมาอัดๆไป มีการใช้ตะปูที่มีติดมาตามไม้กระดาน เอามาทุบๆให้ตรง แล้วก็ตอกๆไป พอให้ไม้กับเสาติด มีเอาเชือกฟางผูกบ้าง ตอนนั้นจำได้นะว่าทำสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เพราะพื้นบ้านที่ทำสูงประมาณเล้าไก่ ไม่มีบันไดขึ้น(แล้วจะขึ้นยังไง) ช่วยกันทำกับเพื่อนข้างบ้าน 2 คน มีน้องชายอีกคนเป็น 3 แถมด้วยกองเชียร์น้องสาวเพื่อนอีก 1 รวมทั้งหมด 4 คน พอทำเสร็จแล้วก็ขึ้นไปบนนั้นทีละคน(ขึ้นทางเล้าไก่ แล้วโดดข้ามไปที่บ้าน) เพราะกลัวบ้านพัง แต่ก็ไปได้ เพราะขึ้นไปยืน 4 คนสบายๆ ตอนนั้นจำได้เลย 6 โมงเย็นได้ยินเสียงเพลงชาติดังมาจากทีวี พวกเรา 4 คนพากันยืนตรง แล้วร้องเพลงชาติไทยบนบ้าน  ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด...ขณะนี้เป็นเวลา 18 นาฬิกา ประเทศ....ไทย.... รวมเลือด...นะ..โครม!!  พื้นบ้านทะลุ! ตกลงมาจุกทั้ง 4 คน แถมโดนไม้เรียว(กิ่งกระถิน)ไปกินอีกคนละ 2 ดอก เนื้อเต้นไปตามๆกัน ทุกวันนี้เวลาเจอกันก็มานั่งเล่าความหลังแล้วก็พากันขำ

          พอเริ่มโต ม.3 เก็บเงินได้พันกว่าบาท ไปซื้อเต๊นท์อย่างดี มีเสา มีสมอ มีซิปกันยุงอย่างดี จำได้ วันแรกที่ได้มา เอามากางนอนหน้าบ้าน ที่สนามหญ้าทุกคืน ยิ่งหน้าหนาวยิงได้อารมณ์ มีก่อไฟหน้าเต๊นท์ มีเอามันไปเผากิน ขโมยหมูในตู้เย็นไปย่างกินบ้าง ไฟเกือบไหม้บ้าน เพราะหญ้ามันแห้ง โดนไปอีก 2-3 ดอก เนื้อเต้นอีกตามฟอร์ม ทุกวันนี้เต๊นท์หลังนั้นก็ยังอยู่

          หลังจากเกือบเผาบ้านตัวเอง ก็เปลี่ยนแผนมาลองทำบ้านบนต้นไม้ พอดีหน้าบ้านเพื่อนมีต้นชงโคต้นใหญ่พอๆกับโคนขา บนต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างฐานลอย ตอนนั้นมีการวาดรูป เขียนแบบจริงจังมากกับเพื่อน พอได้แบบที่ถูกใจ ก็เลยขอไม้กระดานที่แม่เก็บไว้ข้างบ้าน(ขอแล้วแต่แม่ไม่ได้ยิน) เอามาปูพื้นบ้านบนต้นไม้ ส่วนหลังคาเอาถุงปุ๋ยมาผ่า แล้วกางเหมือนเต๊นท์ เป็นบ้านบนต้นไม้ที่สุดยอดที่สุดในวัยนั้น อุปกรณ์ช่วยมีสารพัด ทั้งรอกดึงของ จากข้างล่าง ขึ้นข้างบน ที่แขวนตะเกียง กระป๋องใส่ลูกหิน(ยิงหนังสติ๊ก)และแน่นอน มันต้องมีกับดัก ทั้ง กะลามรณะ(ยังใช้อยู่) หลุมดูดวิญญาณ(แต่เพิ่มขี้วัวลงไปก้นหลุม) แต่ถ้าหลุดจากที่ว่ามาแล้ว ยังเจอ บันไดปีศาจ(ตอกไว้หลวมๆ) และ นรกสูบ(พื้นบ้านที่วางไว้หมิ่นๆ) และเช่นเคย บางครั้งคนทำก็มีลืมบ้าง(กรรมตามสนอง)

          เริ่มเป็นหนุ่ม 18 ฝน ที่บ้านขุดบ่อเลี้ยงปลา ก็ชวนเพื่อนข้างบ้านคนเดิม ไปทำบ้านริมบ่อน้ำ อารมณ์ประมาณว่า ทำเสาอยู่ในน้ำ มีระเบียงยืดออกไปในบ่อปลา แต่เปลี่ยนจากเสาไม้กระถิน มาเป็นเสาไม้ยูคา โครงสร้างบ้านเริ่มแข็งแรง มีค่ำยันอย่างดี ลงทุนซื้อแฝกมามุงหลังคาอย่างแจ่ม พนังรอบๆก็เปิดไว้เพราะลมจะได้พัดเย็นๆ  พื้นก็หาตัดไม้รวกหลังบ้าน ไม่ต้องซื้อเพราะมีเป็นดง แต่เวลานั่งนานๆก็เจ็บก้น กว่าจะเสร็จเกือบ 10 วัน เพราะทำหลังเลิกเรียนบ้าง เสาร์-อาทิตย์ บ้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่หาและทำได้เองบ้าง ไม่ว่าเป็น กลางกระท่อมแขวนตะเกียงกระป๋อง หัวบันใดลงบ่อน้ำ มีตะเกียงรั้ว ทำเองจากขวดกระทิงแดง ทำดีเกิน หมาเลยชอบขึ้นไปนอนบนบ้าน เลยต้องทำกับดัก เป็นเชือกสะดุด ประมาณว่า ถ้ามาตัวอะไรมาสะดุดเชือก ไม้ที่ขึงด้วยยางในรถ มันจะดีดตีหน้าแข้งพอดี แต่ไม่ใช่หน้าแข้งหมานะที่โดน (คิดเอาเองว่าหน้าแข้งใคร) ทำเสร็จไม่เท่าไหร่ ยายเพื่อนเสียแล้วก็จัดงานศพไว้ที่บ้าน พอมีงานศพ ก็มีเล่นไพ่ เล่นไฮโล แต่ดันไม่เล่นกันที่บ้านงานศพ(ไงว่าเล่นอยู่เป็นเพื่อนศพ) เจ้ามือเจือกทะลึ่งไปเห็นกระท่อมปลายนาของเรา วิวคงจะดี และเหมาะแก่การเขย่าไฮโลเป็นยิ่งนัก ก็เลยแห่กันไปตั้งวงบนกระท่อมเราเสียนี่ แต่กรรมคงมีจริง คนเยอะ น้ำหนักแยะ สรุปตกบ่อกันทั้งเจ้ามือและลูกมือ(สมน้ำหน้ามัน) ตอนนี้เพื่อนคนนั้นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง (เรียนไม่จบ ม.3)มีลูกน้องเป็นสิบ  ส่วนผมจบ ป.ตรี ยังเป็นลูกจ้างอยู่เลย...เฮ้อ

          เข้ามหาลัย พ่อทำแพปลา CP เจ๊ง ทำที่เขื่อน ไม่เหลืออะไร นอกจากลูกบวบไม้ไผ่เก่าๆพอใช้งานได้ กับหลังคาหญ้าแฝกผุๆ ตอนนั้น ชอบตกปลา เลยชวนเพื่อนที่สนิทกันอีกคนไปช่วยกันทำแพพัก จะได้ไปตกปลาแล้วพักได้โดยไม่ต้องเช่าให้เสียเงิน นั่งคิดนอนคิดอยู่ 3 คืน แพไม่กระดิก เสาไม้ กองแฝก ยังอยู่ท่าเดิมของมัน เพราะไปไม่ถูก ทำไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มยังไง  เดือดร้อนพ่อต้องมาออกแรงช่วย ตอนนั้นปิดเทอม ทำกันอยู่ 4 วัน ช่วยกัน 3 คนก็เสร็จ ได้ที่พักลอยน้ำ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จะทำได้ ทั้ง ห้องครัว ห้องน้ำ สวนผักลอยน้ำ อย่างแจ่ม แถมได้เรือเก่าๆมาอีกลำที่เขาไม่ใช้แล้ว จริงๆใช้ไม่ได้มากกว่า ถูกทิ้งไว้บนฝั่ง เพราะมันทั้งผุและรั่วทั้งลำ เวลาจะใช้ก็เอาดินเหนียวอุดบ้าง ถุงพลาสติกอุดบ้าง แบบตามมีตามเกิด พอได้พายออกไปตกปลารอบๆแพพัก ช่วงนั้นมีความสุขมาก เสาร์-อาทิตย์ ไม่เคยอยู่นิ่งเลย ออกไปนอนแพตลอด กับข้าวก็กินตามมีตามเกิด ลำบากแต่ก็สนุกดี แต่ก็นะ แพไม่ได้มีคนเฝ้า น้ำในเขื่อนก็ลดลงเรื่อยๆ สรุปแพติดฝั่ง ไฟป่ามา แพที่ทำเลยกลายเป็นกองพระเพลิงไปเสียนี่  ถึงจะไม่เหลืออะไรนอกจากกองถ่าน แต่ก็ยังเหลือความทรงจำดีๆที่ไม่มีวันลืม


ภาพเมื่อ 12 ปี ที่แล้ว




ภาพเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว แพที่ต่อขึ้นมาเอง




ภาพเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว กิจกรรมยามไส้แห้ง คือหาเสบียง (คนที่อยู่ในน้ำ จขกท เอง)




ภาพเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว นายแบบกับผลงาน ไม่อดล่ะ



          จนกระทั้งเรียนจบ พ่อก็ลงไปดูสวนยางให้คนรู้จักกันที่ ภูเก็ต เลยตามไปด้วย (ตามไปเที่ยวมากกว่า) เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งเครื่องบิน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ บ้านบนต้นไม้ของผมครับ...



แท็ก ชายคา เพราะมีเนื้อหาและอยากจะแชร์การสร้างบ้านของผม
แท็ก ชานเรือน เพราะอยากให้รู้ชีวิตและของเล่นของผมตอนเด็กๆ
แท็กสยามสแควร์ อยากให้รู้ว่า วัยรุ่นของเด็ก ตจว มันคนละอารมณ์กับ วัยรุ่นของเด็ก กทม อย่างไรบ้าง

ปล.ผิดพลาดหรือ ตกหล่นประการใด จขกท ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่