***เบื้องหน้าเลนส์...ความรู้สึกของผู้ถูกถ่าย..ดราม่าและเหตุผลขอจัดปนๆไปในกระทู้นี้***

กระทู้สนทนา
ถ้าต้องการอ่านแบบย่นย่อรูดลงมา คห.8เลยค่ะ สรุปได้ตรงใจเราสุดๆเลยค่ะ


เคยได้ยินมาเยอะกับคำว่า ”ข้างหลังเลนส์”...ซึ่งเราเป็นประเภทซุ่มอ่านอยู่ในห้องนี้
เคยได้อ่านเรื่องราวของคนที่เป็นผู้ถ่าย  ได้ดูรูปสวยๆที่คนอื่นเอามาลง  ได้อ่านเรื่องของการละเมิดสิทธิที่ช่วงนี้มีบ่อย
เหลือเกิน  ซึ่งโดยส่วนใหญ่เรื่องให้ห้องนี้เป็นมุมมองจากผู้ถ่ายโดยตรงเสียมากกว่า  
ส่วนเรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องของผู้ถูกถ่าย  ที่เราไม่รู้จะเรียกการละเมิดสิทธิได้หรือเปล่า
เอาเป็นว่าขอพื้นที่ตรงนี้ “เล่าเรื่อง” ของผู้ถูกถ่ายซึ่งมีความรู้สึกแบบเราๆนี่ล่ะค่ะ เพียงแต่เราสื่อสารกับดำรงค์ชีวิต
คนละอย่างเท่านั้นเอง
เผอิญเราได้ไปเห็นนิตยาสารหัวท่องเที่ยวเล่มนึงที่แผงหนังสือรูปที่ขึ้นปกเป็นรูปประมาณนี้



อยากบอกว่าแว่บแรกที่เห็นยอมรับมา ปรี๊ตตตตมาก..นี่มันอัลไลกันเนี่ย(ขอวิบัติให้เข้ากะระดับความปริ๊ด)
กว่าจะเขียนนี่เราคิดมาประมาณ80ตลบ เราอุตส่าห์รอจนหมดเดือนรอให้เค้าเก็บหนังสือออกจากแผงก่อน
เพื่อป้องการเจาะจงด่าหนังสือและ ตัวบุคคลค่ะ ด้านหลังมีชื่อตากล้องซึ่งเราไม่ยอมดูเลย
(กลัวดูแล้วแอบค้นเบอร์โทรไปด่าเค้า)
เรื่องของเรื่องคือเบื้องหลังของการถ่ายปกนี้ซึ่งมีการเขียนอย่างชักเจนว่า “ใช้ไฟ(แฟลต)ให้มีสีสัน”
(อยู่หน้าหลังๆของหนังสือ)  โดยภาพเบื้องหลังออกมาประมาณนี้



แฟลตค่ะแฟลตจริงๆไม่ใช่แฟลตทิ่ติดกับกล้องด้วยเป็นแฟลตขาตั้ง OMG!!!!!
ถ้าใครเคยอยู่วงการโฆษณามาก่อน...เมื่อหลายสิปปีก่อนมีการยืมม้าตัวนึงมาถ่ายโฆษณา ในกองถ่ายก็มีไฟ
มีรางดอลลี่อะไรมากมาย  เค้าคงตกใจชีวิตไม่เคยเจออะไรวูบวาบวุ่นวายขนาดนี้เลย..(สัตว์ในวงผู้ถูกล่าจะเป็น
สัตว์ขี้หวาดระแวงค่ะอะไรแปลกๆตูวิ่งหนีไว้ก่อน) สรุปคือเค้าวิ่งจริงๆค่ะชนไอ้ไฟเสาเหมือนขาตั้งแฟลตเนี่ยแหละ
สายไฟพันขาแล้วก็พยามดิ้นๆๆๆสุดท้ายหักค่ะ...หลายๆคนคงเคยผ่านตากับในภาพยนต์มาบ้าง  ม้าขาหัก
นั่นหมายถึงชีวิตเค้าหักพร้อมขานั่นแหละ

เพื่อนเราคนนึงเคยพูดไว้ ม้าป็นสัตว์ที่มีนิสัยกระต่ายผสมปลาทอง..ตกใจก็ตาย..อาหารมากก็ตาย..อาหารน้อยก็ตาย..เครียดก็ตาย

ส่วนในภาพที่ขึ้นปกนิตยาสารนี้เราคิดว่าทางสถานที่ให้ม้ามาถ่ายเพราะเค้าคงคิดแล้วว่าม้าเค้าทำได้
คนที่บังคับก็คงมือถึง ดังนั้นไม่น่ามีบัญหา แต่ถ้าวันนึงเกิดมีคนนึงประทัปใจภาพถ่ายของคุณจนยึดเป็นแนวทาง
(ที่ห้องนี้จะได้ยินบ่อยๆว่า การค้นหาตัวเองให้เริ่มจากการเลียนแบบหลายๆแนวแล้วจะเจอแนวของตัวเอง)
ถ้ามีคนนึงรักชอบแนวทางนี้ แต่ถ้าเค้าพึ่งเริ่มต้นแล้วก็ไม่ได้ถ่ายกับม้าที่มีความคุ้นกล้องคนขี่ก็มือไม่ถึง
มันอันตรายมากนะ..ทั้งม้า..ทั้งคนอยู่บนหลัง

สมมุติว่าเราขี่ม้าอยู่แล้วมาเรายก...มีคนถือกล้องรัวชัตเตอร์และแฟลตใส่(ถึงแม้เป็นแค่แฟลตที่มากับตัวกล้องก็เถอะ)
ถ้าเราลงจากหลังม้าได้แบบครบ 32 นี่...ลงมาปุ๊บมีเรื่องปั้บนะคะ...ตูไม่สนุกนะเฟ้ยยย

ส่วนอีกเรื่องก็คือเรื่องการที่บังคับให้ม้าเค้าทำท่าทางผิดธรรมชาติโดยมีน้ำหนังกดบนหลัง
ไม่เถียงค่ะว่าปรกติในชีวิตประจำวันเค้าก็อาจทำอย่างนี้อยู่แล้ว  แต่การถูกบังคับบ่อยๆไม่ส่งผลดีเลยค่ะ
อย่างที่เขียนไปข้างบนว่าพวกเค้าแค่เครียดก็ตายได้ เราไม่ทราบจริงๆค่ะว่ากว่าจะได้ภาพนี้มาลงหน้าปก
ม้าต้องยกกันอยู่กี่ครั้ง..เคยคิดมั้ยคะว่าเค้าไม่สนุกด้วย  พวกเค้ามี นน.ตัวที่ 400-500กว่า กก.ค่ะ
แล้วก็ใช้ขารับน้ำหนักตัว4ข้าง การที่ต้องใช้ขา2ข้างรับนน.แถมบนหลังก็มี นน.กด...ใครมีลูกลองให้ลูกขี่หลังดูค่ะ
ไม่ต้องยกเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับพื้นโลก ถ้าจะฝืนธรรมชาติก็ลองคลานสี่ขา(ให้กระดูกสันหลัง
กลายเป็นแนวขนานกับพื้นโลกแทน)แล้วให้ลูก หลาน ขี่หลังนั่นแหละค่ะ ลองดูซัก 20นาที ว่าจะปวดไหม

เค้าเป็นสัตว์ที่สวยด้วยตัวเองอยู่แล้วค่ะ...สภาพแวดล้อมที่คุณๆๆจะไปถ่ายก็คงสวยค่ะ
แค่ ปสก.ของผู้ถ่าย  ธรรมชาติแวดล้อม  กล้องที่มีคุณภาพสูง  ทั้งหมดเราคิดว่ามันคงเพียงพอที่จะทำให้ได้
ภาพ “สวย” ระดับขึ้นปกได้ไม่ยากเลยค่ะ

เราอาจเซ้นต์ซิทีฟกับม้าและหมามากกว่าสัตว์อื่นๆก็จริงแต่สำหรับสัตว์ทุกชนิดแหละค่ะ แค่เราอยากได้ภาพสวย มุมแปลก
บางทีมีมีเอฟเฟคมากมายกับเค้านะคะ  ถ่ายนกหน้ารัง..ลูกนกอาจตายยกรังเพราะพ่อแม่ทิ้ง(ไม่นับกล้องอภิมหาโคตรซูมนะคะ)
ถ่ายสัตว์ออกหากินกลางคืนที่เค้าออกหากินกลางคืนเพราะม่านตาเค้าขยายรับแสงไม่ได้มาก
แต่คนถ่ายเปิดแฟลตซ้าาา..เค้าอาจเห็นดาววิ้งๆ แล้วก็สูญเสียการมองเห็นตลอดคืนนั้นไปก็ได้
อาหง..อาหารก็ไม่ต้องหาละเพราะมองไม่เห็น หรือถ้าจำพวกบินได้อาจร่วงตุ๊บเจ็บตัวเอาดื้อๆ

ถือว่าฝากไว้ละกันค่ะสำหรับท่านที่มีแนวทางการถ่ายภาพสัตว์ต่างๆ.... หรือถ้าไม่ใช่แต่เกิดผ่านไปเจอแล้วอยากถ่าย
พวกเค้ามีธรรมชาติไม่เหมือนกันค่ะ  พยามเข้าใจเค้าสักนิดเพื่อคุณได้ภาพสวยและเค้าไม่ต้องเจ็บตัวหรือฝืนธรรมชาติมากนัก

ปล.เป็นกระทู้ที่เราใช้เวลากรองนานมาก เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบอยู่นั่น บางทีพิมพ์ๆไปแล้วก็ติสแตกเขียนแรงซะงั้น
กลับมาอ่านทวนใหม่  ไม่เอาดีกว่าจริงๆแค่อยากบอกเล่าเดี๋ยวมันจะกลายเป็นชวนทะเลาะไป
เอาเป็นว่าเราอยากแชร์จริงๆค่ะ...ได้ผลหรือไม่ก็คงขึ้นอยู่กับคุณๆ ท่านๆ ที่ถือกล้องทุกคนแล้วล่ะค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่