เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้
แนะนำ OPPO Find Mirror มือถือ 2 ซิมไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคิวของน้องๆอย่าง OPPO Find Muse กันบ้าง
เริ่มจากสเป็ก
- CPU 2 core 1.2 GHz
- GPU Mali 400
- RAM 512 MB
- ROM 4 GB (รองรับ microSD 32 GB)
- จอ 4 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 (233 PPI)
- กล้อง 3 ล้าน ไม่มีแฟลช กล้องหน้า 3 แสน
- แบตเตอรี่ 1700 mAh
- น้ำหนัก 125 กรัม
- Android 4.2.2
- รองรับการทำงาน 2 ซิม
ดูจากสเป็กแล้วถือว่าเป็นแอนดรอยระดับเริ่มต้นเลยก็ว่าได้
แม้สเป็กอาจจะดูเป็นรุ่นเล็ก แต่สีสันหน้าจอและงานประกอบจัดว่าแจ่มครับ
ไล่ดูทีละด้านเช่นเคย ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง
ด้านล่างเป็นช่องเสียบ MicroUSB สำหรับชาร์จและต่อคอม
ด้านซ้ายเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่องสีส้ม ตัดกับตัวเครืองสีขาว... เด่นเลยทีเดียว
ด้านขวาเป็นปุ่มปรับเสียง สีสันเหมือนปุ่มเปิด-ปิดเครื่องเลยครับ
ด้านหลังเป็นกล้อง 3 ล้านที่ไม่มีแฟลช และช่องล่างสุดคือลำโพง
แกะฝาหลังมาดูจะเจอช่องเสียบ MicroSD และช่องใส่ซิม โดยที่ซิม 1 เป็นขนาดปรกติ และซิม 2 เป็นขนาดไมโคร
... แต่เนื่องจากผมมีแต่ไมโครซิม ผมเลยต้องใช้ตัวแปลงไมโครเป็นขนาดปรกติ เพื่อให้สามารถใส่ในช่องที่ 1 ได้
กลับมาดูด้านหน้าอีกรอบ ... 3 ปุ่มล่างเรียงจาก menu, home, back เป็นปุ่มสีขาวชัดเจน ในตอนกลางคืนก็มีแสงส่องสว่างที่ปุ่มครับ
เริ่มใช้งาน ผมก็ขอเริ่มจากการตั้งค่าเหมือนเช่นเคยนะครับ
เริ่มจาก Smart Dual SIMs พูดง่ายๆก็คือการทำให้เครื่องเราใช้งานได้ 2 ซิมพร้อมกันจริงๆ ระหว่างโทรซิมที่ 1 ก็สามารถรับสายซ้อนจากซิมที่ 2 ได้ ในทางเทคนิคก็คือการโอนสาย ดังนั้นอาจมีค่าใช้จ่าย
... แต่จะว่าไปมือถือ 2 ซิมรุ่นใหม่ๆก็ทำแบบนี้ได้เกือบทุกรุ่น เรียกได้ว่ามันกลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับมือถือ 2 ซิมไปแล้วก็ว่าได้
ถัดมาเป็นเรื่องของ Sim Management เราสามารถปิดการใช้งานซิมได้ อารมณ์ก็คล้ายๆการถอดซิมออกจากเครื่อง แต่ต่างกันตรงที่ OPPO มีปุ่มให้เปิด-ปิด ช่วยเพิ่มความสะดวกให้
การโทรและการส่งข้อความ ก็เลือกได้ว่าจะให้ส่งจากซิมไหนเป็นหลัก หรือให้ตัวเครื่องเลือกให้
Data Connection เป็นการเลือกว่าจะให้เล่นเนทจากซิมไหน
สุดท้ายคือ rename เป็นการตั้งชื่อซิมแต่ละอัน จะได้ไม่สับสน
Wireless and Network มีให้เลือกว่าจะใช้ 3G จากซิมไหน และ Carrier Logo พูดง่ายๆก็คือ การโชว์สัญลักษณ์เครือข่ายของซิมเรา เช่น ais, dtac, true
ลูกเล่นถัดมาที่ OPPO ยัดมาเกือบทุกรุ่นก็คือการตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่อง
ในหัวข้อ battery มีระบบประหยัดพลังงาน ซึ่งอาจจะดูไม่น่าตื่นเต้น แต่จากการใช้งานจริง มันทำให้อึดขึ้นอีกมาก
ระบบ Motion 2 อย่างคือ
- Flip Mute คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
- Smart Sleep จอจะไม่ดับ ถ้ายังจ้องหน้าจอ

พื้นที่ในตัวเครื่องให้มา 4 GB ก็จริง แต่เหลือให้ใช้งานประมาณ 1 GB และรองรับ MicroSD สูงสุด 32 GB
ประเด็นก็คือ ถ้าเราตั้งค่าเดิมๆ ตัวเครื่องมันจะเลือกติดตั้งแอพตามความเหมาะสม ซึ่งผมแนะนำว่าให้ตั้งค่าบังคับให้มันลงแอพไว้ที่ SD จะดีกว่า ช่วยให้ลงแอพได้มากขึ้น
เรื่องของเสียงก็สามารถตั้งเสียงเรียกเข้าของซิม 1 และซิม 2 ได้ รวมทั้งตั้งเสียงเตือนแต่ละซิมได้ด้วย ...นี่ก็ไม่ใช่ลูกเล่นใหม่แต่อย่างใด มันกลายเป็นของมาตรฐานที่มือถือ 2 ซิมต้องมีในยุคนี้
ส่วนของการแสดงผลก็ไม่ต่างจาก OPPO รุ่นอื่นๆก็คือสามารถตั้งค่าขนาดและรูปแบบของ Font ได้ เปลี่ยนธีมได้ เปลี่ยนหน้า lock screen ได้
ที่จะเพิ่มมานิดนึงก็คือ Unlock dynamic photos พูดง่ายๆก็คือ มันจะให้เราเลือกอัลบั้มรูปเพื่อทำเป็นสไลด์เลื่อนไปมาบนหน้า lock screen
หน้าตาก็ประมาณนี้ครับ
เรื่องของ security ผมค่อนข้างชอบระบบของ OPPO นะครับ ไล่เป็นหัวข้อก็
- Find Phone ไว้ตามมือถือเราผ่านหน้าเว็บ
- Notification center ไว้จัดการระบบแจ้งเตือนด้านบน ว่าให้แอพไหนบ้างแจ้งเตือนได้
- Security settings ก็พวกใส่รหัสปลดล็อกหน้าจอ
- App protection ใส่รหัสล็อกเฉพาะแอพ ไม่ได้ล็อกทั้งเครื่อง
- Boot manager ใช้เลือกว่าแอพไหนบ้างให้ทำงานทันทีเมื่อเปิดเครื่อง
- Pure background ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันแอพบางตัวแอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และเช่นเคย... เกิดเป็นมือถือ 2 ซิม การโทรก็ต้องมีปุ่มให้เลือกได้ว่าต้องการโทรจากซิมไหน
รวมทั้งการส่งข้อความก็เช่นกัน สามารถเลือกได้ว่าจะส่งจากซิมอันไหน
ที่พิเศษหน่อยก็คือ ส่วนของประวัติการโทรจะมีการแสดงเครือข่ายของเลขหมายปลายทางให้ดูด้วย
***
หมายเหตุ เครื่องที่ผมทดสอบ จะแสดงเครือข่ายเฉพาะเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่เครื่องที่วางขายจะแสดงเครือข่ายของทุกเบอร์ในประวัติการโทร
ส่วนของแรม 512 MB กับการใช้งานจริงก็ถือว่าจัดสรรได้ดีพอสมควร แต่เมื่อมองในภาพรวมที่ใช้ CPU 2 core 1.2 GHz แล้วก็ถือว่ามีอาการหน่วงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเวลาออกจากแอพ จะเห็นว่าไอคอนและ widget จะไม่แสดงทันที ต้องรอประมาณ 3-6 วินาที ถึงจะแสดงผลได้ถูกต้อง
การเล่นเกม ผมทดสอบกับเกมยอดนิยมที่คนทางบ้านขอให้ผมทดสอบมากที่สุด 3 เกม คือ Subway, Minion Rush, Candy Crush
ผลคือ Subway และ Candy Crush ลื่น แต่ Minion Rush ค้าง เล่นไม่ได้ครับ
รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานวิทยุ FM อยู่นะครับ
ส่วนของกล้อง 3 ล้าน ที่ไม่มีแฟลช ต้องบอกว่า "ถ่ายรูปได้" จะดีกว่าครับ อย่าคาดหวังว่ามันจะสวยงามอะไรมากมายเลย
นอกจากนี้ OPPO ไม่ลืมที่จะยัดลูกเล่นอย่าง lomo มาให้เช่นกัน
ตัวอย่างรูปถ่าย
สรุป
ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับคนที่เน้นการโทรเป็นหลัก เล่นแอพบ้างเล็กน้อย เพราะนอกจากสเป็กเครื่องที่เป็นรุ่นล่างๆ ไม่เหมาะกับการรันอะไรหนักๆแล้ว ตัวเครื่องยังมีขนาด 4 นิ้ว ทำให้การพกพาและการหยิบขึ้นมาโทรไม่ลำบากเหมือนรุ่นอื่นๆ
ด้านภาพและเสียง ถือว่าทำได้ดีมาก และไม่ลืมที่จะยัดวิทยุ FM มาให้
ส่วนกล้อง ออกแนวเก็บบรรยากาศมากกว่าที่จะคาดหวังความสวยงาม นอกจากจะไม่มีแฟลชแล้ว ยังไม่มีระบบ touch focus และดูเหมือนจะเป็น infinity focus ด้วยซ้ำ ทำให้ไม่สามารถถ่าย Macro ระยะประชิดได้
ที่สำคัญแบตอึดพอตัว ทดสอบโดยเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ผมใช้ได้ข้ามวันเลยทีเดียว... ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นนี้เล่นอะไรหนักๆไม่ได้ ผมก็เลยไม่ค่อยหยิบขึ้นมาเล่น จะมีก็แค่เล่น facebook, line และก็โทร... แบตก็เลยอยู่ได้ข้ามวัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ OPPO จะเคาะราคารุ่นนี้ออกมาเท่าไร เพราะการแข่งกันในตลาดล่างเริ่มรุนแรง แต่ละค่ายจัดเต็มกันทั้งนั้น แต่ถ้าตั้งราคามาโดนๆ ก็น่าสนใจอยู่นะ...

http://www.bacidea.com/review-oppo-find-muse.html
http://www.facebook.com/bacidea
[SR] รีวิว OPPO Find Muse มือถือ 2 ซิม by bacidea
เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้แนะนำ OPPO Find Mirror มือถือ 2 ซิมไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคิวของน้องๆอย่าง OPPO Find Muse กันบ้าง
เริ่มจากสเป็ก
- CPU 2 core 1.2 GHz
- GPU Mali 400
- RAM 512 MB
- ROM 4 GB (รองรับ microSD 32 GB)
- จอ 4 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 (233 PPI)
- กล้อง 3 ล้าน ไม่มีแฟลช กล้องหน้า 3 แสน
- แบตเตอรี่ 1700 mAh
- น้ำหนัก 125 กรัม
- Android 4.2.2
- รองรับการทำงาน 2 ซิม
ดูจากสเป็กแล้วถือว่าเป็นแอนดรอยระดับเริ่มต้นเลยก็ว่าได้
แม้สเป็กอาจจะดูเป็นรุ่นเล็ก แต่สีสันหน้าจอและงานประกอบจัดว่าแจ่มครับ
ไล่ดูทีละด้านเช่นเคย ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง
ด้านล่างเป็นช่องเสียบ MicroUSB สำหรับชาร์จและต่อคอม
ด้านซ้ายเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่องสีส้ม ตัดกับตัวเครืองสีขาว... เด่นเลยทีเดียว
ด้านขวาเป็นปุ่มปรับเสียง สีสันเหมือนปุ่มเปิด-ปิดเครื่องเลยครับ
ด้านหลังเป็นกล้อง 3 ล้านที่ไม่มีแฟลช และช่องล่างสุดคือลำโพง
แกะฝาหลังมาดูจะเจอช่องเสียบ MicroSD และช่องใส่ซิม โดยที่ซิม 1 เป็นขนาดปรกติ และซิม 2 เป็นขนาดไมโคร
... แต่เนื่องจากผมมีแต่ไมโครซิม ผมเลยต้องใช้ตัวแปลงไมโครเป็นขนาดปรกติ เพื่อให้สามารถใส่ในช่องที่ 1 ได้
กลับมาดูด้านหน้าอีกรอบ ... 3 ปุ่มล่างเรียงจาก menu, home, back เป็นปุ่มสีขาวชัดเจน ในตอนกลางคืนก็มีแสงส่องสว่างที่ปุ่มครับ
เริ่มใช้งาน ผมก็ขอเริ่มจากการตั้งค่าเหมือนเช่นเคยนะครับ
เริ่มจาก Smart Dual SIMs พูดง่ายๆก็คือการทำให้เครื่องเราใช้งานได้ 2 ซิมพร้อมกันจริงๆ ระหว่างโทรซิมที่ 1 ก็สามารถรับสายซ้อนจากซิมที่ 2 ได้ ในทางเทคนิคก็คือการโอนสาย ดังนั้นอาจมีค่าใช้จ่าย
... แต่จะว่าไปมือถือ 2 ซิมรุ่นใหม่ๆก็ทำแบบนี้ได้เกือบทุกรุ่น เรียกได้ว่ามันกลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับมือถือ 2 ซิมไปแล้วก็ว่าได้
ถัดมาเป็นเรื่องของ Sim Management เราสามารถปิดการใช้งานซิมได้ อารมณ์ก็คล้ายๆการถอดซิมออกจากเครื่อง แต่ต่างกันตรงที่ OPPO มีปุ่มให้เปิด-ปิด ช่วยเพิ่มความสะดวกให้
การโทรและการส่งข้อความ ก็เลือกได้ว่าจะให้ส่งจากซิมไหนเป็นหลัก หรือให้ตัวเครื่องเลือกให้
Data Connection เป็นการเลือกว่าจะให้เล่นเนทจากซิมไหน
สุดท้ายคือ rename เป็นการตั้งชื่อซิมแต่ละอัน จะได้ไม่สับสน
Wireless and Network มีให้เลือกว่าจะใช้ 3G จากซิมไหน และ Carrier Logo พูดง่ายๆก็คือ การโชว์สัญลักษณ์เครือข่ายของซิมเรา เช่น ais, dtac, true
ลูกเล่นถัดมาที่ OPPO ยัดมาเกือบทุกรุ่นก็คือการตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่อง
ในหัวข้อ battery มีระบบประหยัดพลังงาน ซึ่งอาจจะดูไม่น่าตื่นเต้น แต่จากการใช้งานจริง มันทำให้อึดขึ้นอีกมาก
ระบบ Motion 2 อย่างคือ
- Flip Mute คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
- Smart Sleep จอจะไม่ดับ ถ้ายังจ้องหน้าจอ
พื้นที่ในตัวเครื่องให้มา 4 GB ก็จริง แต่เหลือให้ใช้งานประมาณ 1 GB และรองรับ MicroSD สูงสุด 32 GB
ประเด็นก็คือ ถ้าเราตั้งค่าเดิมๆ ตัวเครื่องมันจะเลือกติดตั้งแอพตามความเหมาะสม ซึ่งผมแนะนำว่าให้ตั้งค่าบังคับให้มันลงแอพไว้ที่ SD จะดีกว่า ช่วยให้ลงแอพได้มากขึ้น
เรื่องของเสียงก็สามารถตั้งเสียงเรียกเข้าของซิม 1 และซิม 2 ได้ รวมทั้งตั้งเสียงเตือนแต่ละซิมได้ด้วย ...นี่ก็ไม่ใช่ลูกเล่นใหม่แต่อย่างใด มันกลายเป็นของมาตรฐานที่มือถือ 2 ซิมต้องมีในยุคนี้
ส่วนของการแสดงผลก็ไม่ต่างจาก OPPO รุ่นอื่นๆก็คือสามารถตั้งค่าขนาดและรูปแบบของ Font ได้ เปลี่ยนธีมได้ เปลี่ยนหน้า lock screen ได้
ที่จะเพิ่มมานิดนึงก็คือ Unlock dynamic photos พูดง่ายๆก็คือ มันจะให้เราเลือกอัลบั้มรูปเพื่อทำเป็นสไลด์เลื่อนไปมาบนหน้า lock screen
หน้าตาก็ประมาณนี้ครับ
เรื่องของ security ผมค่อนข้างชอบระบบของ OPPO นะครับ ไล่เป็นหัวข้อก็
- Find Phone ไว้ตามมือถือเราผ่านหน้าเว็บ
- Notification center ไว้จัดการระบบแจ้งเตือนด้านบน ว่าให้แอพไหนบ้างแจ้งเตือนได้
- Security settings ก็พวกใส่รหัสปลดล็อกหน้าจอ
- App protection ใส่รหัสล็อกเฉพาะแอพ ไม่ได้ล็อกทั้งเครื่อง
- Boot manager ใช้เลือกว่าแอพไหนบ้างให้ทำงานทันทีเมื่อเปิดเครื่อง
- Pure background ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันแอพบางตัวแอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และเช่นเคย... เกิดเป็นมือถือ 2 ซิม การโทรก็ต้องมีปุ่มให้เลือกได้ว่าต้องการโทรจากซิมไหน
รวมทั้งการส่งข้อความก็เช่นกัน สามารถเลือกได้ว่าจะส่งจากซิมอันไหน
ที่พิเศษหน่อยก็คือ ส่วนของประวัติการโทรจะมีการแสดงเครือข่ายของเลขหมายปลายทางให้ดูด้วย
*** หมายเหตุ เครื่องที่ผมทดสอบ จะแสดงเครือข่ายเฉพาะเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่เครื่องที่วางขายจะแสดงเครือข่ายของทุกเบอร์ในประวัติการโทร
ส่วนของแรม 512 MB กับการใช้งานจริงก็ถือว่าจัดสรรได้ดีพอสมควร แต่เมื่อมองในภาพรวมที่ใช้ CPU 2 core 1.2 GHz แล้วก็ถือว่ามีอาการหน่วงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเวลาออกจากแอพ จะเห็นว่าไอคอนและ widget จะไม่แสดงทันที ต้องรอประมาณ 3-6 วินาที ถึงจะแสดงผลได้ถูกต้อง
การเล่นเกม ผมทดสอบกับเกมยอดนิยมที่คนทางบ้านขอให้ผมทดสอบมากที่สุด 3 เกม คือ Subway, Minion Rush, Candy Crush
ผลคือ Subway และ Candy Crush ลื่น แต่ Minion Rush ค้าง เล่นไม่ได้ครับ
รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานวิทยุ FM อยู่นะครับ
ส่วนของกล้อง 3 ล้าน ที่ไม่มีแฟลช ต้องบอกว่า "ถ่ายรูปได้" จะดีกว่าครับ อย่าคาดหวังว่ามันจะสวยงามอะไรมากมายเลย
นอกจากนี้ OPPO ไม่ลืมที่จะยัดลูกเล่นอย่าง lomo มาให้เช่นกัน
ตัวอย่างรูปถ่าย
สรุป
ผมมองว่ารุ่นนี้เหมาะกับคนที่เน้นการโทรเป็นหลัก เล่นแอพบ้างเล็กน้อย เพราะนอกจากสเป็กเครื่องที่เป็นรุ่นล่างๆ ไม่เหมาะกับการรันอะไรหนักๆแล้ว ตัวเครื่องยังมีขนาด 4 นิ้ว ทำให้การพกพาและการหยิบขึ้นมาโทรไม่ลำบากเหมือนรุ่นอื่นๆ
ด้านภาพและเสียง ถือว่าทำได้ดีมาก และไม่ลืมที่จะยัดวิทยุ FM มาให้
ส่วนกล้อง ออกแนวเก็บบรรยากาศมากกว่าที่จะคาดหวังความสวยงาม นอกจากจะไม่มีแฟลชแล้ว ยังไม่มีระบบ touch focus และดูเหมือนจะเป็น infinity focus ด้วยซ้ำ ทำให้ไม่สามารถถ่าย Macro ระยะประชิดได้
ที่สำคัญแบตอึดพอตัว ทดสอบโดยเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ผมใช้ได้ข้ามวันเลยทีเดียว... ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นนี้เล่นอะไรหนักๆไม่ได้ ผมก็เลยไม่ค่อยหยิบขึ้นมาเล่น จะมีก็แค่เล่น facebook, line และก็โทร... แบตก็เลยอยู่ได้ข้ามวัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ OPPO จะเคาะราคารุ่นนี้ออกมาเท่าไร เพราะการแข่งกันในตลาดล่างเริ่มรุนแรง แต่ละค่ายจัดเต็มกันทั้งนั้น แต่ถ้าตั้งราคามาโดนๆ ก็น่าสนใจอยู่นะ...
http://www.bacidea.com/review-oppo-find-muse.html
http://www.facebook.com/bacidea