ถ้าไม่รู้ว่าเขานอกใจ ก็ไม่เจ็บ แต่พอได้รู้เรื่องนอกใจแล้ว กลายเป็นว่าเรื่องนี้จูงเรื่องอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นพรวน ได้เจ็บช้ำอีกหลายระลอก มาหมดทั้งเรื่องที่อยากรู้และไม่อยากรู้ ยิ่งสาวความยาวไปเท่าไหร่ ใจเรายิ่งเจ็บเท่านั้น แต่ทั้งหมดนั่นไม่ได้ช่วยในการตัดใจเลย กลับเป็นการย้ำว่าเรารักเขามากแค่ไหน...มากกว่า
เริ่มจากรู้ว่าเขามีคนอื่น ตามมาด้วยเรื่องที่ว่าเขามีคนอื่นมานานแค่ไหนแล้ว วันไหนที่เขาไปใช้เวลากับคนอื่น แล้วก็มานั่งคิดว่าวันนั้นเราทำอะไร และเขาโกหกเราว่าอะไร ยิ่งคิด ๆๆๆ ได้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บเหลือเกิน เพราะว่าโดนหลอกมานาน และก็โดนหลอกหลายเรื่อง อีกทั้งรายละเอียดที่ทำให้เจ็บ มันก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาอีก กลายเป็นว่าทุก ๆ อย่างมันซ้ำเติมให้เราโคตรเจ็บ และพอยิ่งเจ็บมาก ก็ทำให้เรารู้ว่ารักเขามากแค่ไหน
พอเรารู้ว่าเขามีคนอื่น เรื่องต่อมา ๆ คือ เขาโกหกอะไรเราไว้ เขาใช้วิธีการไหน ยิ่งรู้มากเข้า ก็เจ็บมาก
ภาพชีวิตที่ผ่านมาทุกวันมันมีเขาอยู่ด้วยเสมอ นี่แหละที่ทำให้ใครหลายคนรับไม่ได้ หากภาพต่อไปของชีวิต จะไม่มีเขามาเป็นส่วนหนึ่งอีกแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องถามใจตัวเองว่า ถ้ารู้อะไร ๆ มากเข้า เรายังจะรักเขามากพอที่จะรับความชั่วร้ายของเขาได้ไหม ถ้าตอบว่าได้ แล้วเราสามารถหยุดความรู้สึกเหล่านี้ได้หรือไม่...รู้มาก เจ็บมาก เจ็บมาก เกลียดมาก เกลียดมาก เพราะรักมาก
หลายคนอาจตอบว่า แม้คำตอบของหัวใจจะบอกว่ายังรักเขามากพอที่จะรับความชั่วร้ายได้ แต่ไม่รู้เสียเลยจะดีกว่า เพราะพอรู้มาก ๆ เข้า ก็จะเกิดคำถามอีกว่า มีอะไรอีกไหมที่เรายังไม่รู้ แถมนาน ๆ ไป กลายเป็นเจ็บมากเข้า ๆ จนรู้สึกว่าช่างมันเถอะ...ช่างมัน
บางคนเลยขอไม่รู้อะไรเลยยังจะดีเสียกว่า ไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บต่ออีกหลายทอด เลยไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว แต่...การไม่รู้เสียเลยน่ะ มันไม่เจ็บจริงหรือ? ชีวิตต่อไปจะราบรื่นกับการไม่รู้นั่นจริงใช่ไหม? เราจะ "ช่างมันเถอะ!" ไปได้อีกนานแค่ไหน? ปิดหู ปิดตา แต่ว่าเรายังคงรู้สึกอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม? เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าลืมวันเกืดหรือว่าผิดนัด มันเป็นเรื่องใหญ่ที่จะทำให้เราจัดการเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตไม่ได้ จนส่งผลถึงเรื่องอื่น ๆ เช่น นอนไม่หลับ กินไม่ลง ทำงานไม่ไหว
จะ "ช่างมันเถอะ" กับเรื่องที่เราไม่รู้ หรือ "ช่างมันเถอะ" กับเรื่องที่เขาทำก็ตามแต่อย่า "ช่างมันเถอะ" กับความเจ็บปวดของตัวเอง ขอแค่นี้...พอ
__คนรักของฉัน คนรักของใคร__
ถ้าไม่รู้ว่าเขานอกใจ ก็ไม่เจ็บ แต่พอได้รู้เรื่องนอกใจแล้ว กลายเป็นว่าเรื่องนี้จูงเรื่องอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นพรวน ได้เจ็บช้ำอีกหลายระลอก มาหมดทั้งเรื่องที่อยากรู้และไม่อยากรู้ ยิ่งสาวความยาวไปเท่าไหร่ ใจเรายิ่งเจ็บเท่านั้น แต่ทั้งหมดนั่นไม่ได้ช่วยในการตัดใจเลย กลับเป็นการย้ำว่าเรารักเขามากแค่ไหน...มากกว่า
เริ่มจากรู้ว่าเขามีคนอื่น ตามมาด้วยเรื่องที่ว่าเขามีคนอื่นมานานแค่ไหนแล้ว วันไหนที่เขาไปใช้เวลากับคนอื่น แล้วก็มานั่งคิดว่าวันนั้นเราทำอะไร และเขาโกหกเราว่าอะไร ยิ่งคิด ๆๆๆ ได้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บเหลือเกิน เพราะว่าโดนหลอกมานาน และก็โดนหลอกหลายเรื่อง อีกทั้งรายละเอียดที่ทำให้เจ็บ มันก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาอีก กลายเป็นว่าทุก ๆ อย่างมันซ้ำเติมให้เราโคตรเจ็บ และพอยิ่งเจ็บมาก ก็ทำให้เรารู้ว่ารักเขามากแค่ไหน
พอเรารู้ว่าเขามีคนอื่น เรื่องต่อมา ๆ คือ เขาโกหกอะไรเราไว้ เขาใช้วิธีการไหน ยิ่งรู้มากเข้า ก็เจ็บมาก
ภาพชีวิตที่ผ่านมาทุกวันมันมีเขาอยู่ด้วยเสมอ นี่แหละที่ทำให้ใครหลายคนรับไม่ได้ หากภาพต่อไปของชีวิต จะไม่มีเขามาเป็นส่วนหนึ่งอีกแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องถามใจตัวเองว่า ถ้ารู้อะไร ๆ มากเข้า เรายังจะรักเขามากพอที่จะรับความชั่วร้ายของเขาได้ไหม ถ้าตอบว่าได้ แล้วเราสามารถหยุดความรู้สึกเหล่านี้ได้หรือไม่...รู้มาก เจ็บมาก เจ็บมาก เกลียดมาก เกลียดมาก เพราะรักมาก
หลายคนอาจตอบว่า แม้คำตอบของหัวใจจะบอกว่ายังรักเขามากพอที่จะรับความชั่วร้ายได้ แต่ไม่รู้เสียเลยจะดีกว่า เพราะพอรู้มาก ๆ เข้า ก็จะเกิดคำถามอีกว่า มีอะไรอีกไหมที่เรายังไม่รู้ แถมนาน ๆ ไป กลายเป็นเจ็บมากเข้า ๆ จนรู้สึกว่าช่างมันเถอะ...ช่างมัน
บางคนเลยขอไม่รู้อะไรเลยยังจะดีเสียกว่า ไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บต่ออีกหลายทอด เลยไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว แต่...การไม่รู้เสียเลยน่ะ มันไม่เจ็บจริงหรือ? ชีวิตต่อไปจะราบรื่นกับการไม่รู้นั่นจริงใช่ไหม? เราจะ "ช่างมันเถอะ!" ไปได้อีกนานแค่ไหน? ปิดหู ปิดตา แต่ว่าเรายังคงรู้สึกอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม? เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าลืมวันเกืดหรือว่าผิดนัด มันเป็นเรื่องใหญ่ที่จะทำให้เราจัดการเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตไม่ได้ จนส่งผลถึงเรื่องอื่น ๆ เช่น นอนไม่หลับ กินไม่ลง ทำงานไม่ไหว
จะ "ช่างมันเถอะ" กับเรื่องที่เราไม่รู้ หรือ "ช่างมันเถอะ" กับเรื่องที่เขาทำก็ตามแต่อย่า "ช่างมันเถอะ" กับความเจ็บปวดของตัวเอง ขอแค่นี้...พอ