รบกวนวิจารณ์ นัก(อยากจะ)เขียนมือสมัครเล่นหน่อยค่ะ เจวานีเซียพิภพมนตรา

กระทู้สนทนา
สร้อยคอเส้นบางพร้อมด้วยจี้แก้วทรงกระบอกใสสูงไม่เกินหนึ่งเซ็นติเมตร ภายในบรรจุด้วยอัญมณีทรงลูกบากศ์ที่เจียระไนอย่างสวยงามสีน้ำเงินเข้มไว้สามเม็ดแต่กลับดูสว่างใสอย่างน่าประหลาด ทำให้ผู้ได้รับสนใจในสร้อยเส้นนี้มากขึ้นทุกที

                              เมื่อความแค้น ความเกลียดชังที่ฝังลึกข้ามกาลเวลาเป็นสิ่งนำพาให้ทุกๆอย่างเกิดขึ้น การแก้แค้นและบทสรุปที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นจุดจบของความแค้นที่ยืดเยื้อมากกว่า 5,000 ปี

รบกวนช่วยวิจารณ์นิยายหน่อยนะคะ พึ่งลองแต่งแนวแฟนตาซีครั้งแรกค่ะ

http://writer.dek-d.com/tong13582/writer/view.php?id=985099

ปล. คอมเม้นวิจารณ์ในกระทู้ได้เลยนะค่ะ หรือใครอยากอ่านต่อหรือคมเม้นเพิ่มเติมก็ตามไปที่เด็กดีได้ค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำวิจารณ์ค่ะ ยิ้ม

ตัวอย่าง

Chapter 1
                        เสียงฝีเท้าย่ำไปบนทางเดินหินจนเกิดเป็นเสียงจังหวะเดินอย่างสม่ำเสมอดังคลอไปกับเสียงสายลมที่พัดผ่านเจ้าของเสียงฝีเท้าไป ร่างสูงโปร่งของเด็กสาวเจ้าของผมสีดำรีบเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่เมื่อใกล้บ้านเสียงฝีเท้ากลับเบาลงเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดไปรอบๆก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูและเปิดออกอย่างเบาที่สุดแต่ก็ไม่พ้นสายตาของคนที่กำลังเฝ้ารอการกลับมาของลูกสาวตัวแสบอยู่ดี
                        “ชาร์เน็ต วิสเทลล์” เสียงเรียกเย็นๆที่ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งโย้งก่อนที่หันหน้าไปมองตามเสียงเรียก ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป
                        “ขา... แม่” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหันกลับไปสบกับดวงตาสีเขียวที่มองเขม็งมายังตนใบหน้าที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนที่ตอนนี้ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
                        “ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อน ไปไหนมาทำไมพึ่งกลับ แล้วทำไมสภาพเป็นแบบนี้” คำถามที่ยิงมาเป็นชุดทำให้คนถูกถามทำหน้าตาไม่ถูกพร้อมกับก้มลงสำรวจตัวเอง ก็แค่ เสื้อนอกและกระโปรงพลีทที่เคยเป็นสีเทาอ่อน ตอนนี้มีคราบสารพัดสีเต็มไปหมด เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในก็สภาพไม่ต่างกันเท่า ผมเผ้าที่ไม่ต้องดูก็พอจะรู้ว่ากระเซอะกระเซิงอยู่พอควร เจ้าตัวได้แต่กลืนน้ำลาย ก่อนจะพูดออกไปเสียงอ่อยๆว่า
                        “มะ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ อุบัติเหตุนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ” พูดเปล่าไม่พอ ตัวต้นเรื่องยังยกมือขึ้นประกอบว่านิดหน่อยจริงๆ
                        “แน่ใจหรอว่านิดหน่อยน่ะ” อีกเสียงที่ดังขึ้นมา พร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้าประตูมา
ดวงตาสีเขียวส่อประกายขบขันเล็กๆ “แต่ที่พี่ได้ยินมามันไม่ใช่อย่างนั้นน่า”
                        “โหย.... พี่อ่ะ ไม่ช่วยกันเลยนะ ไม่ได้มีอะไรมากซะหน่อย” ชาร์เน็ตหันไปพูดกับ
เซบาสเตียน พร้อมกับทำหน้างอน้อยๆ
                        “ไปอาบน้ำดีกว่า” พูดไม่พูดเปล่า แต่เจ้าตัวก็รีบโกยอ้าวก่อนที่มารดาจะทันรั้งไว้
                        “ชาร์เน็ต!!” เสียงที่ไม่น่าตามไปถึงทำให้คนพูดได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปหาบุตรชายของตนเพื่อถามไถ่เรื่องราว
                        “สรุปน้องไปมีเรื่องอะไร กับใครมาละ”
                        “ก็เรื่องเดิมๆน่ะครับแม่ ทำงานที่ชมรม แล้วก็พวกคริสตี้ก็มาหาเรื่องเขาน่ะ แล้วคนของเราน่ะ ยอมที่ไหน ก็เลยมีเรื่องมา เละพอกันทั้งสองฝ่ายแหละครับ”
                        “เฮ้อ... จริงๆเลยนะ แล้วเราละหิวหรือยังจะกินข้าวเลยไหม”
                        “นิดหน่อยนะครับ เดี๋ยวขอผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนละกัน คงลงมาพร้อมน้องแหละ” พูดจบร่างสูงของเซบาสเตียนก็เดินขึ้นชั้นบนของบ้านไป
                        เดล่าได้แต่มองตาหลังของบุตรชายขึ้นไป ก่อนที่ตนเองจะเดินเข้าครัวเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นต่อ
                       
                        หลังจบมื้ออาหารเย็น
                        “ชาร์เน็ต มีการบ้านไหมลูก” เดล่าเอ่ยถามขณะกำลังเก็บโต๊ะกินข้าว
                        “มีค่ะ” ชาร์เน็ตตอบขณะที่มือกำลังเก็บจานของตน
                        “งั้นขึ้นไปทำเถอะ เดี๋ยวที่เหลือแม่กับพี่เก็บเอง” เดล่าพูดพร้อมกับหันไปสบตาเซบาสเตียนอย่างมีความหมาย
                        “ได้ค่ะแม่ มีอะไรเรียกแล้วกันนะค่ะ” ชาร์เน็ตพูดก่อนจะเดินออกจากห้องกินข้าวเดล่าได้แต่มองตาม แล้วถอนหายใจออกมา
                        “ใกล้เวลาแล้วหรือยังครับแม่” เซบาสเตียนถามมารดาขณะที่กำลังเก็บของ
                        “จวนเต็มทีแล้วละ มะรืนนี้ชาร์เน็ตก็จะอายุเต็มสิบห้าแล้ว”
                        “แม่ครับ แต่ผมห่วงน้องจัง” ถึงแม้เซบาสเตียนกับชาร์เน็ตจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่ตัวเขาเองก็รัก หวง และห่วงชาร์เน็ตมาก อาจจะเพราะโตมาด้วยกัน และชาร์เน็ตก็รู้ตัวดีว่าตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับทั้งสอง แต่ชาร์เน็ตก็ทั้งรักและเคารพสองคนนี้เหมือนครอบครัวแท้ๆ
                        “คนทุกคนยอมมีหน้าที่ของตัวเอง เราก็มีหน้าที่ดูแลชาร์เน็ตให้ดีที่สุด ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึงเท่านั้น” ดวงตาสีเขียวเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างซึ่งตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้วดวงดาวที่ส่องแสงอยู่เต็มท้องฟ้าแทนที่ดวงจันทร์ในคืนเดือนมืดราวกับว่าดวงดาวและท้องฟ้าจะได้ดูดซึมความกังวลใจออกไปจากคนมองได้บ้าง
                       
                        วันรุ่งขึ้น
                        “อรุณสวัสดิ์ค่า แม่ พี่” ชาร์เน็ตในเครื่องแบบนักเรียนที่ไม่เละเทะอย่างเมื่อวานเดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าสดใส ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะกินข้าวที่มีเซบาสเตียนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ในขณะที่เดล่ากำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัวที่ติดกับส่วนของห้องทานข้าว เมื่อชาร์เน็ตนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อยและกำลังจะหยิบแก้วนมสดที่เดล่าเทไว้ให้เหมือนทุกเช้ามาดื่ม
เซบาสเตียนก็ได้ลดหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนจะหันมาพูดกับชาร์เน็ต
                        “ว่าไงยัยตัวแสบ วันนี้จะไปก่อเรื่องอะไรอีกไหม? หึ?”
                        “โหย พี่อ่ะ อย่าพูเหมือนหนูชอบไปหาเรื่องได้ไหม เรื่องน่ะมันชอบมาหาหนูต่างหาก” ชาร์เน็ตว่าก่อนจะส่งค้อนวงเบ้อเริ่มไปให้เซบาสเตียนหนึ่งที
                        “พี่น้องคู่นี้ เจี๊ยวจ๊าวอะไรกันแต่เช้าจ้ะ” เดล่าเดินเข้าที่ห้องทานข้าวพร้อมกับจานอาหารเช้าในมือ
                        “แม่ขา ก็พี่นะสิ ว่าหนูแต่เช้าเลยอ่ะ” ชาร์เน็ตพูดพร้อมกับพยักเพยิดไปทางเซบาสเตียน
                        “ขี้ฟ้องหนักนะเรา นี่แหนะ” เซบาสเตียนเอื้อมมือมาขยี้ผมชาร์เน็ตเบาๆพร้อมกับทำหน้าหมั่นเขี้ยว
ส่วนชาร์เน็ตก็ได้แต่พยายามปัดมือพี่ชายออกพลางส่งหน้าบู้ๆไปให้ ทำให้เดล่าได้แต่ยิ้มอ่อนๆไปที่ทั้งสองคน
                        “เอ้าๆ กินข้าวกันเถอะ อย่ามัวแต่เล่นกันอยู่ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”
                        “ครับ/ค่า”
                        “ชาร์เน็ต เดี๋ยววันกลับเร็วหน่อยได้ไหม มีเข้าชมรมรึเปล่า” เดล่าถามขณะที่กำลังจัดการอาหารเช้าของตัวเองอยู่
                        “ไม่มีค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูจะรีบกลับแล้วกันนะค่ะ” ชาร์เน็ตตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มให้มารดา
                        “อิ่มแล้วครับ ไปก่อนนะครับแม่” เซบาสเตียนพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับเสยผมสีน้ำตาลอ่อนให้เข้าที่เข้าทาง
                        “พี่!! รอด้วยสิ” ชาร์เน็ตรีบหันไปเรียกเซบาสเตียนก่อนจะหันไปกอดเดล่าหนึ่งที
                        “ไปแล้วนะค่ะแม่” พอพูดจบร่างโปร่งของเด็กสาวก็รีบตามร่างสูงๆของเซบาสเตียนออกไปในทันที เดล่าได้แต่มองไล่หลังออกไปก่อนที่ตัวเองจะเริ่มทานอาหารเช้าต่อ
                       
                        เมื่อเดล่าจัดการเก็บล้างในครัวเสร็จร่างบางของหญิงสาววัยกลางคนก็ค่อยๆ
ก้าวขึ้นไปบนชั้นสองก่อนที่จะเข้าห้องของตนเองไป โดยที่มือไม่ได้แตะลูกบิดประตูก่อนที่
ประตูจะปิดตัวเองลงหลังจากเจ้าของห้องเดินเข้าไปในไม่ช้า ภายในห้องที่บรรยากาศค่อนข้าง
สลัวๆ เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มากมายหนักถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ จะมีก็แต่อ่างแก้วใสขนาดกลาง
ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงนั้นที่จะดูผิดแผกไปจากสิ่งอื่นในห้อง ร่างบางเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าอ่าง
ใบนั้นก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะเพื่อหยิบถุงกำมะหยีสีแดงเข้มขนาดไม่เกินหนึ่งฝ่ามือออกมา มือบาง
ค่อยๆล้วงลงไปในถุงนั้นก่อนจะหยิบเม็ดคริสตัลออกมาจากถุงและค่อยๆเรียงเม็ดคริสตัลทรง
สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนลงไปที่ก้นอ่างแก้วเป็นวงกลม เมื่อเรียงเสร็จมือบางก็ยกขึ้นเหนืออ่างใสและ
คว่ำมือลงพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง สายน้ำเล็กๆค่อยๆไหลออกมาจากมือนั้นจนกระทั่งน้ำ
ในอ่างมีปริมาณประมาณสองในสามของอ่างจึงรวบมือขึ้นพร้อมกับสายน้ำที่หยุดไป
                        มือทั้งสองข้างยกขึ้นเหนืออ่างใสพร้อมกับคว่ำมือลง ริมฝีปากบางเปล่งบทสวด
ภาษาประหลาดออกมาก่อนที่ผิวน้ำที่เคยเรียบนิ่งจะเริ่มสั่นน้อยๆพร้อมกับปรากฏภาพของชาย
ผมสีดอกเลาแต่ใบหน้านั้นกับไม่ได้ดูมีอายุเท่ากับสีผมบนศีรษะสักเท่าไหร่นัก ภาพของชายที่
สะท้อนอยู่บนผิวน้ำเอ่ยทักมาอย่างคุ้นเคย
                        “เดล่า ไม่ได้ติดต่อมาซะนานเลยนะ”
                        “ค่ะท่าน ตอนนี้ทางด้านนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ”
                        “ยังไม่มีอะไรร้ายแรง เหมือนทุกอย่างกำลังรอเวลาน่ะ” ผู้สูงวัยกว่าตอบกลับมา
พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
                        “แล้วชาร์เน็ตเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าได้มอบสิ่งนั้นให้เธอหรือยัง”
                        “ชาร์เน็ตสบายดีค่ะ คิดว่าจะมอบให้ภายในวันนี้แหละค่ะ”
                        “อืม ก็ดีแล้ว เวลามันใกล้เข้ามาแล้วละ”
                        “ค่ะ ตอนนี้ฉันเองก็กำลังดูแลชาร์เน็ตอย่างเต็มที่”
                        “ขอบใจเจ้ามากนะ ลำบากเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอบใจจริงๆที่ช่วยดูแล”
                        “ไม่เป็นไรค่ะ ในฐานะของผู้รับรู้ ฉันเข้าใจว่าการดูแลชาร์เน็ตเป็นเรื่องที่สำคัญ
มาก มากพอที่จะทำให้ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปได้”
                        “เราคงรบกวนเจ้าอีกไม่นานแล้วละ เมื่อไหร่ที่สิ่งนั้นได้กลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง
โชคชะตาก็จะเริ่มทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง”
                        “ค่ะ จนกว่าจะถึงเวลา”
                        “วันนี้ขอบใจเจ้ามากนะที่อุตส่าห์ติดต่อมา”
                        “ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว” บทสนทนาที่สิ้นสุดลงพร้อมกับใบหน้าบนผิว
น้ำที่หายไป มือบางยกขึ้นก่อนจะกวาดไปเหนืออ่างพร้อมกับน้ำที่หายไปและคริสตัลที่กลับขึ้นมา
อยู่บนมืออีกครั้ง มือบางค่อยๆเก็บคริสตัลใส่ถุงก่อนจะเก็บถุงกำมะหยีเข้าที่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่